สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 136

ตอนที่ 136

ตอนที่ 136 จงใจทำให้เธออับอาย

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลไป๋ในทันที เมื่อเธอเปิดประตูและมองไปรอบๆ บ้านแล้ว เธอก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณแม่ไป๋เลยสักนิดเดียว

เมื่อผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ในที่สุด ก็มีเสียงประตูเปิดดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนโซฟา สีหน้าของเธอเรียบเย็นราวกับน้ำแข็ง สายตาของเธอจับจ้องไปที่ประตูบ้าน และค้างนิ่งอยู่เช่นนั้น

คุณแม่ไป๋เดินเข้าถึงบริเวณทางเข้าบ้าน เธอก้มศีรษะพร้อมกับเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ เมื่อเธอลุกขึ้นยืน ทันใดนั้น เธอก็เห็นว่ามีใครบางคนกำลังนั่งอยู่บนโซฟา เธอก็ตกใจขึ้นมาในทันที

“เสว่… เสว่เอ๋อร์ ทำไมลูกถึงมานั่งเงียบๆ อยู่ตรงนี้ล่ะ”

คุณแม่ไป๋รีบเดินไปหาเธอ เมื่อเธอเห็นว่าสีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่สู้ดีนัก เธอจึงรีบเล่าให้ลูกสาวฟังทันที “เมื่อกี้แม่ออกไปกินมื้อเช้ามา…”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เก็บอารมณ์ความโกรธเอาไว้ และแกล้งทำเป็นนิ่งสงบ “ไปกินที่ไหนมาเหรอคะ”

คุณแม่ไป๋พูดอย่างตะกุกตะกัก “ก็… ก็ตรงแถวทางตะวันออกของเขตชุมชน…”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดสวนขึ้นมาขัดจังหวะแม่ของเธอ “แม่คะ มาถึงขนาดนี้แล้ว แม่ยังจะโกหกหนูอีกเหรอคะ”

ตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์โทรไปหาแม่ของเธอเมื่อวานนี้ เวลาในตอนนั้นก็ค่อนข้างดึกแล้ว แต่ว่าแม่ของเธอกลับไม่อยู่บ้าน วันนี้เธอก็รีบกลับมาบ้านแต่เช้าตรู่ แต่แม่ของเธอก็กลับไม่อยู่บ้านเช่นกัน เห็นได้ชัดว่า เมื่อคืนนี้คุณแม่ไป๋ไม่ได้กลับมานอนที่บ้าน

คุณแม่ไป๋ขมวดคิ้ว “แม่จะโกหกลูกทำไมล่ะ เสว่เอ๋อร์”

“หนูเพิ่งกลับมาจากทางตะวันออกของชุมชน ไม่เห็นจะมีร้านขายอาหารเช้าเปิดอยู่เลยสักร้านเดียว แม่คะ เมื่อวานตลอดทั้งคืน แม่ไม่ได้กลับมาบ้านใช่ไหมคะ”

คุณแม่ไป๋มีสีหน้าที่ซีดเผือด เธอพูดอะไรไม่ออก เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ถอนหายใจออกมา และเดินไปนั่งข้างๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ ในที่สุด เธอก็ยอมรับออกมา “ที่ลูกพูดน่ะถูกต้องแล้ว เมื่อคืนแม่ไม่ได้กลับมาที่บ้าน”

“แม่คะ แม่ไปไหนมา”

ถึงแม้ว่าเธอจะรู้ดีว่าไม่ควรพูดกับแม่ด้วยน้ำเสียงแบบนี้ แต่ทว่าหลังจากที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องนั้น พฤติกรรมและอากัปกิริยาของคุณแม่ไป๋ก็ยิ่งแปลกขึ้นทุกทีๆ

คุณแม่ไป๋เสียงเข้มขึ้นเล็กน้อย “เมื่อวานแม่ไปอยู่กับน้าหรงมา…”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “พวกแม่ทำอะไรกันทั้งคืนน่ะ ทำไมถึงไม่กลับบ้านกันคะ”

“พวกแม่ก็ดื่มชาคุยเล่นกันนั่นแหละ สุดท้ายน้าหรงแกเห็นว่ามืดค่ำแล้ว ก็เลยให้แม่นอนค้างที่บ้านแกน่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์กำโทรศัพท์ในมือเอาไว้แน่น ครู่ต่อมา เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา “เดี๋ยวหนูโทรถามน้าหรงดู”

ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็กำลังจะกดโทรออก ทันใดนั้น คุณแม่ไป๋ก็เอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอเอาไว้

คุณแม่ไป๋ขึ้นเสียงถามกลับไปว่า “ลูกทำอะไรน่ะ เสว่เอ๋อร์ ลูกไม่เชื่อมั่นในสิ่งที่แม่พูดแล้วเหรอไง”

ภายในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแน่นขนัด เธอมองดูคุณแม่ จมูกเริ่มหายใจลำบากมากยิ่งขึ้น และอดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลออกมา “แม่คะ แม่เป็นคนบอกหนูเองว่าถ้ามีเรื่องอะไรหนูจะต้องบอกแม่ทุกเรื่อง แต่แม่ล่ะคะ หลังจากที่พ่อถูกจับไป หนูว่าแม่เปลี่ยนไปมากเลยนะ ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ ก็ไม่เห็นบอกหนูเลยสักนิด…”

สีหน้าของคุณแม่ไป๋เย็นชาขึ้นมา เธอจ้องมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ ทันใดนั้น เธอก็ยิ้มอย่างขมขื่น “เสว่เอ๋อร์ ลูกคิดว่าแม่กำลังมีเรื่องที่ปิดบังลูกอยู่สินะ แต่ว่าลูกล่ะ เห็นได้ชัดว่าลูกมีบาดแผลบนตัวแบบนั้น ลูกยังไม่เคยเล่าให้แม่ฟังบ้างเลย! ครั้งก่อนลูกก็ต้องนอนโรงพยาบาล ถ้าเกิดว่าเผยลี่เชินไม่โทรศัพท์บอกแม่ล่ะก็ เกรงว่าคนอย่างแม่ก็คงไม่รู้เลยว่าลูกถูกทำร้าย!”

ขณะที่คุณแม่ไป๋พูด น้ำตาของเธอก็รื้นขึ้นมาในดวงตา ในชั่วเวลานั้น หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกบีบแน่น เธอพูดอะไรไม่ออก

อันที่จริง หลังจากที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องนั้น มีเรื่องราวมากมายที่เธอไม่ได้บอกเล่าให้แม่ของเธอฟัง รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเผยลี่เชิน และอาการบาดเจ็บที่เกิดจากการที่เธอไม่ระวังที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เธอทำงานด้วย

เหตุผลที่เธอไม่บอกแม่ของเธอ ก็เพราะว่าเธอกลัวแม่ของเธอจะเป็นกังวล เธอรับหน้าที่ทำงานหาเงิน ส่วนแม่ของเธอแค่ได้อยู่บ้านอย่างสุขสบายก็นั้นเพียงพอแล้ว…

ภายในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวด เธออยากที่จะอธิบาย “แม่คะ หนูขอโทษ ที่หนูไม่บอกแม่ก็เพราะหนูไม่อยากให้แม่ต้องเป็นห่วง แล้วก็…”

คุณแม่ไป๋ส่ายหัว “ช่างเถอะ ไม่ต้องพูดแล้ว แม่กลับห้องไปพักผ่อนก่อนนะ”

ขณะที่คุณแม่ไป๋พูดอยู่นั้น เธอก็ลุกขึ้น และเดินขึ้นบันไดจากไป

ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่บนโซฟา มองดูภาพเบื้องหลังของแม่เดินจากไป ภายในหัวใจของเธอรู้สึกสับสน

เธอก้มหน้าลง กำโทรศัพท์มือถือ และรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก เธอนั่งอยู่บนโซฟาเป็นเวลานาน ในขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้นยืนนั้น สายตาของเธอก็มองไปที่อะไรบางอย่างที่ตกอยู่ข้างๆ เธอบนโซฟา เธอเห็นแหวนวงหนึ่งตกอยู่บนเบาะโซฟา ทำให้เธอชะงักไปโดยไม่รู้ตัว

เธอหยิบแหวนขึ้นมา และมองสำรวจ เธอรู้จักดีว่ามันเป็นตราสินค้าของอะไร แหวนวงนั้นเป็นของตราสินค้าระดับไฮเอนด์ที่คุณแม่ไป๋ชื่นชอบอย่างมากมาตลอด ก่อนหน้านี้เธอมีเครื่องประดับจำนวนหนึ่งที่เป็นของตราสินค้านี้ ซึ่งไป๋เสว่เอ๋อร์จำได้ทั้งหมด

แต่ว่าเมื่อไม่นานมานี้ แม่เอาเครื่องประดับทั้งหมดของเธอไปขายหมดแล้วไม่ใช่เหรอ แถมแหวนวงนี้ ก็ยังเป็นสินค้าใหม่ที่เพิ่งออกวางขายด้วย ราคาแพงทีเดียว แม่เอาเงินมาจากไหนกัน

ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งรู้สึกสับสนมากยิ่งขึ้น เมื่อกี้เธอนั่งอยู่ตรงนี้คนเดียวตั้งกว่าชั่วโมง แต่กลับมองไม่เห็นแหวนวงนี้เลย บางทีอาจจะเป็นตอนที่เธอกำลังจะโทรศัพท์ แล้วคุณแม่ไป๋เอื้อมมือมาคว้าโทรศัพท์มือถือของเธอเอาไว้ แม่คงไม่ทันระวังแล้วทำความตกลงมาแน่ๆ …

เธอจ้องมองแหวนวงนั้นอยู่เป็นเวลานาน สุดท้าย เธอก็ตัดสินใจวางมันกลับลงไปที่เดิม เธอลุกขึ้นยืน พร้อมกับหยิบกระเป๋าถือของเธอและเดินออกไปจากคฤหาสน์

ดูเหมือนว่าเธอต้องตรวจสอบที่อยู่ล่าสุดของคุณแม่ไป๋เสียแล้ว

หลังจากที่ออกมาจากคฤหาสน์แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตรงไปที่บริษัททันที หลังจากที่เพิ่งถึงสำนักงานได้ไม่นาน ผู้ช่วยฝึกหัดก็มาเคาะที่ประตู

“เลขาไป๋คะ เอกสารเร่งด่วนจำนวนหนึ่งของเมื่อวานนี้ได้รับการอนุมัติหรือยังคะ มีหลายแผนกเร่งมาค่ะ”

“เดี๋ยวฉันติดต่อท่านประธานเผยสักครู่ ถ้าเกิดรีบมาก ฉันจะส่งเป็นไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ให้พวกเขาไปก่อนค่ะ”

ผู้ช่วยฝึกหัดตอบรับ จากนั้นเธอก็ลังเลที่จะพูดต่อไปว่า “ค่ะ แล้วก็เลขาไป๋คะ… วันนี้จะต้องจัดประชุมประจำสัปดาห์ ผู้บริหารระดับสูงหลายคนได้ขอให้มีการจัดประชุมขึ้นค่ะ พวกเขาบอกว่ามีเรื่องบางอย่างที่ต้องรายงาน…”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น และมองไปที่หญิงสาว “ท่านประธานเผยไม่ได้บอกแล้วเหรอว่าถ้ามีเรื่องอะไรที่จะต้องรายงาน ให้รายงานฉัน แล้วฉันจะเป็นคนไปบอกท่านประธานเอง”

“ผู้บริหารเหล่านั้นไม่เห็นด้วยค่ะ… พวกเขาบอกว่า…” ผู้ช่วยฝึกหัดสังเกตสีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ แต่เธอก็ลังเลที่จะพูดออกมา

“พวกเขาบอกว่าอะไร” ไป๋เสว่เอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้น

“พวกเขาบอกว่าพวกเขาไม่ไว้วางใจ พวกเขาอยากจะวิดีโอคอลประชุมกับท่านประธานเผย เขาอยากให้คุณช่วยจัดเวลาให้”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น สีหน้าของเธอก็จริงจังขึ้น ครู่ต่อมา เธอก็ตอบรับ “ตกลง ฉันรับทราบแล้ว ฉันจะบอกท่านประธานเผย จากนั้นจัดเวลาให้พวกเขา เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะส่งอีเมลไปแจ้งเธออีกที”

เมื่อผู้ช่วยฝึกหัดได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์พูดดังนั้น เธอก็รู้สึกโล่งใจขึ้น เธอพยักหน้ารับ และรีบออกไปจากสำนักงาน

ไป๋เสว่เอ๋อร์ย้อนกลับไปนึกถึงตอนที่ผู้ช่วยฝึกหัดพูดเมื่อสักครู่นี้ เธอรู้สึกตะลึงงัน ผู้บริหารระดับสูงพวกนั้น ไม่ไว้วางใจในตัวเธอ แถมยังเจตนาให้ผู้ช่วยฝึกหัดมาบอกข้อความนั้นกับเธออีก เห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยากจะทำให้เธอโกรธจัด

เมื่อเธอดึงสติกลับมาได้แล้ว เธอก็โทรศัพท์ไปหาเผยลี่เชิน สักพักก็มีคนรับสายอย่างรวดเร็ว

“ท่านประธานเผยคะ ฉันมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณสักครู่ การประชุมประจำสัปดาห์ในวันนี้ ทางผู้บริหารระดับสูงอยากจะวิดีโอคอลประชุมกับคุณค่ะ จะให้ดิฉันจัดเวลาให้กี่โมงดีคะ”

ขณะที่เผยลี่เชินกำลังฟังหญิงสาวรายงานเรื่องงานในบริษัทเหมือนอย่างเช่นเคยนั้น เขากลับรู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างผิดแปลกไป

เขาพูดด้วยเสียงเข้มว่า “ผมไม่ได้บอกไปแล้วเหรอว่าถ้าเกิดพวกเขามีเรื่องอะไรอยากจะรายงาน ก็ให้รายงานไว้ที่คุณน่ะ ให้คุณรวบรวมรายงานทั้งหมดไว้จะมีประสิทธิภาพมากกว่า”

ข้อความทั้งหมดจะถูกไป๋เสว่เอ๋อร์กรองผ่านก่อนหนึ่งชั้น และจะถูกจัดลำดับความสำคัญและความเร่งด่วน การบริหารในลักษณะนี้นั้นจะช่วยให้เกิดการโฟกัสกับงานที่สำคัญก่อนได้ ทุกคนล้วนแต่สะดวกทั้งสิ้น

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอพูดด้วยเสียงเข้มขึ้นมาว่า “ผู้ช่วยฝึกหัดมาแจ้งกับดิฉันว่าผู้บริหารระดับสูงไม่วางใจในตัวฉันค่ะ พวกเขาเลยขอวิดีโอคอลประชุมกับคุณค่ะ”

ไม่ไว้วางใจเหรอ

เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่น ดูเหมือนว่าเขาจะเริ่มเข้าใจขึ้นมาในทันทีแล้ว

ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นอาศัยตอนที่เขาไม่อยู่ที่บริษัท จงใจทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ต้องอับอาย

สีหน้าของเขาจริงจังขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับเอ่ยปากตอบกลับไปว่า “ตกลง ผมทราบแล้ว เดี๋ยวผมจัดการเอง คุณไม่ต้องยุ่งเรื่องนี้แล้วนะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกลง จากนั้นเธอก็วางสายไป และกลับมาง่วงอยู่กับงานที่อยู่ตรงหน้าต่อ

ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ทันใดนั้น ก็มีเสียงอึกทึกดังขึ้นที่ด้านนอกประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์ลุกขึ้นและก้าวเดินออกไป เธอก็เห็นสวี่เยว่หรูและผู้ช่วยฝึกหัดกำลังอยู่ที่หน้าห้องสำนักงานของท่านประธานเผย

เธอรีบเดินไปข้างหน้า พร้อมกับถามว่า “เลขาสวี่ เกิดอะไรขึ้นคะ”

สายตาของสวี่เยว่หรูมองเธออย่างเย็นชา “ท่านประธานเผยมาแล้วค่ะ”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็ตกใจทันที

บาดแผลของเขายังไม่ทันหายดีเลย… แล้วทำไมถึงมาที่บริษัทแล้วล่ะ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท