บทที่ 149 แกล้งท้องบีบให้แต่งงาน
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดก้าวเดิน ยังไม่ผลักประตูเข้าไป
ทุกวันนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายในบริษัท รวมถึงเรื่องของเผยอี้อีก ด้านหนึ่งคือนักข่าว อีกด้านคือคุณท่านเผย เกรงว่าเผยลี่เชินซึ่งอยู่ตรงกลางคงจะปวดเศียรเวียนเกล้าไม่น้อย
รอจนเขาวางสายโทรศัพท์ เธอถึงเคาะประตูแล้วผลักประตูเดินเข้าไป “ประธานเผยนี่เป็นเอกสารที่เลขาของเผยอี้มอบให้”
เผยลี่เชินพยักหน้า มองดูเอกสารจากนั้นเงยหน้ามองไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างจริงจัง “มานี่”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลก่อนจะเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ
เผยลี่เชินยกมือเสยผมของเธอทัดไว้ที่หู แล้วพูดเบาๆ “เลิกงานแล้วฉันจะให้เจิงหงไปส่งเธอที่บ้าน ไม่ต้องรอฉันเข้าใจไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปที่เผยลี่เชิน “แล้วคุณล่ะ?”
เผยลี่เชินยิ้มที่มุมปาก “ฉันจะทำโอที”
น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายอย่างจงใจ แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับขมวดคิ้วเข้ม เธอหายใจเข้าลึกๆ พูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
เผยลี่เชินช่วยเธอไว้หลายครั้ง วันนี้เขาต้องการความช่วยเหลือ เธอจึงไม่อาจเพิกเฉยได้
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าดูจริงจัง “เธอกลับบ้านไป เรื่องที่บริษัทฉันและฉีเฟิงจะจัดการเอง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นคนหัวแข็ง ตอนนี้ได้ฟังที่เขาพูดอย่างนี้ ยิ่งไม่เห็นด้วย เธอก้าวไปข้างหน้าแล้วจับที่มุมเสื้อของเขา “แต่ฉันอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณ”
คำพูดประโยคนี้พูดออกมาโดยไม่ผ่านการใคร่ครวญจากสมอง ตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบสนองกลับก็สังเกตพบว่าน้ำเสียงฟังดูคลุมเครือ เธอหายใจเข้าลึกๆ เกรงว่าเผยลี่เชินจะเข้าใจผิด กำลังจะเอ่ยปากก็เห็นรอยยิ้มที่มุมปากของชายหนุ่ม
“อยากอยู่เป็นเพื่อนฉันจริงๆ อะ?” เผยลี่เชินยกมือโอบกอดเธอไว้ ทำให้ระยะห่างของทั้งสองใกล้ชิดกันมากขึ้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกๆ อีกครั้ง กลืนทุกคำพูดลงคอก่อนจะพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ
ดวงตาของเผยลี่เชินแฝงรอยยิ้มอย่างชัดเจน พร้อมรอยยิ้มที่มุมปากจากนั้นก้มหัวมองดวงตาทั้งสองของเธอ “งั้นก็ดี รอให้เสร็จงานก่อน ฉันจะให้รางวัลเธอ”
ดวงตาสองคู่ประสานเข้าหากัน ระยะห่างของทั้งคู่ห่างกันแค่ลมหายใจ ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ใบหน้าแดงก่ำโดยไม่รู้ตัว เธอมักเชื่อมโยงคำพูดของเผยลี่เชินเป็นความหมายอื่นเสมอ
เธอคิดเป็นอื่นอยู่เรื่อย ที่จริงเขาก็หมายความตามที่พูดจริง
เผยลี่เชินมองเห็นเธอหน้าแดง สติไม่อยู่กับตัว จึงหัวเราะออกมาทันที ดวงตาเปล่งประกาย “ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอกำลังคิดอะไรอยู่?”
เห็นหญิงสาวหลบสายตา ใบหูเป็นสีแดง เขาก็รู้สึกว่าเธอกำลังคิดเลยเถิด….
“เปล่า…ไม่มีอะไร”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้าวถอยหลังออกจากอ้อมแขนของเขา หายใจลึกๆ “ฉันไปทำงานก่อนนะคะ หากมีอะไรก็โทรเรียกฉันได้”
เมื่อเห็นหญิงสาวเหมือนกวางน้อยเวลาตื่นตกใจก็จะวิ่งหนี เผยลี่เชินจิตใจก็อ่อนระทวย เธอช่างไม่รู้เลยว่าท่าทางแบบนี้มันทำให้เธอน่ารักที่สุด….
ในขณะนี้เดิมทีมีปัญหารุมเร้าหนักสมองมากมายก็หายไปไม่น้อย ผู้หญิงที่เคียงข้างเขามีไม่กี่คน รอให้ผ่านช่วงเวลานี้ เขามีคำพูดที่อยากบอกกับเธออย่างจริงจัง
ผ่านไปไม่นาน ฉีเฟิงเคาะประตู “ประธานเผย ตอนนี้ตำแหน่งโทรศัพท์ของรองประธานเผย ระบุว่าอยู่ที่บ้าน.”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเข้มนิ่งไปสักพักก่อนที่จะรีบปฏิเสธทันที “เป็นไปไม่ได้ เขาไม่น่าจะอยู่บ้าน ไปหาใหม่อีกที”
เมื่อสักครู่เขาคุยอยู่กับคุณท่านเผย เผยอี้ไม่ได้อยู่บ้าน แต่ตำแหน่งจีพีเอสระบุอย่างนั้น อาจเป็นไปได้ว่าโทรศัพท์อยู่ที่บ้าน แล้วตัวเขาไปอยู่ที่ไหนกัน ใครก็ไม่สามารถบอกได้
ในเวลาเดียวกันที่บังกะโลสองชั้นแถบชานเมือง จินจิงจิงนั่งบนโซฟาดูเล็บที่เธอเพิ่งทำเสร็จ
“จิงจิง เธอแน่ใจกับสิ่งที่ทำลงไปแล้วนะ?” คนที่ถามคืออี้ลู่เพื่อนสนิทของจินจิงจิง ในช่วงสองปีที่ผ่านมาเธอไม่ได้โด่งดังมากมาย บางครั้งมีโฆษณาหรืองานอื่นที่จินจิงจิงไม่อยากรับก็จะมอบให้เธอ ดังนั้นเธอถึงคอยตามติดจินจิงจิง
จินจิงจิงกระพริบตามองเธอพร้อมถามกลับ “ไม่งั้นเธอมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไหมล่ะ”
อี้ลู่ยิ้มก่อนจะแนะนำ “ตอนนี้ฉันว่าเธอก็กำลังดังไปได้สวย มีข่าวคราวให้ติดตามตลอด ไม่เห็นจะต้องรีบร้อนแต่งงานเลย รออีกสักหน่อย บางทีอาจจะได้พบกับคนที่เหมาะสมกว่านี้….”
“คนที่เหมาะสมกว่านี้? ถึงแม้เผยอี้จะเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลเผย แต่ฐานะของตระกูลเผยเธอยังไม่รู้อีกรึ? วันนี้ในไห่เฉิงมีกี่ตระกูลจะสู้ตระกูลเผยได้บ้าง?”
จินจิงจิงนั่งตัวตรงดื่มน้ำผลไม้ “ต้องรออีกกี่ปี รอจนฉันแก่ผมหงอกขาว เล่นหนัง เล่นโฆษณาไม่ได้ กลัวว่าตอนนั้นเผยอี้ก็คงมีคนใหม่ไปแล้ว!”
ฉันไม่ไขว่คว้าไว้ ก็ไม่มีทางได้เหยียบตระกูลเผย
อี้ลู่ได้ยินจึงคิดพิจารณา “พูดไปก็จริง…แต่จิงจิง เธอก็รู้ดีว่าตระกูลเผยไม่ใช่จะเข้าไปแหย็มได้ง่ายๆ อย่าว่าแต่คุณท่าเผยเลย แม้แต่เผยลี่เชิน เกรงว่าจะไม่ใช่คู่ปรับของเธอ เธอใช้วิธีแกล้งท้องบีบให้แต่งงาน คิดว่าจะหลอกคนพวกนั้นได้จริงๆ หรือไง?”
จินจิงจิงกัดฟัน “ฉันถึงไม่สนใจอะไรมากไง ขอเพียงได้เข้าไปอยู่ในตระกูลเผย อะไรๆ ฉันก็ยอมทำ”
“ตอนแรกแกล้งทำเป็นท้องเพื่อเข้าไปอยู่ในบ้านเขา มันก็ได้อยู่ รอจนได้เข้าไปแล้ว เธอก็พยายามทำให้ตัวเองท้อง ทำเรื่องโกหกให้กลายเป็นเรื่องจริง”
จินจิงจิงได้ฟังที่อี้ลู่พูดก็กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว ถ้าเธอท้องจริงๆ เรื่องนี้ก็คงง่ายขึ้น แต่ที่ยากก็คือตอนนี้ เธออยู่กับเผยอี้ก็ใช้ยาคุมมาตลอดจนส่งผลต่อร่างกาย เธอเองก็พยายามทำให้ตัวเองท้องโดยเปลี่ยนจากยาคุมเป็นวิตามินแทน และเจาะถุงยางอนามัย แต่มันก็ไม่ได้ผล
ต่อมาเธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจร่างกาย ถึงได้รู้ว่าการใช้ยาคุมเป็นเวลานาน ทำให้ตั้งครรภ์ได้ยาก หากไม่ใช่ถูกบีบเพราะสิ้นหวัง เธอคงไม่มาหาหมอ เพื่อให้ได้ใบรับรองการตั้งครรภ์
อี้ลู่เห็นเธอไม่พูดอะไรจึงยิ้มพร้อมพูดต่อ “จิงจิง ฉันว่านะคุณชายอี้เขาดีกับเธอขนาดนี้ เขาต้องยอมรับในตัวเธอเป็นแน่”
จินจิงจิงสติกลับคืนมา กวาดสายตามองเธอและมองดูเวลา จากนั้นก็รีบลุกขึ้นทันที “อี้ลู่ เธอกลับไปก่อนนะ ฉันเดาว่าคุณชายอี้คงมาถึงในไม่ช้า”
อี้ลู่รีบลุกขึ้น “ได้ งั้นฉันไปก่อนนะ”
หลังจากอี้ลู่จากไป จินจิงจิงนั่งอยู่บนโซฟา ดูผลการทดสอบการตั้งครรภ์ด้วยจิตใจว้าวุ่น
ถ้าเธอคิดจะแต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวย เธอจะได้ไม่ต้องกังวลชีวิตที่เหลือของเธอ ครั้งนี้เธอต้องเดินหน้าต่อไป
แน่นอนว่าภายในเวลาไม่นาน ก็มีเสียงดังมาจากประตู จินจิงจิงลุกขึ้นก้าวเดินไม่กี่ก้าวก็พบเผยอี้สีหน้าเคร่งเครียดก้าวเข้ามาหาเธอ
จินจิงจิงยิ้มพร้อมกับทักทายก่อน “คุณชายอี้ คุณมาที่นี่ทำไม?”
เธอเดินไปข้างๆ กายของเผยอี้ เขาคว้าข้อมือของเธอไว้ สีหน้าของเผยอี้ดูเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยอารมณ์เหมือนโดนลอบกัด “เธอพูดว่าฉันมาที่นี่ทำไม?”
เขาผลักมือจินจิงจิงเหมือนใบไม้ร่วงหล่นอยู่บพื้นดิน ตอนที่จินจิงจิงเงยหน้ามองเผยอี้ น้ำตาเธอก็ไหลออกมา เธอใช้มือข้างหนึ่งกุมท้องไว้ อีกข้างก็พยุงตัวขึ้นมา “คุณชายอี้ ฉันทำผิดอะไร?”
เผยอี้กำมือแน่น เสียงดังสนั่นเหมือนฟ้าร้อง “ตอนนี้ข่าวข้างนอกแพร่กระจายไปทั่ว เธอยังมีหน้ามาถามว่าเธอทำผิดอะไร? จินจิงจิงเธอจะเอายังไงกับฉันกันแน่!”