ตอนที่ 138 ปลดกระดุมแล้วแต่กลับวิ่งหนี
บริเวณที่ผู้ช่วยฝึกหัดล้มทับเผยลี่เชินไปเมื่อกี้นั้นคือตำแหน่งที่มีบาดแผลพอดี ถ้าเกิดว่าบาดแผลของเขายังไม่หายดีล่ะก็ ในเมื่อเขาถูกล้มทับแบบนี้ อาการของเขาอาจจะแย่กว่าเดิมก็เป็นได้
เผยลี่เชินนั่งลงตรงโต๊ะทำงาน พร้อมกับพูดอย่างเบาๆ ว่า “ไม่เป็นไร”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้แต่ขมวดคิ้วแน่น เมื่อกี้เธอก็เห็นอยู่ว่าหลังจากที่เผยลี่เชินโดนล้มทับแล้ว ใบหน้าของเขาบ่งบอกว่าเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในทันที
เธอสูดหายใจลึก รวบรวมความกล้าและเดินก้าวไปข้างหน้า “ให้ฉันดูหน่อยค่ะ”
ครั้งก่อนที่เธอบาดเจ็บ เผยลี่เชินก็เคยพูดกับเธอแบบนี้เหมือนกัน ถ้าเกิดเธอขอให้เขาเปิดแผลให้ดู มันก็คงไม่มากเกินไปใช่ไหม
เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น มือของเขาก็ชะงัก เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย และมองไปที่หญิงสาว จากนั้นไม่กี่นาที เขาก็ตอบเธอกลับไปว่า “แน่ใจนะว่าคุณอยากดู”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ ซึ่งทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
เผยลี่เชินนิ่งไป เขาวางเอกสารที่อยู่ในมือลง ลุกขึ้นยืน และเดินไปนั่งลงบริเวณโซฟา
ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจดี เธอจึงเดินตามเขาไปอย่างช้าๆ จู่ๆ หัวใจของเธอก็เต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว เธอนั่งลงข้างๆ เผยลี่เชิน เอื้อมมือออกไปเพื่อปลดกระดุมคอเสื้อเชิ้ตของเขาทีละเม็ดอย่างเบามือ
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เธอรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มแปลกๆ ขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งเธอกังวลเท่าไร มือของเธอก็ยิ่งเร็วขึ้นเท่านั้น
เมื่อกระดุมถูกปลดออก ก็เผยให้เห็นผิวสีข้าวสาลีของเผยลี่เชิน รวมไปถึงผ้าพันแผลที่อยู่ตรตงไหล่ของเขาด้วย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ดึงเสื้อเชิ้ตครึ่งหนึ่งของเขาออกไปอย่างระมัดระวัง เพื่อให้เห็นผ้าพันแผลอย่างชัดเจน เมื่อเธอมองดูบาดแผลนั้น เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นในทันที
ผ้าพันแผลของเขามีร่องรอยเลือดซึมออกมา เป็นภาพที่ไม่น่าดูเท่าไรนัก เธอจับแขนเสื้อเชิ้ตเอาไว้แน่น พร้อมกับสูดหายใจลึกเข้าไป “แผลของคุณมีเลือดออกค่ะ”
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ก็สบตาเข้ากับดวงตาของเผยลี่เชินพอดี เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะถามเขาไปว่า “ไปให้โรงพยาบาลทำแผลใหม่ดีไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอก” เผยลี่เชินจ้องมองเข้าไปที่ดวงตาของเธอ พร้อมกับเอื้อมมือของเขาไปกุมมืออันเรียวเล็กของเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์กังวลอยู่ครู่หนึ่ง “ไม่ต้องได้อย่างไรกันคะ ถ้าเป็นแบบนี้แผลจะหายยากขึ้นนะคะ อีกอย่างแผลจะติดกับผ้าพันแผลเอานะคะ พอถึงตอนนั้นแล้ว…”
เมื่อเธอรับรู้ได้ถึงรอยยิ้มที่ปรากฏขึ้นในดวงตาของชายหนุ่ม ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หยุดพูดในทันที เธอเงียบไปครู่หนึ่ง “ทำไมคุณถึงยังยิ้มออกได้อยู่คะ”
เมื่อพูดถึงการบาดเจ็บแล้ว เขาก็เคยบาดเจ็บมามากหลายครั้งทีเดียว หลังจากทำงานในห้างสรรพสินค้ามานานหลายปี เขาไม่เคยเจอเหตุการณ์ใดๆ ไม่เคยต้องเจ็บตัวสักนิดเดียว และสถานการณ์แบบนี้ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับเขามาก
แต่เมื่อมองใบหน้าของหญิงสาวที่แดงก่ำเพราะเต็มไปด้วยความกังวล เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
“ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ค่อยกลับบ้านไปเปลี่ยนตอนเย็นวันนี้ก็ยังไม่สายไปหรอก”
ขณะที่เขากำลังพูดอยู่นั้น เผยลี่เชินก็ยกมือของเขาขึ้น และเอื้อมไปหยิกแก้มของหญิงสาว เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “แต่คุณนี่สิ กลับเป็นห่วงผมมากขนาดนั้นแทน”
แก้มของไป๋เสว่เอ๋อร์ร้อนขึ้นมาในทันที เธอรีบตอบปฏิเสธกลับไป “เปล่าซะหน่อย…”
เธอรีบลุกขึ้นยืน และถอยห่างจากเผยลี่เชินในทันที พร้อมกับทำหน้าขึงขังและพูดว่า “ท่านประธานเผยคะ ดิฉันยังมีงานอื่นที่ต้องทำอีก ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ…”
ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็หมุนตัวพร้อมจะเดินจากไป แต่เผยลี่เชินกลับเรียกให้เธอหยุดอยู่ตรงนั้นในทันที “รอก่อนสิ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์หันกลับมา เธอก็เห็นสายตาของชายหนุ่มที่เธอไม่รู้จัก เขาก้มลงไปมองที่เสื้อเชิ้ตที่กำลังเผยให้เห็นแผงอกของเขาอยู่ “คุณปลดกระดุมผม แถมยังไม่ทันติดกระดุมคืนให้เสร็จ คุณก็จะวิ่งหนีไปเสียแล้วเหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอายเล็กน้อยขึ้นมาทันที “ท่านประธานเผย คุณติดเองเถอะค่ะ…”
เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น เขาก็โน้มตัวพิงไปที่โซฟา พร้อมกับจงใจพูดว่า “ผมเจ็บมือ ติดเองไม่ได้หรอก”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอได้ขบริมฝีปากของเธอ พร้อมกับรวบรวมความกล้าเดินกลับไป
เธอเดินกลับไปและไปนั่งลงที่ข้างชายหนุ่ม เธอเอื้อมมือออกไปกลัดกระดุมคืนให้เขาทีละเม็ด จนกระทั่งถึงเม็ดบนสุดบนเสื้อเชิ้ต
เมื่อกระดุมทุกเม็ดถูกกลัดคืนเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะชักมือของเธอกลับมานั้น มือข้างหนึ่งของเธอก็ถูกใครบางคนคว้าหมับเข้าให้เสียแล้ว
เธอเงยหน้าขึ้นมอง และสบตาเข้ากับดวงตาที่แสนเป็นประกายของเผยลี่เชิน
เผยลี่เชินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยด้วยเหตุผลบางอย่าง หญิงสาวแค่นั่งอยู่ข้างๆ เขาและกลัดกระดุมให้เขาเท่านั้น นั่นยิ่งทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด และไม่มีกะจิตกะใจจะทำงานใดๆ เอาเสียเลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจลึก “เป็นอะไรไปคะ”
เผยลี่เชินชะงักไปครู่หนึ่ง ขณะที่เขากำลังจะเอ่ยปากพูดนั้น ก็พอดีกับที่ข้างนอกเกิดเสียงดังจอแจขึ้น”
“ที่นี่คือห้องทำงานของประธานเผยอี้ใช่ไหม”
“ขอโทษด้วยค่ะ คุณเผยอี้เป็นรองประธานบริษัทของเรา ห้องทำงานของท่านไม่ได้อยู่ที่ชั้นนี้ค่ะ”
“……”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบชักมือของเธอที่ถูกชายหนุ่มกุมเอาไว้กลับมาในทันที เธอลุกขึ้นยืน “ท่านประธานเผยคะ ฉันจะออกไปดูให้ค่ะ”
ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็รีบเดินไปทางประตูใหญ่ และผลักประตูออกไป
มีคนยืนอยู่ไม่กี่คนที่บริเวณด้านนอกประตู มีเพียงผู้ช่วยฝึกหัด 1 คนกับสวี่เยว่หรูที่กำลังพูดคุยอยู่กับผู้ชายสองคนอยู่
ผู้ชายคนที่ถามออกมานั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้จักเขา เขาคือคนที่เธอเคยเจอตอนที่เข้าร่วมกิจกรรมขององค์กรการกุศล ชื่อว่าเสิ่นหรูเฟิง
เมื่อเห็นเช่นนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงรีบก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับทักทายเสิ่นหรูเฟิง “ท่านประธานเสิ่น มีธุระอะไรเหรอคะ”
เสิ่นหรูเฟิงมองจ้องไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ เขาก้ยิ้มพร้อมกับพูดว่า “คุณไป๋ บังเอิญจังเลยครับ”
เมื่อได้ยินชื่อที่เขาเรียกเธอนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็โค้งเล็กน้อย “ประธานเสิ่นคะ เรียกดิฉันว่าเลขาไป๋ก็พอแล้วล่ะค่ะ”
เสิ่นหรูเฟิงได้ฟังดังนั้น ก็พยักหน้าตอบรับ “เลขาไป๋ นอกจากคุณจะสวยมากแล้ว ก็ยังมีความสามารถล้นเหลือ แถมยังมีพรสวรรค์ที่หาตัวจับได้ยากอีกด้วย”
เมื่อเขาพูดแบบนี้ ทำให้สีหน้าของสวี่เยว่หรูที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นเข้มขึ้นมาในทันที
หลังจากที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้เดินทางไปทำงานกับเผยลี่เชินที่หนานไห่ด้วยกัน สถานะของสวี่เยว่หรูในสำนักงานของประธานบริษัทก็หมดความสำคัญไปอย่างมากทีเดียว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เผยลี่เชินมีแต่พาไป๋เสว่เอ๋อร์ไปทำงานด้วยเสมอ เขาไม่ไยดีสวี่เยว่หรู เลขานุการผู้ทำงานให้กับเผยซื่อมานานหลายปีอีกต่อไป!
“ต้องขอขอบคุณในคำชมของประธานเสิ่นมากนะคะ คุณมาพบท่านประธานเผยใช่ไหมคะ”
เสิ่นหรูเฟิงยิ้ม “ผมมาหาเผยอี้ เมื่อกี้ตอนที่ถามเธอ ผมถึงได้รู้ว่าผมมาหาผิดที่ ถึงได้มาหาประธานเผยตรงนี้ไงล่ะ”
เมื่อเขาพูดจบได้ไม่นาน ประตูสำนักงานก็ถูกเปิดออก เผยลี่เชินก้าวออกมาจากห้องทำงาน สีหน้าของเขาดูจริงจัง เขากวาดสายตามองไปที่ผู้คนที่อยู่ด้านนอก พร้อมกับเอ่ยปากถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็รีบรายงานเขาทันที “ท่านประธานเสิ่นมาขอพบรองประธานเผย ท่านมาหาผิดสำนักงานค่ะ”
เสิ่นหรูเฟิงยิ้มพร้อมกับก้าวไปหาชายหนุ่ม เขามองเผยลี่เชินพร้อมกับพูดอย่างสุภาพว่า “ประธานเผย ผมมาหาเผยอี้เพื่อคุยกันเรื่องการลงทุนในด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์น่ะ นึกไม่ถึงว่าจะมาพบคุณที่นี่ คุณคงจะไม่ว่าอะไรนะครับ”
สายตาของเผยลี่เชินจริงจังมากขึ้น เขารับรู้ได้ถึงบางอย่างจากคำพูดของประธานเสิ่น สีหน้าของเขายังคงปกติเรียบเฉย “ไม่หรอกครับ ทางบริษัทของเราต่างหากที่ต้อนรับได้ไม่ดีพอ รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะให้คนพาคุณไปยังห้องทำงานของเผยอี้ คุณจะได้ไม่ไปผิดห้องอีกครับ”
เสิ่นหรูเฟิงยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ก็ขอบคุณคุณมาก”
เผยลี่เชินเงยหน้าขึ้นมองสวี่เยว่หรูที่ยืนอยู่ด้านข้าง พร้อมกับบอกเธออย่างสุภาพว่า “คุณช่วยไปส่งประธานเสิ่นที”
สวี่เยว่หรูพยักหน้าตอบรับ “ค่ะ”
ขณะที่เขามองดูสวี่เยว่หรูพาประธานเสิ่นเดินจากไป ดวงตาของเผยลี่เชินก็ปรากฏความเย็นชาขึ้น
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์สังเกตเห็นสีหน้าของเผยลี่เชินไม่สู้ดีนัก เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี เธอทำได้เพียงนิ่งเงียบไม่พูดอะไรเท่านั้น
หลังจากนั้นไม่นนาน สายตาของเผยลี่เชินก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เขามองไปที่หญิงสาว “คุณคิดว่าเขามาผิดที่จริงๆ ไหม”
ห้องทำงานเผยลี่เชินและเผยอี้นั้นไม่เคยอยู่ชั้นเดียวกันตั้งแต่ไหนแต่ไรมา บางทีการที่ประธานเสิ่นมายังหน้าห้องทำงานของเขา อาจจะเป็นสิ่งที่เขาไม่ได้ตั้งใจก็ได้
เผยลี่เชินไม่รอให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบกลับ เขายังคงพูดต่อไปว่า “แกล้งทำเป็นมาหาเผยอี้ที่ห้องทำงาน แต่กลับจงใจมาหาผมที่นี่แทน แถมยังเจตนาพูดถึงเรื่องการลงทุนส่วนตัวที่เขาร่วมมือกับเผยอี้ด้วย แต่สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นมีเพียงความแข็งแกร่งของเขา”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นไม่นาน เธอก็ถามชายหนุ่มอย่างสุภาพว่า “เรื่องที่เกิดขึ้นที่เขาหมิงเย่ เป็นไปได้ไหมคะว่าจะเกี่ยวข้องกับเขาด้วย”
ในขณะเดียวกันนั้นเอง เสิ่นหรูเฟิงเดินตามสวี่เยว่หรูเข้าลิฟต์โดยสารไป สายตาของเขามองไปที่หญิงสาวอย่างพินิจพิจารณา
เมื่อกี้ตอนที่เขาอยู่ที่หน้าประตูห้องทำงาน ตอนที่เขาชมไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่นั้น เขาก็บังเอิญไปเห็นสายตาของสวี่เยว่หรูที่เต็มไปด้วยความดูถูกและเย้ยหยัน ถ้าเกิดเขาทายไม่ผิดแล้วล่ะก็ ดูเหมือนว่าระหว่างหญิงสาวคนนี้กับไป๋เสว่เอ๋อร์จะไม่ชอบพอกันเป็นการส่วนตัว
เขาลองแกล้งถามเธอดู “เลขาสวี่ครับ เลขาไป๋คนเมื่อกี้ใช่แฟนเก่าของรองประธานเผยหรือเปล่าครับ นึกไม่ถึงว่าประธานเผยจะสนใจเธอค่อนข้างมากเลยทีเดียว”
เมื่อสวี่เยว่หรูได้ยินดังนั้น สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปในทันที และพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสีขึ้นมาว่า “ใช่ค่ะ เธอเป็นคนมีความสามารถมาก ไปที่ไหนก็มีแต่คนให้ความสำคัญไปเสียหมด!”