บทที่ 142 คุณเป็นบ้าอะไร
เผยอี้สำรวจเอกสารในมือเธอ แล้วหันไปหาผู้ช่วย “คุณออกไปก่อน”
ผู้ช่วยพยักหน้ารับทราบ รีบเดินออกไปแต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้ด้วย
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกตื่นกลัว มองเผยอี้อย่างเตรียมพร้อม สบสายตาเขาแต่พอดี
ดูท่าเผยอี้จะอ่านความคิดของเธอออก จึงยิ้มที่มุมปาก “กลัวอะไร? หรือคิดว่าฉันจะลวนลามเธอรึไง? ไป๋เสว่เอ๋อร์ หากตอนนี้เธอคิดอะไรกับฉันก็ตาม ฉันก็ไม่รู้สึกอะไรกับเธออีกต่อไปแล้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ กำเอกสารแน่นขึ้น เธอหายใจลึกๆ สะกดอารมณ์เอาไว้ พูดด้วยเสียงเย็นชา “ฉันเอาเอกสารมาส่งแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรอีกฉันขอตัวก่อน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดจบก้าวไปข้างหน้าวางเอกสารลงบนโต๊ะของเผยอี้แล้วหันหลังกลับ
เผยอี้ขมวดคิ้ว เรียกเธอไว้ “หยุดก่อน!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดก้าว หันกลับมามองเผยอี้
เผยอี้จงใจแกล้งทำเป็นไม่รีบไม่ร้อนเพื่อถามเธอ “ทำไมเธอรีบร้อนนะ? เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่า พี่ใหญ่ให้เธอมาส่งเอกสารแล้วยังฝากคำพูดอะไรมาถึงฉันไหม?”
“ประธานเผยให้ฉันมาส่งแค่เอกสารคะ ไม่ได้ฝากคำพูดใดๆ มาบอกคุณ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบไปตามจริง
เผยอี้บ่นพึมพำ พูดต่อไปอีกสักครู่ ก็มีเสียงเคาะประตูจากนั้นผู้ช่วยก็เปิดประตูพูดด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “รองประธานเผย มีคนมาหาคุณ….”
ผู้ช่วยพูดยังไม่ทันขาดคำ ก็มีผู้หญิงสาวมชุดสีแดงเดินเข้ามา “ฉันมาหาคุณชายอี้”
จินจิงจิงมองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ในห้อง จึงหยุดก้าวไปชั่วขณะใบหน้าดูเปลี่ยนไป
เธอมองไป๋เสว่เอ๋อร์ทีมองเผยอี้ที ตอนแรกใบหน้าก็ดูยิ้มแย้มแจ่มใสแต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่รอยยิ้ม “ไป๋เสว่เอ๋อร์….เธอมาทำอะไรที่นี่?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว คาดไม่ถึงว่าเรื่องมันช่างบังเอิญจริง เธอแค่มาส่งเอกสารให้เผยอี้ ก็มาเจอจินจิงจิง เห็นพวกเขาอยู่ในออฟฟิศตามลำพัง แบบนี้แม้เธอจะมีคำอธิบายมากแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“พูดวิ ทำไมถึงมาอยู่กับคุณชายอี้ได้!”
จินจิงจิงจ้องมองเขม็ง ถ้าไม่ใช่เพราะเผยอี้อยู่ข้างๆ ป่านนี้เธอคงลงไม้ลงมือไปแล้ว
“ฉันมาส่งเอกสารให้รองประธานเผย” ไป๋เสว่เอ๋อร์อธิบายด้วยน้ำเสียงเรียบเย็น จากนั้นก็หันไปมองเผยอี้ “เอกสารส่งให้แล้ว ฉันไปก่อนนะคะ”
พูดจบเธอหันหลังพร้อมจะเดินจากไป
“เธอยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น” สีหน้าของจินจิงจิงเปลี่ยนไป คว้าเสื้อของเธอไว้ “เธอมันนางจิ้งจอก!”
เผยอี้ยืนอยู่รีบก้าวเท้าอย่างรวดเร็ว “จินจิงจิง เธอเป็นบ้าอะไร!”
งานการกุศลครั้งที่แล้วไป๋เสว่เอ๋อร์ทำให้เธอต้องอับอายขายหน้า หลายครั้งที่มาพัวพันกับเผยอี้ เธอหมดความอดทนกับไป๋เสว่เอ๋อร์ ครั้งนี้จึงระงับอารมณ์ไม่อยู่
“คุณชายอี้ ฉันว่านางจิ้งจอกตัวนี้มันกำลังหลอกล่อคุณอยู่ใช่ไหม!”
ขณะที่เธอพูดมือข้างหนึ่งจับที่ข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ โดยใช้เล็บยาวๆ จิกลงไปที่เนื้อของไป๋เสว่เอ๋อร์ สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนไป อยากจะสะบัดให้หลุดแต่ก็ทำได้ยาก
เผยอี้เห็นมือของจินจิงจิงจับข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์แบบนั้นจึงรู้สึกโกรธโดยไม่รู้ตัว เขายื่นมือมาดึงมือของจินจิงจิงออก “ปล่อยนะ!”
พลังมหาศาลทำให้จินจิงจิงเสียสมดุลเซไปด้านข้างจนเกือบล้มลงกับพื้น
เผยอี้หันมามองที่ข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ซึ่งมีรอยเล็บปรากฏอยู่ รู้สึกเจ็บปวดใจ พูดออกมาด้วยความเสียใจ “ไป๋เสว่เอ๋อร์……”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่รอให้เขาพูดจบ รีบก้าวเท้าเดินผลักประตูออกไปโดยไม่หันกลับมามอง
“ปัง!”
ประตูปิดลง จิตใจของเผยอี้ก็เศร้าหมองลงเช่นกัน
ไม่กี่วินาทีต่อมา เขาหันกลับไปเห็นจินจิงจิงกำลังพิงตู้หนังสือ เขาโกรธมากรีบก้าวเท้าเข้ามาหาเธอ ยื่นมือข้างหนึ่งบีบที่คางของเธอ
สีหน้าของจินจิงจิงแสดงความเจ็บปวด รู้สึกว่าคางของเธอเหมือนถูกบดขยี้ “คุณชายอี้………”
“จินจิงจิงคุณไม่พอใจอะไร ทำไมต้องมาสร้างปัญหาให้ผมด้วย!” ดวงตาของเผยอี้เป็นสีแดงเข้ม ถามเธอด้วยเสียงเข้ม “คุณอยากดัง ผมก็ใช้เงินสนับสนุนคุณ! คุณอยากเป็นนางเอกภาพยนตร์ ผมก็ลงทุนสร้างหนังให้คุณ คุณอยากได้อะไรผมก็สรรหาให้คุณ คุณยังมีอะไรไม่พอใจอีก หลายครั้งแล้วที่คุณสร้างปัญหาให้ผม”
จินจิงจิงถูกเผยอี้บีบที่คาง เจ็บจนน้ำตาแทบไหลออกมา “คุณชายอี้…ฉันรักคุณนะคะ ฉันทนไม่ได้ที่เห็นคุณอยู่กับผู้หญิงอื่น”
ได้ยินแบบนี้สายตาของเผยอี้เหมือนดูถูก เขาจึงปล่อยจินจิงจิง “รักผม?” จินจิงจิง ได้ยินคุณบอกรัก ผมกลับรู้สึกว่ามันไม่มีค่าอะไร”
จินจิงจิงยืนพิงโต๊ะด้วยสีหน้าซีดเผือด ยังคงรู้สึกเจ็บที่คาง เธออยากพูดแต่ก็ไม่ได้พูด
เผยอี้มองเธอด้วยสายตาเย็นชาและเตือนเธอด้วยเสียงเข้ม “ผมให้เวลาคุณห้านาที ออกไปจากที่นี่ซะ ผมหวังว่ากลับมาแล้วจะไม่เจอหน้าคุณอยู่ที่นี่อีก”
เขาพูดจบก็ออกจากออฟฟิศโดยไม่ลังเล
จินจิงจิงมองดูเงาของเขาที่จากไป กัดฟันด้วยความเคียดแค้น
ต้องโทษไป๋เสว่เอ๋อร์ ทุกครั้งเป็นเพราะไป๋เสว่เอ๋อร์ เผยอี้ถึงได้โกรธเธอมากมายขนาดนี้!
จินจิงจิงกำมือแน่น จิตใจสับสน
ตอนนี้ยังไม่ได้แต่งงานเข้าตระกูลเผย เธอก็ไม่มีทางอยู่รอดปลอดภัย เธอต้องใช้ทุกวิถีทาง ขอเพียงได้แต่งงานกับเผยอี้ อย่าว่าแต่ไป๋เสว่เอ๋อร์คนเดียวเลย ต่อให้มีเป็นสิบเธอก็ไม่กลัว
……………….
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินกลับมาที่ออฟฟิศประธานบริษัท ยังคงรู้สึกเจ็บที่ข้อมือ เล็บของจินจิงจิงทั้งยาวทั้งแหลม จิกทิ่มเข้าไปที่เนื้อของเธอ
เธอหายใจลึกๆ ยังเดินมาไม่ถึงประตูออฟฟิศ เผยลี่เชินผลักประตูออฟฟิศออกมา
สีหน้าเผยลี่เชินดูเคร่งขรึม ก้าวเท้าออกมา ฉีเฟิงเดินตามหลังเขามาดูเหมือนทั้งสองจะออกไปข้างนอก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอยหลังไป เผยลี่เชินเห็นเธอเข้าจึงถามเธอ “ส่งเอกสารไปรึยัง?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า “ส่งไปแล้วคะ”
เผยลี่เชินเห็นสีหน้าของเธอดูแปลกไป จึงถามต่อ “เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลสักครู่ จึงส่ายหัวพร้อมคำตอบ “เปล่าคะ”
แต่ความลังเลเมื่อสักครู่ของเธอ ทำให้เผยลี่เชินต้องขมวดคิ้ว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? รู้สึกแปลกไปนะ?”
“ไม่มีอะไรจริงๆ คะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ปฏิเสธอีกครั้ง
เผยลี่เชินไม่เชื่อ ไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ข้างกายเข้ามานาน อารมณ์ความรู้สึกต่างๆ ของเธอล้วนอยู่ในสายตาของเขาตลอดเวลา
เห็นเธอปฏิเสธเขาจึงยื่นมือจับข้อมือของเธอแล้วลากเธอเข้าไปในออฟฟิศ แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับรู้สึกเหมือนถูกไฟลวกที่มือ พยายามดึงมือออกจากมือเขา
เผยลี่เชินหยุดนิ่งชั่วขณะ จึงสังเกตเห็นความผิดปกติ “เธอเป็นอะไรไป?”
เขาเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ซ่อนมือไว้ด้านหลังกาย จึงไม่ลังเลที่จะยื่นมือออกไปคว้าข้อมือที่อยู่ด้านหลังกายเธอ
เมื่อดึงแขนเสื้ออกและเห็นรอยเล็บบนข้อมือเธอ ใบหน้าของเผยลี่เชินดูเคร่งขรึมในทันที “มันเกิดขึ้นได้อย่างไร?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยายามพูดหลอกล่อ “ไม่เป็นไรคะ เป็นเพราะฉันไม่ระวังเอง…….”
เผยลี่เชินไม่เชื่อ จึงลากเธอเข้าไปในออฟฟิศ
ฉีเฟิงตามเข้าไปถึงประตู เผยลี่เชินหันมาพูดด้วยเสียงเยือกเย็น “ฉีเฟิง ไปหาครีมมา”
ฉีเฟิงได้ยินจึงปฏิบัติตามคำสั่ง
เผยลี่เชินลากเธอเข้าไปในออฟฟิศ จากนั้นก็ปิดประตู
ประตูออฟฟิศของเผยลี่เชินปิดได้ไม่นานเท่าไร สวี่เยว่หรูก็เปิดประตูออฟฟิศของตัวเองแง้มๆ ไว้
ผู้ช่วยฝึกหัดและสวี่เยว่หรูต่างก็ยืนอยู่ที่บริเวณออฟฟิศของท่านประธานบริษัท เมื่อสักครู่พวกเขามองเห็นเหตุการณ์ผ่านกระจกได้อย่างชัดเจน พอประตูปิดลงต่างก็อดไม่ได้ที่จะซุบซิบนินทา
สวี่เยว่หรูซึ่งยืนอยู่ ณ ที่นั้น กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว
เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ของไป๋เสว่เอ๋อร์และเผยลี่เชินไม่ธรรมดามาตั้งนานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดูซับซ้อนมากกว่าที่คาดคิดไว้