ตอนที่ 137 เล่นงานคนของผม
ในตอนนั้นเองที่ประตูของห้องประธานบริษัทก็มีเสียง “ตึง” ดังขึ้น บรรดาพนักงานที่ยืนล้อมรอบอยู่ในบริเวณนั้นต่างก้าวถอยหลังไปด้านข้างอย่างตกอกตกใจ
โจ๋วฝันผลักประตูออกมา และมองไปที่ผู้ช่วยฝึกหัดและเหล่าเลขาที่ยืนอยู่ด้านนอกของห้อง เขาชะงักไปครู่หนึ่ง และหลังจากนั้นสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ที่ไป๋เสว่เอ๋อร์
“อ้อ… คุณเลขา ท่านประธานเผยขอให้คุณเข้ามาหน่อยครับ” แต่ก่อนเขาเคยชินกับการเรียกเธอว่า “คุณหนูไป๋” แต่เมื่อเห็นว่าบริเวณนั้นมีผู้คนมากหน้าหลายตาเต็มไปหมด เขาเลยเปลี่ยนวิธีเรียกหญิงสาวในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า และเดินเข้าไปในห้องทำงานพร้อมกับเขา
เผยลี่เชินสวมเสื้อเชิ้ตสีฟ้าคราม ไม่ได้สวมเน็กไท และนั่งอยู่ที่โต๊ะในห้องทำงาน ผมของเขาดูยุ่งเหยิงเล็กน้อย ทรงผมของเขาวันนี้ดูไม่เรียบเนี้ยบเหมือนกับทุกวันที่เขามาบริษัทเอาเสียเลย
“ทำไมคุณถึงมาที่บริษัทแล้วล่ะคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย บาดแผลบริเวณไหล่ของเขายังไม่หายสนิทดี แพทย์กำชับให้เขาพักผ่อนสัก 2-3 วัน เพื่อรักษาให้แผลหายดี
สีหน้าของเผยลี่เชินซีดเล็กน้อย “ผมไม่เป็นไร คุณช่วยจัดการให้ที อีกสักครู่ผมจะเริ่มการประชุมประจำสัปดาห์”
เมื่อได้ยินเสียงที่แฝงไปด้วยอารมณ์ไม่พอใจเล็กน้อยของชายหนุ่ม ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้แต่ตอบรับ และหมุนตัวเดินออกไปจากสำนักงาน
ผู้ช่วยฝึกหัดและสวี่เยว่หรูก็ยังคงยืนออกันอยู่หน้าประตูทางเข้า เมื่อพวกเขาเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์เดินออกมา ผู้ช่วยฝึกหัดก็รีบก้าวออกมาข้างหน้า “เลขาไป๋คะ ท่านประธานเผยไม่ได้มาบริษัทตั้งนานแล้ว ทำไมวันนี้จู่ๆ ถึงมาล่ะคะ แบบนี้มีอะไรหรือเปล่าคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบกลับไปอย่างเบาๆ ว่า “ท่านประธานไม่ได้พูดอะไรค่ะ แค่บอกว่าให้ฉันไปจัดการการประชุมประจำสัปดาห์เท่านั้นค่ะ”
เธอเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่าทำไมเผยลี่เชินจู่ๆ ถึงมาทำงานที่บริษัท แถมยังดูอารมณ์ไม่ค่อยดีอีกต่างหากด้วย
หลังจากแจ้งให้เหล่าผู้บริหารระดับสูงทราบแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง สักครู่ต่อมา ก็มีคนมาเคาะที่ประตู
โจ๋วฝันเดินเข้ามา “เลขาไป๋ ท่านประธานเผยให้คุณตามผมไปเข้าประชุมด้วย ตอนนี้เลยครับ”
“ค่ะ ดิฉันทราบแล้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบรับ พร้อมกับหยิบแท็บเล็ตที่อยู่บนโต๊ะติดมือไปด้วย เธอมองไปที่โจ๋วฝัน และอดไม่ได้ที่จะถามเขาว่า “คุณโจ๋วฝันคะ ทำไมวันนี้ท่านประธานเผยถึงเรียกให้คุณมาทำงานด้วยล่ะคะ”
“ท่านประธานเผยยังคงบาดเจ็บอยู่ เคลื่อนไหวไม่ค่อยสะดวก ท่านเลยให้ผมมาช่วยท่านน่ะครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า และยังคงถามต่อไปว่า “วันนี้จู่ๆ เขาก็มาที่บริษัท เขาได้บอกเหตุผลไหมคะ”
โจ๋วฝันชะงักไปครู่หนึ่ง เขาเหลือบมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ในทันที สุดท้ายแล้ว เขาก็เงียบและไม่ยอมพูดอะไร
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าเขาไม่ยอมตอบเธอแน่ เธอเองก็ไม่อยากที่จะรบกวนเขา เธอจึงหยิบแท็บเล็ตและเดินออกไปพร้อมกับเขา
เมื่อเธอกับโจ๋วฝันเดินไปถึงยังห้องประชุม ทุกคนต่างไปถึงที่นั่นเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งลงติดกับผนัง พร้อมกับเตรียมตัวจดบันทึกเนื้อหาการประชุม
การประชุมได้เริ่มขึ้นแล้ว ผู้จัดการจากแต่ละแผนกเริ่มรายงานผลการดำเนินงานล่าสุดในแผนกของตัวเอง สีหน้าของเผยลี่เชินดูจริงจังมาก หลังจากแบ่งงานกันเรียบร้อย การประชุมก็เสร็จสิ้นลงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
เขาพลิกเอกสารที่อยู่ในมือ “คำสั่งซื้อที่ได้จากฝ่ายการตลาดในช่วงนี้จะต้องมีการดูแลอย่างใกล้ชิด ส่วนกิจกรรมในสัปดาห์หน้าระหว่างเรากับเทียนหัวจะต้องรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด และรายงานสถานการณ์ล่าสุดให้ผมทราบทันที มีอะไรที่จะต้องรายงานให้ผมทราบอีกไหม”
ผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนต่างนิ่งเงียบ ฟางหรงเทียนกวาดสายตามองไปยังผู้เข้าร่วมประชุม เขามองไปที่เผยลี่เชินและถามว่า “ประธานเผย เรื่องงานก็จัดการเสร็จเรียบร้อยเกือบทั้งหมดแล้ว มีอยู่เรื่องหนึ่งที่พวกเรารู้สึกกังวลมาก อาการบาดเจ็บของคุณเป็นอย่างไรบ้างแล้วครับ”
เมื่อได้ยินฟางหรงเทียนถามขึ้นมาแบบนั้น บรรดาผู้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ ต่างก็เห็นด้วย “ใช่ครับ ประธานเผย ช่วงไม่กี่วันมานี้ที่คุณไม่อยู่ที่บริษัท การบริหารงานทั้งหมดก็ยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดเลย พอคุณกลับมาแล้ว งานทั้งหมดถึงจะกลับมาเข้ารูปเข้ารอยเหมือนเดิม”
เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น คิ้วของเขาก็คลายลงเล็กน้อย เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็นว่า “พูดแบบนี้ แปลว่าตอนที่ผมไม่อยู่ที่บริษัท พวกคุณก็ไม่ได้ทำงานกันสินะ”
“คือว่า…” คนที่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้ก็ไปต่อไม่ถูกเลย
ทันใดนั้น บรรยากาศในห้องก็เย็นยะเยือกขึ้นมาในทันที ผู้บริหารระดับสูงต่างมองหน้าของกันและกัน เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเผยลี่เชินไม่พอใจเท่าไรนัก พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมาอีก
ฟางหรงเทียนหัวเราะ และอาศัยจังหวะนั้นในการผ่อนคลายบรรยากาศ “ประธานเผย เสี่ยงจางเขาไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกครับ เขาหมายถึงพอท่านอยู่ที่บริษัท พวกเราทุกคนต่างก็รู้สึกสบายใจต่างหาก!”
“รองประธานฟาง ผมเข้าใจในความหมายของคุณดี แต่ช่วงนี้บริษัทของเรา เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนที่มั่นใจในตัวเองมากเกินไปแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้น สีหน้าของทุกคนต่างก็เปลี่ยนไปในทันที
เผยลี่เชินยืดหลังตรง และกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องประชุม “ผมได้ยินมาว่า มีคนไม่พอใจเรื่องที่ผมจัดการให้เลขาไป๋เป็นคนรายงานเรื่องราวที่เกิดขึ้นในบริษัทกับผมสินะ”
มือของไป๋เสว่เอ๋อร์กำแท็บเล็ตแน่นขึ้นเล็กน้อย เธอไม่คาดคิดว่าเผยลี่เชินจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมากลางที่ประชุม
ห้องประชุมเงียบจนแทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมา
“คำสั่งของผมถูกพวกคุณไม่ปฏิบัติตามตั้งแต่เมื่อไรกัน ผมให้พวกคุณนำรายงานทั้งหมดไปไว้ที่เลขาไป๋ ให้เธอรวบรวมข้อมูลและเป็นคนส่งมาให้ผม นั่นก็เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงาน ถ้าเกิดใครมีความคิดเห็นอะไร ก็มาหาผมได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องไปเล่นงานคนที่ผมได้มอบหมายงานนี้ไว้ให้แล้ว”
คนพวกนี้อาศัยช่วงที่ชายหนุ่มไม่อยู่ที่บริษัท ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ต้องขายหน้าทีละคนๆ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่ได้เห็นแก่เขาเลยตั้งแต่ต้น!
ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่ในห้องประชุมนั้น และรับรู้ความรู้สึกของเผยลี่เชิน ภายในหัวใจของเธอสับสน เห็นได้ชัดว่าการที่เผยลี่เชินรีบมาที่บริษัทในวันนี้ นั่นก็เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเธอนี่เอง…
เผยลี่เชินยกมือขึ้นมา กดมือแน่นกับโต๊ะ พร้อมกับถามต่อว่า “พวกคุณมีใครมีความคิดเห็นอะไรอีกไหม สามารถอาศัยโอกาสนี้ในการนำเสนอออกมาได้นะครับ”
สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดก็คือการที่พนักงานมีปัญหา แต่กลับไม่ยอมพูดอะไรออกมาต่อหน้าเขา พวกเขากลับไปทำบางอย่างและเขม่นกันเองลับหลัง เพื่อทำให้อีกฝ่ายต้องขายหน้า
ห้องประชุมเงียบจนแทบไม่ได้ยินแม้แต่เสียงหายใจ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไรออกมา
เผยลี่เชินพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ในเมื่อไม่มีใครมีความคิดเห็นใดแล้ว คราวหน้าก็ขอให้ทุกคนปฏิบัติหน้าที่ของตนเองให้ดีมากกว่านี้นะครับ”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืน “ปิดการประชุมได้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามเผยลี่เชินออกไปจากห้องประชุม
ระหว่างทางกลับมายังห้องทำงานของประธานบริษัท ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์กลับยุ่งเหยิงไปหมด สุดท้ายก็อดใจไม่ไหว “ท่านประธานเผยคะ คุณไม่เห็นต้องทำเพื่อฉันแบบนี้เลย…”
เผยลี่เชินหยุดชะงัก เขาหันหน้ากลับมามองเธอ คิ้วของเขาขมวดแน่นเล็กน้อย “ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณคนเดียว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่เข้าใจไปครู่หนึ่ง
เผยลี่เชินจึงอธิบายต่อว่า “คุณเป็นคนที่ผมมอบหมายงานให้ พวกเขาไม่พอใจในตัวคุณ ก็แปลว่าพวกเขาไม่พอใจในการจัดการของผม การทำงานในบริษัท ถ้าเกิดคำสั่งของผู้บริหารกลับถูกท้าทายแล้วล่ะก็ เขาควรจะทำอย่างไร เขาก็ต้องปกป้องตำแหน่งของเขาเอาไว้”
คำพูดของเขาทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจขึ้นมา ในตอนแรก เธอนึกว่าเผยลี่เชินต้องการที่จะปกป้องเธอเท่านั้น ทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนี้ แต่เธอกลับไม่คาดคิดว่า ยังมีความหมายอื่นแฝงอยู่ในการกระทำของเขาครั้งนี้ด้วย
เธอคิดอะไรง่ายดายเกินไป สงครามการต่อสู้ในโลกธุรกิจนั้นซับซ้อนมากกว่าที่เธอคิดไว้มาก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อแสดงความชื่นชม “ท่านประธานเผย ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”
เธอเดินกลับไปยังห้องประธานบริษัทพร้อมกับเผยลี่เชิน เหล่าผู้ช่วยฝึกหัดกำลังอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าล้อมวงพูดคุยหัวเราะกัน โดยไม่ทันได้เห็นว่าเผยลี่เชินและเธอกำลังเดินมาทางนี้
“ฉันได้ยินมาว่า พนักงานคนที่สวยๆ ในฝ่ายการเงินคนนั้นหมั้นแล้วเมื่อวานนี้นะจ๊ะ! เธอยังเอาแหวนมาอวดเพื่อนๆ อยู่เลย สวยมากเลยล่ะ แก!”
“จริงเหรอ เอามาให้ฉันดูหน่อยสิ!”
“แปปนะ รอฉันหารูปก่อน…”
เผยลี่เชินเดินมาถึงด้านหลังของพวกเธอ เขาขมวดคิ้วแน้น สีหน้าไม่ค่อยสู้ดีนัก เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นเข้า เธอก็กระแอมขึ้นมาในลำคอ เพื่อให้กลุ่มผู้ช่วยฝึกหัดที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขานั้นได้ยิน พวกเธอรีบหันกลับมามอง
เมื่อผู้ช่วยฝึกหัดที่ยืนอยู่ใกล้เผยลี่เชินที่สุดหันหน้ากลับมามอง ตอนที่เธอเห็นพวกเขานั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที เธอรีบถอยหลังไปครึ่งก้าว แต่กลับลื่นหกล้ม ทำให้ตัวเธอล้มไปชนเข้ากับเผยลี่เชินในทันที
“ประธาน… ประธานเผย! ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ”
ผู้ช่วยฝึกหัดรีบลุกขึ้นมาด้วยความตกใจอย่างรวดเร็ว เธอทั้งรีบก้าวถอยหลังและกล่าวคำขอโทษในเวลาเดียวกัน
สีหน้าของเผยลี่เชินเต็มไปด้วยความเย็นชา เขาพูดด้วยน้ำเสียงเข้มว่า “ทำงานเสร็จแล้วเหรอ ถึงได้มีเวลามานั่งคุยเล่นกัน”
“ขอ… ขอโทษค่ะ ท่านประธานเผย ครั้งหน้าพวกเราจะไม่ทำแล้วค่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูผู้ช่วยฝึกหัดที่กลัวจนตัวสั่น เธอจึงรีบเอ่ยปากช่วยให้พวกเธอไปจากสถานการณ์ตรงหน้า “รีบไปทำงานสิ”
เมื่อเหล่าผู้ช่วยฝึกหัดรู้ตัวแล้ว พวกเธอก็รีบหยักหน้า และเดินจากไปในทันที
เผยลี่เชินเดินต่อไปยังห้องทำงาน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบเดินตามเขาไป เมื่อทั้งคู่เข้าไปในห้องทำงานแล้ว เธอก็ปิดประตู สายตาของเธอรีบมองสำรวจไปที่บริเวณไหล่ของเผยลี่เชินในทันที พร้อมกับเอ่ยปากถามเขาว่า “บาดแผลเป็นอะไรหรือเปล่าคะ”