ตอนที่ 117 คิดจะพาใครไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำท่าทางและสีหน้าจริงจัง “แม่…ครั้งที่แล้วก็อธิบายให้ฟังแล้วไม่ใช่หรือ?”
คุณแม่ไป๋ไม่เชื่อ “เสว่เอ๋อร์ แม่เห็นลูกมาแต่เล็กแต่น้อย ลูกจะยังมาปิดบังแม่อีก?”
จากมุมมองของเผยลี่เชิน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา และเธอก็ไม่มีค่าพอที่เขาจะมานั่งหาบอดี้การ์ดคุ้มกันเธอั้งวันทั้งคืนเป็นเวลาหลายวัน
ถ้าพูดว่าเผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่มีความสัมพันธ์อะไรกัน เธอก็คงไม่เชื่อ
คุณแม่ไป๋ถอนหายใจแล้วพูดต่อ “เสว่เอ๋อร์อย่าหาว่าแม่เจ้ากี้เจ้าการเลยนะ แม่เป็นห่วงลูก อายุลูกก็สมควรมีครอบครัวได้แล้ว เรื่องความรักแม่ไม่ขอยุ่งเกี่ยว แต่ลูกมีอะไรก็ควรบอกให้แม่รู้บ้าง อย่าทำให้แม่ต้องเป็นห่วงเข้าใจไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นใจ ขณะเดียวกันก็รู้สึกเศร้าใจเล็กน้อย เธอสูดหายใจลึกๆ จ้องมองคุณแม่ไป๋แล้วพยักหน้ารับ “แม่…หนูรู้แล้วคะ แม่วางใจเถอะ”
ถ้าเธอกับเผยลี่เชินเป็นแฟนกันจริงๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ต้องบอกคุณแม่ไป๋แน่นอน แต่พวกเขาไม่ใช่และตอนนี้เธอก็อยากทำงานให้ดี อีกทั้งเธอก็อยากสืบเรื่องที่พ่อถูกใส่ร้าย ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันทีหลัง
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ไป๋เสว่เอ๋อร์และคุณแม่ไป๋ไปทานข้าวด้วยกัน กลับถึงบ้านก็พักผ่อนสักครู่ ตอนบ่ายก็ตรงไปบริษัท
เมื่อถึงออฟฟิศของประธานเผย เธอกวาดตามองไปรอบๆ ไม่เห็นแม้กระทั่งเงาของเผยลี่เชิน ที่น่าแปลกกว่าคือว่า ไม่เห็นแม้แต่เงาของสวี่เยว่หรูและผู้ช่วยฝึกงาน
หรือว่าจะไปประชุม?
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมาถึงออฟฟิศตัวเอง หยิบแก้วน้ำเดินไปที่ห้องน้ำชา ตอนเดินมาถึงประตูได้ยินเสียงพูดคุยซุบซิบนินทา
“ฉันได้ยินว่า งานการกุศลครั้งนี้ไม่เหมือนคั้งก่อน มีการวางแผนจัดการกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย และยังอนุญาตให้ผู้เข้าร่วมงานพาพาร์ทเนอร์ต่างเพศเข้าร่วมด้วย”
“ทำไมถึงพาพาร์ทเนอร์ต่างเพศเข้าร่วมได้?”
“เพราะกิจกรรมบางอย่างต้องใช้แรงกายมาก ถ้าเป็นเพศเดียวกันมันก็จะไม่ยุติธรรม ครั้งนี้ต้องการเลือกตัวแทนงานการกุศลของเมืองไห่เฉิง ใครชนะไม่เพียงแต่ตัวเองจะได้หน้า แต่ยังเป็นตัวแทนบริษัทอีกด้วย”
“แบบนี้นี่เอง ฟังดูเข้าท่าดีเน้อ แต่พวกเธอคิดว่าประธานเผยของพวกเราจะพาใครไปเป็นพาร์ทเนอร์งานการกุศลครั้งนี้”
มันก็บอกยาก อาจจะเป็นเลขา เพราะฉันได้ยินว่ารองประธานฟางจะพาเลขาอานไป…”
“งั้นประธานเผย…ก็อาจจะพาเลขาไป๋ไปก็ได้?”
“เป็นไปไม่ได้ ก็ไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกทำร้ายไม่ใช่หรือ? ไม่เห็นเธอมาทำงานตั้งหลายวัน ฉันว่าประธานเผยอาจจะพาเลขาสวี่ไปก็ได้ เพราะเธออยู่บริษัทนี้มานาน…..”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านนอกประตู ได้ยินคำพูดของพวกเธอชัดเจน มือถือแก้วแน่น หันหลังเดินกลับออกมาจากห้องน้ำชา
ครั้งก่อนเธอได้ยินเผยลี่เชินพูดถึงเรื่องงานการกุศล คิดไม่ถึงพริบตาเดียวก็ใกล้วันงานแล้ว วันนี้บริษัทแจ้งให้ทุกคนทราบ ดังนั้นเห็นทุกคนต่างซุบซิบนินทางจึงเป็นเรื่องปกติ
เผยลี่เชินก็เคยพูดว่าจะพาเธอไป แต่เรื่องที่เธอถูกทำร้ายแพร่สะพัดในบริษัท
เธอกำลังคิดถึงเรื่องนี้ เหลือบมองเห็นเงาที่อยู่ด้านหน้า เธอเงยหน้าขึ้นก็เห็นฟางหรงเทียนและอานโหรว
เธอกลับมามีสติพร้อมรอยยิ้มทักทายพวกเขา “ท่านรองประธานฟาง”
ฟานหรงเทียนพยักหน้า กวาดสายตาไปที่ร่างของเธอ แล้วถามต่อ “ประธานเผยของพวกคุณล่ะ?ทำไมไม่เห็นเขา?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบพร้อมรอยยิ้ม “ประธานเผยอาจจะมีธุระออกไปข้างนอกคะ”
“อาจจะ?” สีหน้าของฟางหรงเทียนเปลี่ยไป เสียงสูงขึ้น เธอเป็นเลขา ประธานไปไหน เธอกลับไม่รู้?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบอธิบาย “ขอโทษคะ รองประธานฟาง ฉันเพิ่งมาถึงบริษัทคะ”
“เพิ่งมาถึงบริษัท” ฟางหรงเทียนเงียบไปสักครู่แล้วถามกลับ “ได้ยินว่าเมื่อสองสามวันก่อนเกิดเรื่องกับเธอใช่ไหม? เรื่องอะไร?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเงยหน้าขึ้นพบสายตาอันแหลมคมของฟางหรงเทียน “ฉัน….เป็นเพราะอุบัติเหตุเล็กน้อย”
เธอไม่อยากพูดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนั้น วันนี้ฟางหรงเทียนถามแบบนี้ เธอก็ตอบแต่ก็ตอบแบบคลุมเครือ
คาดไม่ถึงว่าฟางหรงเทียนจะถามต่อ “อุบัติเหตุอะไร? ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รุ้สึกแน่นบริเวณลำคอ อยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม พอถึงตอนนี้ก็มีเสียงลึกและทรงพลังมาจากด้านข้าง “รองประธานฟาง ในเมื่อมาถึงนี่ ทำไมไม่เข้าไปรอในออฟฟิศครับ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจหันไปมองเห็นเผยลี่เชินเดินมาทางพวกเขา ตอนนี้เธอจึงรู้สึกโล่งออก
ฟางหรงเทียนได้ยินเสียงจึงหัวเราะออกมา “ฉันเพิ่งมาถึง เห็นเลขาของคุณก็เลยทักทายถามไถ่ข่าวคราว”
เผยลี่เชินเดินเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์ มองฟางหรงเทียนด้วยรอยยิ้ม “งั้นก็ไปคุยกันต่อไปออฟฟิศกัน?”
“ได้”
เผยลี่เชินเห็นฟางหรงเทียนตอบรับ จึงหันมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ “เดี๋ยวยกน้ำชามาสองแก้วนะ”
“ได้คะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รับคำสั่ง รีบไปเตรียมน้ำชา
เธอถือถ้วยชา ขณะเดียวกันก็นึกตอนที่ฟางหรงเทียนมาแบบไม่ทันตั้งตัว รู้สึกใจหายใจคว่ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอพบกับฟางหรงเทียน เขาไม่ค่อยเป็นมิตรกับเธอเท่าไร วันนี้เรื่องที่เธอถูกทำร้ายแพร่กระจายไปทั่วบริษัท ฟางหรงเทียนต้องรู้อยู่แล้ว แต่เขาแกล้งถามเธอ เพื่อทำให้เธอรู้สึกอับอาย
หลังจากเตรียมน้ำชาเสร็จก็ยกไปเสิร์ฟที่ออฟฟิศ ประจวบเหมาะได้ยินเกี่ยวกับเรื่องงานการกุศล
“ฉันเตรียมพร้อมแล้ว อานโหรวเป็นลูกน้องของฉัน ที่ทำงานมาระยะหนึ่งแล้ว เราสองคนก็เข้ากันได้ดี ฉันเลยจะพาเธอไป”
เผยลี่เชินได้ยินฟางหรงเทียนพูดเช่นนี้ จึงยกน้ำชาดื่มไม่พูดอะไรต่อ
ฟางหรงเทียนหันมามองไป๋เสว่เอ๋อร์ แล้วก็มองเผยลี่เชิน “ลี่เชินแล้วเธอล่ะ คิดจะพาใครไป?”
เผยลี่เชินได้ยินคำถาม จึงวางแก้วชาลง มองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์แล้วพูดต่อ “ก็พาเธอไป”
ในออฟฟิศเงียบไปสองสามวินาที ทันใดนั้นฟางหรงเทียนยิ้มพร้อมกับคำถาม
“ไหนบอกว่าเลขาไป๋บาดเจ็บ จะสะดวกไปเหรอ?”
เผยลี่เชินสีหน้าเคร่งขรึม สายตาเย็นชา มองกลับมาที่เขา “ใครบอก?”
ฟางหรงเทียนเห็นสีหน้าเผยลี่เชินเปลี่ยนไป จึงขัดจังหวะ “ถือว่าฉันฟังผิด พนักงานชอบซุบซิบนินทา บางอย่างก็พูดเกินไป ลี่เชิน งานการกุศลครั้งนี้แตกต่างจากปีก่อนนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำถาดในมือแน่น ไม่พูดอะไรออกมา เธอเดินกลับไปออฟฟิศเธอ
แม้ว่าไม่รู้ชัดเจนว่าทำไมฟางหรงเทียนถึงไม่ชอบเธอ แต่เรื่องที่เธอถูกทำร้าย ไม่ว่าใครในบริษัทก็ควรรู้ไว้
เธอกลับมาจัดเอกสารบนโต๊ะในออฟฟิศเธอ อารมณ์เศร้าหมอง เวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงกว่าแล้ว
ทันใดนั้นโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น เป็นสายในบริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล?”
เสียงที่มีแรงดึงดูดจากชายหนุ่ม “เข้ามาหาฉันในออฟฟิศด้วย”