สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 132

ตอนที่ 132

ตอนที่ 132 นี่เป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นหรือ

สองชั่วโมงต่อมา ณ โรงพยาบาลเมืองไห่เฉิง

ไป๋เสว่เอ๋อร์คอยเฝ้าอยู่ที่ข้างเตียงของเผยลี่เชินตลอดเวลา แม้ว่าข้างนอกจะมีเสียงดังแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงอยู่ที่นั่นตลอด และไม่ขยับเลยสักนิดเดียว

ตอนนี้เธอเพียงแต่ต้องการเห็นเผยลี่เชินฟื้นขึ้นมาเท่านั้น เรื่องอื่นใดนอกเหนือจากนี้ เธอไม่สนใจทั้งสิ้น

ตอนที่อยู่บนภูเขา เธอโทรศัพท์ขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ในไม่ช้าทีมกู้ภัยก็มาช่วยพาพวกเขาลงจากภูเขาไป เผยลี่เชินสลบไปในตอนที่อยู่ระหว่างทาง เธอจึงตามเขาไปที่โรงพยาบาล และอยู่เฝ้าเขาตลอดเวลา หลังจากนั้นก็มีนักข่าวจากเมืองไห่เฉิง ผู้จัดงานกิจกรรมการกุศลนี้ รวมถึงกู้หลี่เหลียงและลู่อี้หลิงมาที่นั่น

ข้างนอกมีเสียงจอแจและวุ่นวายดังไปหมด แม้เธอจะอยู่ข้างในห้องผู้ป่วย เธอก็ยังได้ยินเสียงอันแสนวุ่นวายจากข้างนอกดังเข้ามาถึงภายใน

ในไม่ช้า ก็มีเสียงเคาะดังขึ้นที่ประตู “ไป๋เสว่เอ๋อร์ พี่เผยฟื้นหรือยัง ทำไมถึงไม่พูดอะไรสักคำเลยล่ะ”

นั่นเป็นเสียงของกู้หลี่เหลียง เสียงของเขาค่อยๆ เงียบหายไป หลังจากนั้นก็มีเสียงของลู่อี้หลิงดังขึ้น “ถ้าเกิดเผยลี่เชินฟื้นแล้ว เธอต้องบอกเราแน่ นายวิตกกังวลแบบนี้ ไม่ได้มีประโยชน์เลยสักนิดนะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ เข้าใจขึ้นมาในทันที เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ ลุกขึ้นและเดินไปยังประตู เธอผลักประตูออกและสาวเท้าก้าวเดินออกไปยังด้านนอก

เมื่อคนที่อยู่ด้านนอกห้องผู้ป่วยเห็นเธอเข้า ก็รีบวิ่งเข้ามาต้อนรับเธอในทันที นอกจากกู้หลี่เหลียงและลู่อี้หลิงแล้ว ก็ยังมีเผยอี้ ฟางหรงเทียน และอานโหรว นอกนั้นก็เป็นคณะผู้จัดงานและรับผิดชอบกิจกรรมการกุศลนี้

ฟางหรงเทียนเดินมาหยุดตรงหน้าเธอ พร้อมกับถามอย่างกังวลใจว่า “ลี่เชินเป็นอย่างไรบ้าง”

“ยังไม่ฟื้นเลยค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบกลับไปด้วยความสับสน

“เยี่ยมจริงๆ !” กู้หลี่เหลียงสบถออกมาอย่างเบาเสียง “เห็นได้ชัดว่าเครื่องรับส่งวิทยุถูกใครบางคนทำให้ใช้การไม่ได้ ฉันเชื่อว่า 80% จะต้องเป็นฝีมือของเสิ่นหรูเฟิงแน่นอน! เมื่อวานผมเห็นเขามีท่าทีผิดปกติ…”

เมื่อเผยอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้น ก็เลิกคิ้วขึ้นและหัวเราะออกมา “น้องกู้ ถ้าไม่มีหลักฐานก็อย่ากล่าวหาใครเลื่อนลอยสิครับ”

เมื่อกู้หลี่เหลียงได้ยินดังนั้น เขาก็รู้สึกโกรธจัดในทันที เขาหมุนตัวมาและทันใดนั้น ก็คว้าคอเสื้อเชิ้ตของเผยอี้เอาไว้แน่น “พี่ชายของนายนอนอยู่ในนั้นโดยที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมา แต่นายกลับยืนอยู่ข้างนอกหัวเราะออกมางั้นเหรอ! เผยอี้ นายคุ้นชินกับการเป็นคนเห็นแก่ตัวและไม่รู้จักกาลเทศะไปแล้วใช่ไหม”

ใบหน้าของเผยอี้เปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา “ปล่อย!”

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มสองคนกำลังจะทะเลาะวิวาทกัน คุณฉีเจ๋อก็รีบเดินเข้ามาขวางและแยกพวกเขาออกจากกันในทันที “ผมจะพูดอย่างเป็นกลางนะ ถึงแม้ตอนนี้พวกคุณสองคนจะทะเลาะกัน คุณเผยก็ไม่ฟื้นขึ้นมาหรอก! ใจเย็นก่อนเถอะน่า!”

ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังมองดูความโกลาหลที่เกิดขึ้นนี้ คิ้วของเธอก็ขมวดแน่น เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ และเอ่ยปากขึ้นมาว่า “สิ่งที่คุณฉีพูดถูกต้องค่ะ ตอนนี้ทุกคนช่วยอดทนรอให้ท่านประธานฟื้นขึ้นมาก่อนเถอะค่ะ ตอนนี้ไม่ว่าใครจะทำอะไร ก็เกรงว่าจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้หรอกค่ะ”

ชั่วขณะนั้น สภาพแวดล้อมที่เคยอึกทึกก็เงียบขึ้นมาในทันที และในตอนนั้นเองที่ประตูของห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก พยาบาลเดินออกมาจากในห้อง และกวาดสายตามองไปยังทุกคนที่ยืนรออยู่ “ผู้ป่วยฟื้นแล้วค่ะ”

เมื่อคนที่รออยู่ด้านนอกได้ยินดังนั้น ทุกคนก็รีบรุดเข้าไปในห้องผู้ป่วยทันที

เผยลี่เชินนอนชันตัวอยู่บนเตียง ริมฝีปากของเขาซีดเซียว เมื่อเขาเห็นผู้คนมากหน้าหลายตา ดวงตาของเขาก็ดูสดใสมากขึ้น

ฟางหรงเทียนรีบเดินเข้าไปหา พร้อมกับถามเขาด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้นว่า “ลี่เชิน นายเป็นอย่างไรบ้าง”

“ฉันไม่เป็นไร ทุกคนไม่ต้องห่วงนะ” เผยลี่เชินพูดตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง

ผู้จัดงานและรับผิดชอบกิจกรรมการกุศลนี้รีบเดินเข้าไปหาเขาในทันที “คุณเผย เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ทางเราต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับคุณ ทางเราจะขอเป็นฝ่ายรับผิดชอบ และจะรับผิดชอบอย่างสุดความสามารถ สำหรับเรื่องเครื่องรับส่งวิทยุ ทางเราจะตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดแน่นอน!”

เผยลี่เชินพยักหน้าตอบรับ เขากวาดสายตามองไปยังคนอื่นๆ และพลันไปหยุดอยู่ที่ไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เขาก็รีบถอนสายตาออกไปอย่างเป็นธรรมชาติ “ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วงผมมาก ผมไม่เป็นไรแล้ว พวกคุณไม่ต้องอยู่เฝ้าผมที่นี่หรอก กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ”

กู้หลี่เหลียงขมวดคิ้วแน่น “พี่เผย ผมมีเรื่องอยากพูดกับพี่…”

สีหน้าของเผยลี่เชินจริงจังขึ้นเล็กน้อย “มีเรื่องอะไรไว้นัดมาคุยแล้วกัน ตอนนี้นายกลับไปก่อนเถอะ”

พยาบาลที่ยืนอยู่ข้างเขาอาศัยโอกาสนี้เดินไปข้างหน้า และพูดว่า “ผู้ป่วยต้องการการพักผ่อนนะคะ ทุกคนกลับไปก่อนเถอะค่ะ”

เมื่อพยาบาลพูดเช่นนั้น ทุกคนที่เหลือก็ได้แต่ต้องกลับบ้านเท่านั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงยืนอยู่ข้างในห้องผู้ป่วย และไม่ยอมที่จะกลับไป

เมื่อพยาบาลเห็นว่าทุกคนได้ออกจากห้องไปหมดแล้ว เธอก็มองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์หลายต่อหลายครั้ง ขณะที่เธอกำลังจะบอกให้หญิงสาวกลับไปนั้น เผยลี่เชินที่นอนอยู่บนเตียงก็เอ่ยปากในทันที “ไป๋เสว่เอ๋อร์ มานี่สิ”

พยาบาลมองไปที่เผยลี่เชินสลับกับไป๋เสว่เอ๋อร์ ทันใดนั้น เธอก็เข้าใจในทันที เธอจึงรีบเดินออกไปจากห้องผู้ป่วย พร้อมกับปิดประตูห้องนั้นให้แนบสนิท

ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปหาชายหนุ่ม จมูกของเธอรู้สึกแน่นไปหมด และน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาไม่หยุด

เมื่อเธอเดินไปถึงยังบริเวณด้านข้างของเตียง พร้อมกับไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากพูดอย่างไร ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่ด้านหลังมือของเธอ เมื่อเธอก้มลงมอง เธอก็มองเห็นมือขนาดใหญ่ของชายหนุ่มกำลังกุมมือของเธออยู่

สายตาของเผยลี่เชินกลับซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ “ร้องไห้ทำไม”

เสียงของไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นเครือ “ฉันกลัวว่าคุณ…”

เธอกลัวว่าเธอจะเป็นเหตุที่ทำให้เผยลี่เชินต้องประสบอุบัติเหตุและจากเธอไป

เผยลี่เชินยิ้มที่มุมปาก พร้อมกับหัวเราะแซวเธอว่า “ในสายตาของคุณ ผมอ่อนแอขนาดนั้นเลยเหรอ”

ณ เวลาแบบนี้ เขายังจะยิ้มออกได้อีกเหรอ

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขบริมฝีปากแน่น ทั้งโกรธและทำอะไรไม่ถูก เธอนิ่งเงียบและไม่พูดอะไรเลยอยู่ครู่ใหญ่

เมื่อเผยลี่เชินเห็นว่าเธอไม่ตอบเขา เขาถึงดึงแขนของเธออย่างเบามือ “มานี่สิ ผมมีเรื่องอยากจะบอกคุณ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอค่อยๆ โน้มตัวลงเข้าไปใกล้เขาอย่างช้าๆ “อะไรเหรอคะ”

ทันใดนั้น บริเวณเอวของเธอก็สัมผัสได้ถึงแรงกดบางอย่าง ไม่กี่วินาทีต่อมา ริมฝีปากของเธอก็อบอุ่นขึ้นในทันที

เธอเงยหน้าขึ้นมองอย่างตกใจ และสบตาเข้ากับสายตาที่เปี่ยมด้วยรอยยิ้มของชายหนุ่มอย่างพอดิบพอดี “วางใจเถอะ ผมไม่เป็นอะไรง่ายๆ แน่”

น้ำเสียงอันแสนอ่อนโยนที่หาฟังได้ยาก แต่กลับเป็นคำมั่นสัญญาที่แสนหนักแน่นและมั่นคง

ภายในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกบีบแน่นขึ้นมา แก้มของเธอร้อนจนแทบไหม้ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ เมื่อสมองของเธอก็ร้อนไม่แพ้กัน เธอก็กุมมือของเขาแน่นโดยไม่ได้ตั้งใจ

อากัปกิริยาของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ทำให้เผยลี่เชินชะงักเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา เขาใช้แรงของเขาดึงหญิงสาวเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดในทันที และจูบประทับแน่นไปที่ริมฝีปากของเธออย่างไม่รีรอให้เธอได้เอ่ยคำพูดใดๆ

นี่เป็นครั้งแรกในรอบ 20 – 30 ปีมานี้ ที่เขามีความรู้สึกอันชัดเจนมากขนาดนี้…

สองวันต่อมา เผยลี่เชินออกจากโรงพยาบาลและกลับไปรักษาตัวต่อที่บ้าน ซึ่งพอดีกับช่วงที่กิจกรรมการกุศลได้เสร็จสิ้นลง เขาได้รับบาดเจ็บในขณะที่กำลังปีนเขาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม ดังนั้น ขั้นตอนขั้นต่อมาตามกระบวนการคือให้ตัวแทนของฉีเฟิงเข้าร่วมแทน และท้ายที่สุด สำหรับตำแหน่งทูตการกุศลนั้น ก็ถูกยกเลิกไปเช่นกัน เนื่องจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างการแข่งขัน

กิจกรรมในครั้งนี้ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด ทุกคนต่างอุทิศตนร่วมใจกันก็เพื่อกิจกรรมการกุศลของเมืองไห่เฉิง ทว่ารางวัลแห่งชื่อเสียง กลับเปลี่ยนจากการมอบความรักความเมตตากลายเป็นสถานที่เพื่อชื่อเสียงและโชคลาภ เปลี่ยนคุณค่าดั้งเดิมและสูญเสียความหมายสำคัญไป

เผยลี่เชินรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ที่บ้าน แต่ทว่าเขาก็ยังต้องจัดการงานของทางบริษัทเหมือนเช่นเดิม บาดแผลบนน่องขาของไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่รุนแรงมากนัก เธอจึงคอยไปกลับบริษัทและคฤหาสน์ เพื่อนำเอกสารเร่งด่วนมาให้เขาและคอยนำคำแนะนำของเผยลี่เชินกลับไปถ่ายทอดที่บริษัทอีกด้วย

เสี่ยวหลิว ผู้ช่วยฝึกหัดมารายงานสถานการณ์ให้เธอฟัง “เลขาไป๋คะ เมื่อสักครู่องค์กรการกุศลโทรศัพท์มาหาค่ะ ทางนั้นแจ้งมาว่าวันนี้จะมีผู้ที่ได้รับมอบหมายให้รับผิดชอบเรื่องที่ประธานเผยเกิดอุบัติเหตุขึ้นเข้ามาคุยที่บริษัทค่ะ จะให้ใครไปต้อนรับและคุยเรื่องนี้ดีคะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์รวบรวมเอกสารทั้งหมดของวันนี้ไว้ด้วยกัน “เดี๋ยวฉันจะไปคุยเอง”

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เธอจำเป็นที่จะต้องไปยืนยันและคุยเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถึงจะเบาใจได้

20 นาทีต่อมา ผู้ที่รับผิดชอบของทางองค์กรก็เดินมายังห้องรับรองของทางบริษัท พร้อมกับฉีเจ๋อ

“เลขาไป๋ พวกเราเคยเจอกันแล้วครั้งหนึ่ง0ที่โรงพยาบาล ผมเป็นผู้รับผิดชอบที่ได้รับมอบหมายจากทางองค์กรการกุศลมาครับ ผมชื่อหลิวต๋า คุณฉีเจ๋อเป็นหัวหน้าทีมของทางบริษัทของคุณ พวกคุณคงจะเคยพบกันมาก่อน เพราะฉะนั้นผมจะไม่แนะนำมากนะครับ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ “คุณหลิวคะ พวกเราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่าค่ะ อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนภูเขาหมิงเยว่ พวกเรารับทราบดีแล้วค่ะว่าทางผู้จัดกิจกรรมสัญญาว่าจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียด แต่ดิฉันไม่ทราบว่าครั้งนี้ที่พวกคุณมาที่นี่…”

เมื่อหลิวต๋าได้ยินดังนั้น เขาก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็ค่อยๆ พูดว่า “เลขาไป๋ครับ หลังจากที่เราตรวจสอบภายในองค์กรของเราเรียบร้อยแล้ว พวกเราไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าของเธอจริงจังขึ้นมาก “คุณหลิวคะ คุณหมายความว่าอย่างไร…”

หลิวต๋าอธิบายต่อไปว่า “ในขั้นต้น พวกคุณคิดว่าเครื่องรับส่งวิทยุเสียเป็นเพราะฝีมือของใครบางคน แต่ว่าหลังจากที่พวกเราตรรวจสอบเรียบร้อยแล้ว กลับไม่พบความผิดปกติใดๆ ทั้งสิ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็อาจเป็นไปได้ว่าเครื่องรับส่งวิทยุนั้นเสีย เนื่องจากผู้เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนั้นมีจำนวนมาก การที่จะมีอุปกรณ์บางส่วนที่ไม่สามารถใช้การได้นั้นถือว่าเป็นเรื่องปกติครับ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือแน่นโดยที่ไม่รู้ตัว พร้อมกับถามกลับไปด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากขึ้นว่า “การที่อุปกรณ์บางส่วนอาจใช้การไม่ได้ ฉันเข้าใจดีค่ะ แต่ว่าทั้งเครื่องรับส่งวิทยุของฉันและท่านประธานเผยต่างใช้การไม่ได้ทั้งคู่นี่ มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างนั้นเหรอคะ”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท