บทที่ 148 เบื้องหลังข่าวลือ
วันรุ่งขึ้น โทรศัพท์ที่ออฟฟิศประธานบริษัทดังไม่หยุดตั้งแต่เช้า
ไป๋เสว่เอ๋อาร์วางสายโน้นก็รับสายนี้ ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นพวกสื่อมวลชนถามแต่เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเผยอี้กับจินจิงจิง
ได้ยินเสียงจากห้องข้างดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงรีบวางสาย ลุกขึ้นเดินไปหาเผยลี่เชินรายงานสถานการณ์
ประตูออฟฟิศไม่ได้ปิดสนิท ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้าไปใกล้ประตู จึงได้ยินเสียงฉีเฟิง “ราคาหุ้นของบริษัทได้รับผลกระทบ บรรดาผู้อำนวยการต่างๆ ก็โทรมาสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้”
เผยลี่เชินนั่งเอามือเท้าโต๊ะ ขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไรสักอย่าง
ฉีเฟิงพูดต่อ “ตอนนี้ยังติดต่อรองประธานเผยไม่ได้ เมื่อกี้ถามเลขาของเขาแล้วได้รับแจ้งว่าวันนี้ยังไม่เข้าบริษัทเลยครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้ามาพูดเบาๆ “ประธานเผย วันนี้มีโทรศัพท์จากสื่อมวลชนเข้ามาหลายสายต่างก็สอบถามเกี่ยวกับข่าวคราวที่เกิดขึ้น”
เผยลี่เชินสีหน้าเคร่งเครียดหลังจากได้ฟัง เขาหายใจเข้าสลึก กำชับด้วยเสียงเข้ม “ฉันจะไม่ตอบคำถามใดๆ ของเผยอี้”
“ฉีเฟิง ติดต่อเผยอี้ให้ได้”
“ครับ” ฉีเฟิงหันหลังกลับแล้วจากไป
ไป๋เสว่เอ๋ร์ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะ มองเผยลี่เชินที่ขมวดคิ้วเข้ม จึงพูดเตือนสติเบาๆ “ประธานเผย ตอนนี้ยังหาตัวรองประธานเผยไม่พบ แต่งานของเขาก็มีควรปล่อยให้ล่าช้า ถ้าไงฉันจะไปแล้วเลขาของเขาให้นำงานด่วนมาส่งไว้ที่นี่ก่อนนะคะ?”
“ได้” เผยลี่เชินพยักหน้ารับ เงยหน้ามองเธอ “เธอไปจัดการตามสมควร”
“คะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบรับแล้วรีบออกไป
เผยอี้ถึงตอนนี้ยังไม่ปรากฏกาย ที่บริษัทก็ต้องจัดงานของเขาที่คั่งค้างไว้ แถมยังต้องมารับมือกับพวกนักข่าวอีก ยุ่งจนไม่มีเวลาว่าง
แต่สำหรับไป๋เสว่เอ๋อร์แล้ว เรื่องของเผยซื่อก็คือเรื่องของเผยลี่เชิน ซึ่งเธอเองก็ช่วยอะไรไม่ได้มาก
เธอรีบมาที่ออฟฟิศของเผยอี้เพื่อมาหาเลขาของเขา แจ้งเรื่องที่เธอมาหา แต่คาดไม่ถึงว่าเลขาของเผยอี้ ฟางลู่จะไม่เชื่อสิ่งที่เธอพูด “ฉันยังไม่ได้รับแจ้งจากประธานเผย เอกสารพวกนี้เป็นเอกสารภายใน ถ้าเกิดรั่วไหลขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบอย่างจริงจัง “ประธานเผยสั่งให้ฉันมาเอาไป ถ้าหากเธอสงสัยอะไรก็โทรศัพท์ไปถามประธานเผยได้”
ฟางลู่กล่าวอย่างมั่นใจ “เลขาไป๋ คุณมาทำงานที่เผยซื่อได้ไม่นาน คงยังไม่เข้าใจกฎระเบียบของบริษัทที่กำหนดไว้ชัดเจน ประธานเผย รองประธานเผย และประธานฟางจะไม่ยุ่งเกี่ยวโครงการของกันและกัน ข้อมูลพวกนี้หากรองประธานเผยไม่ได้สั่ง ฉันคงให้คุณไม่ได้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดด้วยน้ำเสียงตามปกติธรรมดา “วันนี้มีเหตุการณ์พิเศษเกิดขึ้น ถ้าคุณสามารถติดต่อรองประธานเผยได้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก แต่ถ้าติดต่อไปไม่ได้และงานต้องล่าช้าออกไปซึ่งต้นเหตุมาจากคุณ เกรงว่าผลที่ตามมาคุณคงรับไม่ไว้แน่นอน?”
“นี่เธอ!” ฟางลู่โกรธจนหน้าแดง พูดอะไรไม่ออก นิ่งไปสักพักก่อนที่เธอจะลุกขึ้นเดินเข้าไปในออฟฟิศของเผยอี้ หยิบเอกสารส่วนหนึ่งส่งให้เธอ
ไป่เสว่เอ๋อร์ยื่นมือไปรับพร้อมรอยยิ้ม “ขอบคุณสำหรับความร่วมมือคะเลขาฟาง ฉันไม่รบกวนแล้วคะ”
เธอพูดจบก็หันหลังเดินจากไป เดินไปไม่กี่ก้าวก็ได้ยินฟางลู่บ่นพึมพำอยู่ด้านหลัง “ผู้หญิงที่ไต่เต้าด้วยเรื่องบนเตียง เที่ยวเสแสร้งไปเรื่อย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดนิ่ง สีหน้าเย็นชา
ตอนที่เธอพบกับเฉินเจิงที่โรงแรม เขาก็พูดทำนองเดียวกันแล้วยังพูดอีกว่า คนในบริษัทไม่ว่าเป็นใครต่างก็รู้ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเธอกับเผยลี่เชิน….
เธอมักให้ความระมัดระวังกับคำพูดและการกระทำของตนเองในบริษัท แต่ทำไมข่าวลือระหว่างเธอกับเผยลี่เชินถึงแพร่กระจายในบริษัทได้
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก เธอค่อยๆ หันตัวกลับช้าๆ มองมาที่ฟางลู่ซึ่งอยู่ไม่ไกล เดินกำเอกสารแน่นกลับไปหาฟางลู่ เธอยิ้มออกมาจ้องมองฟางลู่ “เลขาฟาง มีอะไรก็พูดกันต่อหน้าก็ได้ มาพูดนินทาลับหลังแบบนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไร?”
“ใครว่านินทา?” ฟางลู่ถามกลับพร้อมหัวเราะเยาะ “ฉันรึ? เลขาป๋าคุณก็ได้ยินไม่ใช่หรือ? งั้นคุณก็พูดมาว่าฉันพูดอะไร?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือแน่นจ้องมองฟางลู่แล้วหายใจเข้าลึกๆ “ที่คุณพูดเมื่อกี้ฉันได้ยินหมดแล้ว คำพูดพวกนั้นฟังดูน่าเกลียดมาก คนทั่วไปเขาไม่พูดกัน ฉันจึงไม่อยากพูดซ้ำ ถ้าครั้งหน้าฉันได้ยินอีก ฉันเอาจริงแน่”
รอยยิ้มบนใบหน้าเธอหายไปพร้อมกับคำพูดที่พูดออกมา แล้วเปลี่ยนเป็นเย็นชา
พนักงานที่ผ่านไปผ่านมาเห็นทั้งสองคน จึงหยุดเดินยืนดูความตื่นเต้นที่เกิดขึ้น
ฟางลู่พูดอย่างเย็นชา “ไป๋เสว่เอ๋อร์นี่เธอกำลังขู่ฉันใช่ไหม?”
“ไม่ได้ขู่” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มที่มุมปาก “แค่เตือนให้รู้ไว้”
การโต้เถียงระหว่างสองคนนี้มีคนมายืนมุงดูเยอะขึ้น เจียงหวั่นหวั่นมองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ จึงรีบเดินข้างหน้าและอยู่ข้างๆ เธอเพื่อถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น? พวกคุณคือ….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้เจียงหวั่นหวั่น “ไม่มีอะไรหวั่นหวั่น ฉันต้องการเจอเธออยู่พอดี เธอตามฉันมานี่ที”
เจียงหวั่นหวั่นพยักหน้ารับแล้วมองฟางลู่ก่อนจะรีบตามไป๋เสว่เอ๋อร์
มาถึงที่ที่ไม่มีคน เจียงหวั่นหวั่นอดไม่ได้จึงถาม “มู่ชิง มันเกิดเรื่องอะไรกันแน่?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลสักพักก่อนหายใจลึกๆ “ฉันอยากถาม ช่วงนี้ในบริษัทมีข่าวลือเกี่ยวกับฉันใช่ไหม?”
เจียงหวั่นหวั่นได้ยินจึงหยุดคิดแล้วในที่สุดก็พยักหน้ารับ “ก็มีบ้าง….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม “พูดว่าอะไรบ้าง?”
“พูดว่า….ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับประธานเผยไม่ธรรมดา ยิ่งพูดก็ยิ่งไปกันใหญ่ มีคนเห็นพวกเธอจับมือถือแขน ฉุดกระชากไปมาในออฟฟิศ…..”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกๆ ในสมองปรากฏภาพในวันที่เธอส่งข้อมูลให้เผยอี้แล้วเจอเผยลี่เชินที่หน้าประตู เขาลากเธอเข้าไปในออฟฟิศหรือว่าจะถูกคนอื่นเห็นเข้า?
“ยังพูดอีกว่าเดิมทีเธอมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อทำงาน แต่มาเพื่อจับประธานเผย ยังมีอีกมากมายยากที่จะฟัง มันเกินจริง และนี่ก็คือทั้งหมด….”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว เมื่อได้ยินสิ่งที่เจียงหวั่นหวั่นพูด
ดูเหมือนมีคนจ้องใส่ร้ายเธอต้องลงแรงไปไม่น้อย ข่าวลือเกินจริงจึงแพร่สะพัดไปทั่ว
เธอทำงานที่เผยซื่อ ถ้าเป็นไปตามข่าวลือของพวกเขา เกรงว่าสีขาวก็พูดให้กลายเป็นสีดำ ไม่ว่าจะลือกันมากมาย ทุกคนดูเหมือนจะคิดว่าเป็นจริง
เธอกัดฟันตัดสินใจแน่วแน่ เงยหน้ามองเจียงหวั่นหวั่น “หวั่นหวั่น เธอช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”
เจียงหวั่นหวั่นพยักหน้ารับ “มู่ชิง ครั้งที่แล้วเธอช่วยฉัน อย่าว่าแต่เรื่องเดียวเลย ต่อให้สิบเรื่องฉันก็ยินดีช่วย!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้เธอ พูดเบาๆ “ด้วยสถานะของเธอมันง่ายที่จะสืบว่าใครเป็นปล่อยข่าวลือ ฉันจึงอยากให้เธอช่วยสืบหน่อย แต่ถ้าไม่ได้ข้อมูลอะไรมา ก็ไม่เป็นไรนะ”
เจียงหวั่นหวั่นรีบรับปาก “เธอวางใจเถอะ สืบเรื่องซุบซิบนินทาฉันถนัด ได้เรื่องอย่างไรฉันจะติดต่อไปนะ”
หลังจากแยกย้ายกันไป ไป๋เสว่เอ๋อร์หอบเอกสารไปออฟฟิศประธานบริษัท พอถึงหน้าประตูออฟฟิศเผยลี่เชิน เธอได้ยินเสียงทุ้มๆ จากผู้ชายดังมาจากในห้อง
“ผมติดต่อเขาไม่ได้ วันนี้เขาไม่เข้าบริษัท”
นิ่งไปสักครู่ เสียงของเขาก็ดังขึ้นอีก “พ่อ…เรื่องนี้ผมจัดการได้ พ่อให้เวลาผมสักหน่อย”