ตอนที่ 122 หรือจะให้ผมป้อนคุณ
เผยลี่เชินหน้าถอดสี รีบกำชับบอก “ป้าจางครับ หล่อนดื่มเมาแล้ว ป้ารีบไปเตรียมซุปร้อนๆไว้หน่อยนะ”
ป้าจางยังตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ตอบรับอย่างเชื่องช้า “รับทราบค่ะ”
“ใครบอกว่าฉันเมา?” ไป๋เสว่เอ๋อไม่พอใจดิ้นไปมา ขมวดคิ้วตึง “คุณปล่อยฉันลงไปนะ”
หล่อนไม่ได้เมา กลับมีสติเต็มเปี่ยม
เผยลี่เชินได้ยินเช่นนั้น ขมวดคิ้วเข้าหากัน เหลือบตามองไปที่สีหน้าแข็งทื่อของฝ่ายหญิง ไม่ได้พูดอะไรออกมา
ถูกเขาจ้องมองอยู่นาน ไป๋เสว่เอ๋อแทบจะเหมือนลูกบอลที่ถูกปล่อยลมออก ท่าทีแข็งข้อดื้อดันของหล่อนค่อยๆเปลี่ยนเป็นความเย็นชา จนสุดท้ายหล่อนจึงยอมปิดปาก เงียบสงบลง
เผยลี่เชินจึงจะก้าวเดินต่อ อุ้มหล่อนขึ้นไปด้านบน
เพิ่งจะเดินขึ้นไปถึงชั้นสอง เผยลี่เชินก็ก้มหน้าลงมา มองไปที่หล่อน ดุว่าหล่อน “เมาแล้วยังจะเดินไม่ระวังอีก? แผลบนตัวยังมีไม่พออีกหรือไง?”
ช่วงนี้หล่อนดวงตกจริงๆเลย มีแต่เรื่องไม่ดีเกิดขึ้น ที่สำคัญคือเจอเรื่องโชคร้ายไม่เป็นไร แต่สุดท้ายต้องทำให้ตัวเองเจ็บตัวอยู่เรื่อยเขาอยากจะลงโทษหล่อนเต็มทนแต่ก็ทำไม่ลง
ไป๋เสว่เอ๋อนิ่งเงียบ ทั้งยังไม่มองหน้าเขา หล่อนยังคงไม่พอใจกับการกระทำของเผยลี่เชินเมื่อครู่
ในเมื่อเขาไม่ยอมพูดถึงอดีตของตัวเขา แล้วทำไมถึงต้องมาทำดีขนาดนี้กับหล่อนด้วย? ทุกครั้งต้องทำให้หล่อนคิดเพ้อฝัน ให้หล่อนคิดว่า พวกเขาทั้งสอง…..
เผยลี่เชินอุ้มไป๋เสว่เอ๋อเข้าไปในห้องนอน ค่อยๆวางหล่อนลงบนเตียงด้วยความทะนุถนอมอ่อนโยน มือของเขายื่นไปจับข้อเท้าของหล่อนไว้
ไป๋เสว่เอ๋อตกใจ รีบชักเท้าขึ้น สีหน้าตกใจกระวนกระวายมองไปที่เผยลี่เชิน “คุณ…คุณจะทำอะไร?”
แม้ว่าหล่อนจะดื่มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ถึงกับเมา เมื่อครู่เป็นเพราะว่าหล่อนยังมีปมในใจค้างคาอยู่ แต่ทำไมจู่ๆตอนนี้ก็มีใจทำเรื่องอื่นได้
เผยลี่เชินเงยหน้าขึ้น มองหน้าหล่อนด้วยท่าทีจริงจัง “คุณคิดว่าผมจะทำอะไร?”
ไป๋เสว่เอ๋ออึกอัก พูดไม่ออก เผยลี่เชินยกมือขึ้น ถอดรองเท้าส้นสูงที่หล่อนใส่อยู่ มือที่แสนอุ่นสัมผัสไปที่ข้อเท้าของหล่อน ค่อยๆนวดให้เบาๆอย่างอ่อนโยน “เจ็บไหม?”
“…..โอเคขึ้นค่ะ”
เมื่อครู่ที่หล่อนเดินสะดุด แม้ว่าจะล้มลงไป แต่ข้อเท้าไม่ได้รับการกระทบกระเทือนอะไรมาก ที่เจ็บคือบริเวณเข่า แต่หล่อนก็คิดไม่ถึงเลยว่า เผยลี่เชินจะอดทนนวดข้อเท้าให้หล่อนได้อย่างใส่ใจขนาดนี้
ตรงที่ที่หล่อนนอนอยู่ เมื่อมองตรงไปข้างหน้าสามารถเห็นคิ้วอันคมเข้มและดวงตาอันเป็นประกายของฝ่ายชายได้อย่างชัดเจน ขนตาของเขา งอนยาวขนาดนั้นเชียว…….
สายตาของไป๋เสว่เอ๋อค่อยๆเลื่อนไปมองรอยเส้นและริ้วรอยบนหน้าของเขา เหม่อมองอยู่นานสักพัก
ไม่นานนัก เผยลี่เชินเงยหน้าขึ้น กำลังจะอ้าปากพูด เมื่อเห็นสายตาที่หล่อนมองมาแบบนี้ เขาตะลึงไปสักพัก
ผู้หญิงคนนี้ ทำไมจึงใช้สายตาที่เต็มไปด้วยความรักและอ่อนโยนจ้องมองมาที่เขา?
เขายักคิ้วขึ้น กำลังจะพูดบางอย่าง ไป๋เสว่เอ๋อกลับได้สติขึ้นมาแล้ว รีบเบี่ยงสายตา มองไปทางอื่น
เผยลี่เชินชะงักไปครู่หนึ่ง หลังจากนั้นสักพัก เอ่ยปากพูดขึ้นเบาๆ “แค่คุณคนเดียว”
“คืออะไรคะ?” ไป๋เสว่เอ๋อได้ยินสิ่งที่เขาพูด แต่ไม่รู้ว่าเขากำลังหมายถึงอะไร
เผยลี่เชินเงยหน้ามองไปที่หล่อน “คุณถามผมไม่ใช่หรอว่าผมมีผู้หญิงมากี่คนแล้ว ก็คุณคนเดียวไง”
รอให้เขาพูดซ้ำอีกรอบ ไป๋เสว่เอ๋อจึงจะเข้าใจขึ้นมา ที่แท้สิ่งที่เขากำลังพูดถึงก็คือเรื่องนี้…
คนเดียว? เป็นไปได้ยังไง?
ไป๋เสว่เอ๋อมองเขาด้วยความประหลาดใจ ตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกอยู่สักพัก
เผยลี่เชินเข้าใจอย่างดีว่าหล่อนจะต้องไม่เชื่อ เข้ายิ้มมุมปากพร้อมพูดขึ้น “หากจะพูดถึงผู้หญิงหลายคน ถ้าจะพูดในมุมมองของกู้หลี่เหลียง เหออย่าหานเป็นหนึ่งในนั้น เพื่อนร่วมทำงานเมื่อก่อนที่เคยไปให้สัมภาษณ์นักข่าวด้วยกัน ถูกนักข่าวจับคู่ให้ ก็ถือเป็นหนึ่งคน และยังมีเพื่อนที่รู้จักกันมานานอีกหนึ่งคน”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อได้ยินสิ่งที่เขาอธิบาย หล่อนเริ่มรู้สึกสบายใจขึ้น แต่หล่อนก็ยังไม่ยอมปักใจเชื่อ เผยลี่เชินเหมือนผู้ชายที่ไม่เคยมีผู้หญิงมาก่อนตรงไหน
เผยลี่เชินปล่อยมือที่จับข้อเท้าหล่อนไว้อยู่ ค่อยๆพูดขึ้น “ไป๋เสว่เอ๋อ คุณรู้ไว้นะ กว่าที่ผมจะเดินมาถึงจุดที่สูงขนาดนี้ในวันนี้ ผมต้องอดทนพยายามอย่างมาก ไม่เพียงแต่ความขยันเท่านั้น แต่ยังต้องทุ่มเทเวลา ผมไม่มีทางไปเสียเวลาอันมีค่าของผมกับผู้หญิงแน่นอน ”
แม้ว่าจะเป็นคำพูดที่พูดขึ้นมาลอยๆ แต่เมื่อลองคิดดูแล้ว กลับทำให้ปวดใจยิ่งนัก
ไป๋เสว่เอ๋อเงียบไปพักใหญ่ ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรออกมาดี จู่ๆก็มีเสียงเคาะประตูของป้าจางดังขึ้น
“คุณเผยคะ ฉันเอาซุปมาให้ค่ะ”
“เข้ามาสิ”
ป้าจางยกซุปเข้ามาเสิร์ฟ นำถาดวางตรงไปด้านข้างของโต๊ะ มองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อที่นั่งอยู่ปลายเตียง อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น “คุณไป๋เป็นอย่าไงรบ้างคะ? เจ็บตรงไหนรึเปล่า? ฉันไปเอายาทาแผลให้ไหมคะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อยิ้ม “ไม่เป็นไรค่ะ ป้าจาง ฉันไม่มีได้บาดเจ็บอะไรมาก”
ป้าจางจึงจะวางใจ ออกจากห้องไป
ห้วงเวลานี้ ทั้งห้องเหลือเพียงเขาสองคน เมื่อไป๋เสว่เอ๋อเงยหน้าขึ้นมา บังเอิญสบตากับเผยลี่เชินพอดี
เขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตรงข้ามหล่อน ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ถามขึ้น “ยังอยากรู้อะไรอีกรึเปล่า?”
ไป๋เสว่เอ๋อลังเลอยู่สักพัก “ไม่มีแล้วค่ะ”
เผยลี่เชินจ้องมองหล่อนอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็เบี่ยงสายตามองไปที่ข้อเท้าของหล่อน “พักผ่อนเยอะๆนะ อีกไม่กี่วันต้องไปร่วมงานการกุศล เข้าใจไหม?”
“อื้ม” ไป๋เสว่เอ๋อพยักหน้า มองดูเผยลี่เชินลุกขึ้นและเดินออกไป หล่อนรู้สึกใจหายขึ้นมาทันที แต่ผ่านไปไม่นาน เสียงประตูดังขึ้นอีกครั้ง ผู้ชายที่ทำให้หล่อนใจสั่นเดินเข้ามา พร้อมกับเอกสารในมือ
เห็นหล่อนยังอยู่ในท่าทางเหมือนกับเมื่อครู่ ราวกับไม่ได้ขยับตัวสักนิดเลย เผยลี่เชินกระตุกคิ้วขึ้น “เป็นอะไรไป? ทำไมไม่ทานซุปล่ะ?”
เขาพูดพลาง วางเอกสารภาษาจีนในมือลงไปอีกด้าน หยิบถ้วยซุปขึ้นมา “หรือจะต้องให้ผมป้อน?”
“ไม่ต้อง….” ไป๋เสว่เอ๋อหน้าแดงก่ำ รีบยื่นมือไปรับถ้วยจากมือของเขา
“ทานซุปให้หมด ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”
เผยลี่เชินพูดพลางนั่งลงไปตรงข้ามหล่อน จากนั้นเปิดเอกสารขึ้นอ่าน
เวลาผ่านไป บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดขึ้นอีกครั้ง
ไป๋เสว่เอ๋อทานซุปร้อนๆไปหนึ่งคำ รู้สึกว่าตัวอุ่นขึ้นมาทันที เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นท่าทางอันสง่างามของผู้ชายตรงหน้าที่กำลังเปิดเอกสารอ่านอยู่
ถ้าสามารถหยุดเวลาตอนนี้ไว้ได้คงจะดีมาก
หลังจากนั้นไม่กี่วัน งานการกุศลของเมืองไห่เฉิงก็เริ่มเปิดฉากขึ้น
ก่อนที่จะถึงวันงานการกุศล ทุกฝ่ายในบริษัทตระกูลเผยจะต้องรีบจัดการงานเร่งด่วนทั้งหมด ส่วนงานที่ไม่ค่อยสำคัญให้จัดการภายหลัง เพราะผู้บริหารระดับสูงของบริษัทที่ประกอบไปด้วย เผยลี่เชิน เผยอี้ และ ฟางหรงเทียน ต้องเข้าร่วมงานการกุศลนี้ และงานการกุศลที่จัดขึ้นมีเวลาร่วมสามวัน งานทั้งหมดจึงจำเป็นต้องเลื่อนไปภายหลัง
สำนักข่าวและช่องโทรทัศน์ของเมืองไห่เฉิงต่างพากันทำข่าวการเตรียมตัวเปิดงานการกุศลทั้งอาทิตย์ หรืออาจพูดได้ว่าเป็นการโฆษณาเพิ่มกระแสให้การจัดงานกุศลได้มากถึงมากที่สุด
เช้าตรู่ของงานวันแรก เมื่อไป๋เสว่เอ๋อตื่นขึ้นมา หล่อนได้ยินเสียงดังวุ่นวายจากด้านล่าง เมื่อหล่อนลงมา ก็เห็นคนงานกำลังยุ่งกับการขนย้ายของกันอยู่
เมื่อป้าจางเห็นไป๋เสว่เอ๋อ รีบยิ้มทักทายทันที “คุณไป๋คะ อาหารเช้าจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้วค่ะ รีบทานนะคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อยิ้มพยักหน้า ลองพูดถามขึ้น “พวกเขากำลังขนย้ายอะไรกันหรอคะ?”
“วันนี้คุณเผยกับคุณจะไปร่วมงานการกุศลกันไม่ใช่เหรอคะ? คืนวันนี้ก็ไม่ได้กลับมา พรุ่งนี้เช้าก็ต้องไปปีนเขา คุณเผยจึงให้พวกเราเตรียมชุดปีนเขากับของอื่นๆ และเช้านี้พวกเราทำขนมทานเล่นไว้ ถึงตอนนั้นจะได้เอาไปแจกให้เด็กๆที่สถานสงเคราะห์”
ไป๋เสว่เอ๋อพยักหน้า “ลำบากป้าจางเลยนะคะ”
สถานที่ที่พวกเขาจะไปทำบุญเป็นที่แรก ก็คือไปเยี่ยมเด็กๆที่สถานสงเคราะห์เด็กของเมืองไห่เฉิง ขนมพวกนี้ แม้ว่าไม่ได้ดูมีค่าอะไรมาก แต่ก็แสดงถึงความมีน้ำใจ
ป้าจางหยิบกล่องที่ตั้งอยู่ด้านข้างขึ้นมาเปิดออก ยื่นให้ไปเสว่เอ๋อ “คุณไปคะ ชิมสักหน่อยสิคะ รสชาติเป็นยังไงบ้างคะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อยื่นมือไปรับ ทานไปหนึ่งชิ้น กลิ่นเนยหอมกรุ่น กรุบกรอบกำลังดี คุกกี้แบบนี้เทียบได้กับคุกกี้ที่ขายตามร้านด้านนอกเลย
สีหน้าของหล่อนแสดงถึงความมีความสุขและชื่นชอบ พยักหน้าขึ้นลง “อร่อยค่ะ!”
ป้าจางได้ยินคำชม ยิ้มไม่หุบ จากนั้นก็หันไปมองทางด้านหลังของหล่อน ยิ้มและพูดขึ้น “คุณเผยมาแล้ว! คุณไป๋ป้อนเขาสักคำสิคะ ให้เขาลองชิมดู!”