ตอนที่ 104 ผู้หญิงซื่อบื้อ
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “นอกจากช่วงกินข้าวเที่ยว เวลาอื่นฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่ไหน”
เผยลี่เชินถามต่อ “วันนี้มีใครมาที่ออฟฟิศของเธอหรือเปล่า?”
“ก็มีคนแต่ละแผนกมาส่งงานเอกสาร แต่ก็แค่ววางเอกสารแล้วเดินกลับไป ไม่มีใครที่น่าสงสัย”
ตรงออฟฟิศของเธอก็ไม่มีกล้องวงจรปิด แถมยังมีคนจากแต่ละแผนกมาส่งงานเอกสารอีก ช่วงที่เธอมาหาฉัน ยังไม่ได้ตรวจสอบเลย
ถ้าหากมีคนตั้งใจทำจริง ก็วางแผนเตรียมการไว้ล่วงหน้าเพื่อไม่ให้เธอจับได้แน่นอน
เงียบไปสักพัก ทันใดนั้นเผยลี่เชินก็พูดอย่างเยือกเย็น “น่าจะเป็นคนในบริษัท และต้องรู้ด้วยว่าเธอช่วยอานโหรวแปลหนังสือสัญญา แต่จะทำไปเพื่ออะไรกัน?”
พอไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินแบบนี้ จิตใจเธอเริ่มสับสน
เผยลี่เชินพูดอีกสองสามประโยค น่าจะเป็นช่วงตอนที่เธอไปกินข้าวกลางวันจึงมีคนมาลบไฟล์เอกสารของเธอ ต้องเป็นคนในบริษัทแน่นอน แต่เขาจะไปเพื่ออะไร ทำแบบนี้จะได้ประโยชน์อะไร
ความคิดติดค้างอยู่ในใจ เวลาผ่านไปไม่มีความคืบหน้า ถึงตอนนี้โทรศัพท์บนโต๊ะดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นเต้น แต่ก็รีบรับโทรศัพท์
เป็นอานโหรวโทรมาจริงๆ ด้วย “เลขาไป๋..หนังสือสัญญาเรียบร้อยหรือยัง? ตอนนี้ผ่านมาครึ่งชั่วโมงแล้ว ฉันต้องเอาไปให้รองประธานฟางอีก….”
“เลขาอาน” เห็นได้ชัดว่าไป๋เสว่เอ๋อร์อารมณ์ไม่ปกติ คำพูดติดอยู่ลำคอ พูดอะไรไม่ออก เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นก็พบกับสายตาของเผยลี่เชินพอดี
ยิ่งประหม่าเธอก็ยิ่งรู้สึกอายมากขึ้น ไม่รู้ว่าจะอธิบายให้อานโหรวเข้าใจว่าอย่างไรดี แต่สายตาของเผยลี่เชินต้องการเห็นตัวเธอเองแก้ไขปัญหา
เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ พร้อมพูดเบาๆ “เลขาอานคะ เมื่อสักครู่ฉันเพิ่งเห็นว่าเอกสารที่แปลใกล้เสร็จแล้วมันหายไปคะ”
น้ำเสียงของอานโหรวเปลี่ยนไป “หมายความว่าอย่างไร? ทำไมถึงหายไป ไม่มีไฟล์สำรองหรือ?”
“ตอนนี้กำลังหาในคอมพิวเตอร์อยู่คะ แต่หาไม่เจอ เลขาอาน รบกวนช่วยพูดกับรองประธานฟาง ขอเวลาให้ฉันสักหน่อย พรุ่งนี้เช้าฉันจะส่งให้คะ”
วันนี้หาเอกสารไม่เจอ แบบนี้ไม่ใช่วิธีการที่ถูกต้อง เธอต้องคิดหาวิธีแก้ไข วิธีเดียวคือคืนนี้เธอต้องทำงานล่วงเวลา โดยพิมพ์เอกสารใหม่ทั้งหมด แบบนี้จึงจะเป็นวิธีที่ง่ายกว่า พรุ่งนี้เช้าค่อยส่งเอกสาร
อานโหรวรู้สึกผิดหวัง “เลขาไป๋ ทำไมถึงปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ ฉันอุตส่าห์ไว้ใจคุณ….”
“ที่จริงฉันบอกกับรองประธานฟางว่าจะส่งเอกสารให้เขาบ่ายวันนี้ แต่ตอนนี้กลับมาเกิดเรื่องแบบนี้ คุณจะให้ฉันบอกกับรองประธานฟางว่าอย่างไร?”
เธอรู้สึกผิดอย่างมาก เธอจึงกล่าวว่า “ขอโทษคะ เลขาอาน เรื่องนี้ฉันผิดเองฉันควรอธิบายเรื่องนี้ให้รองประธานฟางทราบด้วยตัวเอง”
“ช่างเถอะ เดี๋ยวฉันไปเอง”
เรื่องใบเสนอราคาครั้งที่แล้วก็ทำให้ฟางหรงเทียนโกรธมาก ถ้าวันนี้เขารู้เรื่องที่เธอทำเอกสารหายคงทำให้เขาโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก ใจไม่เป็นสุข “เลขาอาน ฉันจะรีบพิมพ์เอกสารใหม่ พรุ่งนี้เช้าจะเอาไปส่งให้คะ”
สิ่งต้องห้ามที่สุดในที่ทำงานคือการช่วยเหลือระหว่างเพื่อนร่วมงาน ถ้าทำไม่ได้ก็ควรปฏิเสธไปซะ แต่ถ้ารับปากแล้วสุดท้ายทำไม่สำเร็จ ก็จะทำให้ทั้งสองฝ่ายผิดใจกันมองหน้ากันไม่ติด
หลังจากวางโทรศัพท์ไป๋เสว่เอ๋อร์มีจิตใจหนักแน่น นิ่งไม่พูดอะไรเป็นนานสองนาน
เรื่องนี้เป็นคนความตั้งใจจริงของเธอ ไม่เพียงแต่เธอจะลืมสำรองไฟล์ไว้ ตอนออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ปิดคอมพิวเตอร์ซึ่งเท่ากับเปิดโอกาสให้คนภายนอกกลั่นแกล้งเธอได้
เป็นเวลานานพอสมควรจึงได้ยินเสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังดังมากจากข้างกายเธอ “ไป๋เสว่เอ๋อร์ สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือการแก้ไขความผิดพลาด ไม่ใช่มานั่งสงสารตัวเอง”
คำพูดของเผยลี่เชินเหมือนเสียงฟ้าผ่า ปลุกเธอตื่นในทันที เธอสูดลมหายใจ มองดูเผยลี่เชิน “ฉันรู้แล้ว จะรีบทำเดี๋ยวนี้คะ”
หลังจากที่เผยลี่เชินจากไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบคัดลอกหนังสือสัญญาต้นฉบับจาก usb แล้วเริ่มแปลใหม่ เพราะในสัญญามีคำเฉพาะมากเกินไป อีกทั้งยังมีเงื่อนไขเกี่ยวกับราคา ดังนั้นเวลาแปลจึงทำให้สับสนได้ง่าย มีหลายคำที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ต้องค้นหาใหม่
ถึงเวลาเลิกงานเธอพึ่งแปลได้สองสามหน้าเอง ดูท่าแล้ววันนี้เธอต้องทำงานล่วงเวลา
ครึ่งชั่วโมงผ่านไปพนักงานในบริษัทกลับบ้านเกือบหมดแล้ว ด้านนอกค่อยๆ เงียบๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงนั่งแปลสัญญาต่อไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังเข้ามาจากนั้นก็มีคนเปิดประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองคนที่ยืนอยู่ที่ประตูคือเผยลี่เชิน
เธอขยับตัวและรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ประธานเผย….”
เผยลี่เชินก้าวเท้าเดินเข้ามา วางสิ่งของที่อยู่ในมือไว้บนโต๊ะ ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูถึงพบว่าเป็นข้าวกล่อง
“กินข้าวก่อนแล้วค่อยทำต่อ”
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นเงยหน้ามองใบหน้าเย็นชาของชายหนุ่ม แต่ตอนนี้เลิกงานนานแล้ว เขาจำได้ว่าเธอยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลย
“ขอบคุณคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดขอบคุณเบาๆ พอลดระดับสายตาลงก็นึกอะไรออกบางอย่าง
วันนี้ตอนค่ำเผยลี่เชินมีนัดกับลู่อี้หลิงไม่ใช่หรือ? แล้วทำไปเขายังไม่ไป
เธอเงยหน้ามองเขา คำถามหยุดอยู่ที่ปากของเธอ แล้วเธอก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
เธอเปิดข้าวกล่องหยิบตะเกียบ กินข้าไปหนึ่งคำ รู้สึกคันคอจนไอออกมา
เผยลี่เชินมองลงมา เห็นหญิงสาวกำลังสำลักข้าวจึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวด
กินข้าวก็ยังสำลักอีก ผู้หญิงอะไรซื่อบื้อจัง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้มหน้า ยังคงไอไม่หยุดกำลังจะหยุดก็ไอขึ้นมาอีก จนหน้าแดงไปหมด เผยลี่เชินขมวดคิ้ว เห็นน้ำไปแก้วที่วางไว้บนโต๊ะหมดแล้วจึงหยิบแก้วไปเติมน้ำชามาให้เธอ
เห็นเผยลี่เชินเดินไปเอาน้ำมาให้ รู้สึกตะลึงเล็กน้อยแต่ในใจรู้สึกอบอุ่น
หลังจากดื่มน้ำที่เขานำมาให้ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงดีขึ้นมาก ตอนที่เธอจะเอ่ยขอบคุณเขาก็ได้ยินเขาพูดว่า
“กลับไปทำต่อที่บ้านเถอะ”
“ฉัน…..” ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเล จ้องมองเขาไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
สีหน้าของเผยลี่เชินดูเคร่งขรึม “ไม่อย่างนั้นเธอจะอยู่ที่นี่ทั้งคืนหรือไง?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หมดแรงเถียง จึงลุกขึ้นเก็บข้าวของแล้วเดินออกไปจากออฟฟิศพร้อมเขา
ดูเหมือนในบริษัทจะไม่มีคนอยู่แล้ว ทางเดินเงียบมาก ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามหลังเผยลี่เชินโดยไม่พูดอะไรเลย
ช่วงสองสามวันมานี้พวกเขาทั้งสองดูอึดอัดใจ สภาพแบบวันนี้ยิ่งไม่มีเรื่องให้พูดเข้าไปใหญ่
ตอนรอลิฟตไป๋เสว่เอ๋อร์ทนไม่ไหวจึงเริ่มคำถามก่อน “วันนี้คุณต้องไปทางข้าวกับคุณหนูลู่ไม่ใช่หรือคะ? แล้วทำไมยังไม่ไปอีก….”
เผยลี่เชินอารมณ์ยังคงที่ เมื่อได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์พูดแบบนี้จึงพูดเสียงเรียบๆ “ฉันมีเรื่องอื่นที่ต้องทำ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินแล้วก็ไม่พูดอะไร ตามเผยลี่เชินกลับไปคฤหาสน์
กลับถึงบ้านเจอป้าจางคะยั้นคะยอให้เธอกินข้าว กินอาหารร้อนๆ ก่อนสักหน่อย ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกมีแรงกระปี้กระเป่าขึ้นมากกลับขึ้นไปบนห้องทำงานต่อ ส่วนเผยลี่เชินเดิมทีที่นั่งอยู่บนโซฟาก็ลุกขึ้นเดินตามขึ้นไป
“ไป๋เสว่เอ๋อร์”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันกลับมามองเห็นเผยลี่เชินเดินตามขึ้นมา “ทำไมคะ?”
“ไปที่ห้องหนังสือของฉัน”
ห้องหนังสือ? ห้องหนังสือของเขาถือเป็นเขตหวงห้าม ไม่ให้คนนอกเข้าไปวุ่นวายไม่ใช่รึ?