สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 154

ตอนที่ 154

บทที่ 154 ไปเจอเสิ่นหรูเฟิงสักหน่อย

ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไป ก่อนจะมองไปยังเผยลี่เชินอย่างประหลาดใจ เธอเงียบไปหลายวินาทีก่อนจะเข้าใจความหมายในคำพูดของเขา

เพราะจะยังไงเธอเองกับเผยอี้ก็เคยมีความสัมพันธ์กันอยู่ช่วงหนึ่ง มาวันนี้เห็นว่าขาจะต้องไปรับผิดชอบผู้หญิงคนอื่นในใจก็ต้องมีความรู้สึกแปลกๆบ้างแหละ

แต่ว่าสำหรับเผยอี้แล้วนั้น เธอไม่ได้รู้สึกอะไรไปนานแล้วล่ะ

เธอมองเผยลี่เชินก่อนจะพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ สำหรับเผยอี้ฉันปล่อยวางไปแล้วล่ะค่ะ ถ้าเกิดเป็นเมื่อก่อนฉันก็คงจะมีความถือสาอยู่บ้าง แต่ว่าตอนนี้ ผ่านอะไรมามากมายฉันก็ตาสว่างแล้วล่ะค่ะ เขาไม่เหมาะสมที่จะให้ฉันไปอาลัยอาวรณ์หา ”

เธอหยุดไปพักหนึ่ง และสบตาเข้ากับคนหนึ่งในความสลัว “ แต่มีอยู่คนหนึ่ง ที่ดีกว่าเขาร้อยเท่าพันเท่า ”

เผยลี่เชินชะงักไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะเข้าใจในความหมายนั้น เขาเลิกคิ้วก่อนจะยกยิ้มที่มุมปาก น้ำเสียงก็ดูสบายๆอย่างไม่ทันได้รู้ตัว “ ใครกัน? ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เองก็ยิ้มที่มุมปาก เกือบที่จะหลุดพูดชื่อไป เธอหันหน้าออกไปทางหน้าต่างก่อนจะพูดเสียงเบา “ เข้ารู้ดี ”

พอเห็นหญิงสาวเขินอายจนเบนหน้าหนี เผยลี่เชินรู้สึกวาบไปที่หัวใจ ยื่นแขนออกไปคว้าตัวเธอมาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะถามขึ้นเสียงเบา “ บอกชื่อของเขามาสิ ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้มหน้ายิ้มบางๆ แต่กลับไม่ยอมพูดออกมา ทั้งๆที่เขาเดาถูกแล้วทำไมยังจะต้องให้เธอพูดออกมาอีก เรื่องบางเรื่องพูดออกไปตรงๆมันก็จะไม่ได้อารมณ์

อยู่ๆ เธอก็รู้สึกที่หน้าผากว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างทาบลงมา มันอุ่นๆหยาบๆ ทำให้เธอหน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้

เธอสูดหายใจลึกๆ กลัวว่าฝ่ายชายจะพูดอะไรที่ทำให้เธออายออกมา ก็เลยรีบหาทางทำให้ตัวเองเป็นต่อพูดออกไปก่อน “ เมื่อกี้ฉัน…ยังกินไม่อิ่ม ”

เผยลี่เชินได้ยินก็จ้องไปที่เธอก่อนจะพูดเสียงต่ำ “ ผมก็ยังไม่อิ่ม ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลพักหนึ่ง “ งั้น..เดี๋ยวถ้ากลับไปให้ฉันต้มบะหมี่ให้ไหมล่ะ? ”

เผยลี่เชิน ใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเส้นผมของเธอขึ้นมาเบาๆ “ ก็ยังไม่อิ่ม ”

“ งั้นจะทำยังไง? ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วถาม และกำลังจะอ้าปากพูดอะไรออกไปสายตาก็บังเอิญไปสบกับเขาเข้าพอดีถึงได้เข้าใจความหมายแท้จริงของเขา

“ คุณ…. ” เธอเหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ โมโหแต่ก็พูดอะไรไม่ออก

“ ผมทำไม? ” มือที่โอบตรงเอวของเธอกระชับขึ้น เขาก้มลงมากระซิบข้างหูเธอเบาๆ “ อยากกินคุณ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกร้อนไปทั้งตัว หน้าแดงเถือก แทบไม่กล้าที่จะสบตากับเขา

ดูเหมือนว่าคืนนี้เธอจะต้องยอมอีกแล้วล่ะ …

วันต่อมา วันที่ต้องยุ่งทั้งวันก็เริ่มขึ้น

เผยลี่เชินเป็นเพราะรับโครงการจากเผยอี้มา ตอนเช้าก็มีประชุมก่อนจะออกไปดูกระบวนการทำงานด้วยตัวเอง ขนาดใกล้เที่ยงวันแล้วก็ยังไม่กลับมา

ไป๋เสว่เอ๋อร์กับเจียงหวั่นหวั่นนัดกันไปกินข้าวที่โรงอาหารของพนักงาน กำลังตักข้าวเสร็จและหาที่นั่งได้ก็บังเอิญไปเห็นคนที่คุ้นเคยจากระยะไกล

เป็นจางฉือ เขาก้มหน้ากินข้าว แต่กลับมองมาที่เธอเป็นระยะๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์เหมือนคิดอะไรออกในใจก็เลยรีบกินข้าว

เจียงหวั่นหวั่นกินหมูพะโล้ไปคำโต ก่อนจะขยับเข้ามาคุยกับเธอใกล้ๆ “เสว่เอ๋อร์ ช่วงนี้ในเน็ตกำลังมีข่าวเรื่องรองประธานเผยกับดาราที่ชื่อจินจิงจิง เธอว่า…มันจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์มองหน้าเธอแล้วอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ “ เธอไปรู้มาจากไหน ของอร่อยๆยังอุดปากเธอไว้ไม่ได้ พูดไปเรื่อยเปื่อย ! ”

“ ก็ฉันอยากรู้ไง แต่จะว่าไปแล้วพักนี้ก็ไม่เจอรองประธานเผยที่บริษัทจริงๆ… ” เจียงหวั่นหวั่นพูดเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ทันได้รู้ว่าข้างๆมีคนเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง

พอเห็นฟางลู่ สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เปลี่ยนไป กำลังจะเตือนเจียงหวั่นหวั่นให้เงียบปาก แต่ให้จะรู้ว่าฟางลู่ก็แสยะยิ้มขึ้นมา “ หึ! แล้วมาบอกว่าฉันปากพร่อย เลขาไป๋ เรื่องที่พวกคุณพูดกันเมื่อกี้ฉันได้ยินทั้งหมดแล้วล่ะ! ”

ในตอนที่พูดอยู่ เขาก็วางจานอาหารลงบนโต๊ะอย่างแรง พร้อมกับมองมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างไม่ค่อยเป็นมิตร

เจียงหวั่นหวั่นได้สติ ก็อดไม่ได้ที่จะพูดไปตามความจริง “เสว่เอ๋อร์ไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย เมื่อกี้ฉันเป็นคนพูดเองต่างหาก เธอจะไปว่าเขาทำไม? ”

ฟางลู่มองบน โดยไม่เห็นหัวเธอเลยสักนิด เธอมองไปยังไป๋เสว่เอ๋อร์ก่อนจะตั้งใจพูดขึ้น “ ไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนโดนรองประธานเผยของพวกเราทิ้งไปรึไง? ตอนนี้มาพูดอะไรแบบนี้ลับหลังมันดีรึไง? ”

เสียงของเธอไม่ใช่เบาๆ สร้างความสนใจให้กับผู้คนรอบๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเขาลึกๆก่อนจะมองหน้าเขาตรงๆ “ เลขาฟาง คำพูดเมื่อกี้ฉันไม่เคยพูด รบกวนคุณก็อย่าเอาไปพูดเรื่อยเปื่อย ”

ฟางลู่แสยะยิ้ม ก่อนจะมองไปรอบๆ “ ฉันเอาไปพูดเรื่อยเปื่อย? ใครเป็นพยาน! ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วและกำลังจะอ้าปากพูด แต่อยู่ๆก็มีเสียงดังมาจากข้างๆ “ ผมเป็นพยานได้ ว่าเมื่อกี้เขาไม่ได้พูดเรื่อยเปื่อย ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปตามเสียง ก็เห็นจางฉือที่ยืนอยู่ข้างๆ โดยในมือก็ถือจานปล่าวอยู่ พักเดียวสีหน้าของฟางลู่ก็หงอยไป คนรอบๆที่มองอยู่ก็เงียบไป บรรยากาศก็ดูเหมือนจะเขินๆหน่อย

จางฉือเองก็ไม่ได้หยุดอยู่นาน ก็เดินถือจานออกไปอย่างรวดเร็ว ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าเขาไปแล้วก็รีบก้มหน้ากินข้าว

ฟางลู่ที่โดนคนข้างๆมองอย่างสงสัยก็หน้าแดงด้วยความอายก่อนจะเก็บอารมณืแล้วเดินไปอีกทาง

ไป๋เสว่เอ๋อร์กินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็ว หาข้ออ้างออกจากเจียงหวั่นหวั่นแล้วรีบเดินออกมาจากโรงอาหาร

เมื่อกี้ที่มองเห็นจางฉือ เธอก็รู้ว่าเขามีเรื่องที่อยากจะพูด และก็เป็นไปตามคาดเพราะเดินออกมาจากโรงอาหารได้ไม่ไกล ก็มองเห็นจางฉือที่ยืนอยู่ตรงระเบียง

เธอเดินเข้าไปแล้วถามเสียงเบา “ นัดเจอเสิ่นหรูเฟิงๆแล้วหรอ? ”

จางฉือตอบ “ ตอนกลางวันเขาไม่มีเวลา ตอนเย็นเขาอยู่ในงานเลี้ยงที่โรงแรมตี้เหา บอกว่าสามารถหาเวลามาเจอได้สักหน่อย ในเวลาสองทุ่มครึ่งพอไปถึงก็บอกชื่อเขากับพนักงานก็พอ ”

“ โอเค ฉันรู้แล้ว ” ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินห่างออกมา

จางฉือเอ่ยเรียกเธอไว้ “ เลขาไป๋ งานของผมที่เผยซื่อ…”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดออกไปอย่างจริงจัง “ ขอแค่คุณไม่ไปเกี่ยวข้องกับเสิ่นซื่อ คุณก็ยังสามารถอยู่ทำงานต่อที่ไป๋ซื่อได้ แต่ถ้าเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดอะไรขึ้น ฉันก็ไม่สามารถจะรับประกันความปลอดภัยของคุณได้ ”

“ เข้าใจครับ ” จางฉือได้ยินแล้วพยักหน้ารับ

เลิกงานตอนเย็นไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ทำงานต่อถึงทุ่มกว่าๆ พอเห็นว่าใกล้ได้เวลาแล้วก็เก็บของออกจากบริษัทไป

วันนี้เธออยากจะไปเจอเสิ่นหรูเฟิงสักหน่อย อยากจะไปหยั่งเชิงเขาสักหน่อย วันนี้เขากล้าที่จะใช้โอกาสนี้ทำให้ปั่นป่วน วันหลังก็อาจจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกก็ได้

พอมาถึงโรงแรมตี้เหา ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็บอกชื่อเสิ่นหรูเฟิงกับพนักงาน พนักงานก็รีบต้อนรับแล้วพาขึ้นลิฟต์ไป

มาถึงชั้นแปดประตูลิฟต์ก็เปิดออก เธอเดินตามพนักงานมาจนถึงหน้าประตูห้อง และในตอนที่พนักงานกำลังจะเดประตูเธอก็ถามขึ้น “ ขอถามหน่อยได้ไหมคะ ไม่ทราบว่าในห้องนี้นอกจากเสิ่นหรูเฟิงแล้ว ยังมีคนอื่นอีกหรือเปล่า? ”

“ มีครับ ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลพักหนึ่ง ถ้าเกิดว่าเธเดินเข้าไปตรงๆ อีกฝั่งมีคนเยอะขนาดนั้นก็กลัวว่าจไม่มีโอกาสพูดกับเสิ่นหรุเฟิงให้รู้เรื่อง ถ้าแบบนี้เรียกเสิ่นหรูเฟิงออกมาคุยกันให้ชัดเจนไม่ดีกว่ารึไง

“ งั้นฉันรออยู่ด้านนอก คุณช่วยไปบอกเขาให้ด้วยนะคะ ”

พนักงานรับคำก่อนจะผลักประตูเข้าไป ส่วนไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รออยู่ข้างนอกเงียบๆ

พักเดียวประตูห้องก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง เสิ่นหรูเฟิงก็เดินออกมาพอเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านนอกก็หรี่ตามองอย่างสงสัย

เขาเดินไปหาหน้ายิ้มแล้วถามขึ้น “ ไหนๆคุณไป๋ก็มาแล้ว ทำไมถึงไม่เข้าไปทักทายคนอื่นด้านในหน่อยละครับ ? ”

เหมือนว่าการมาของไป๋เสว่เอ๋อร์จะไม่ทำให้เขาแปลกใจเลยสักนิด

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้เขาตามมารยาท “ คุณเสิ่น ฉันมาครั้งนี้คือมาหาคุณโดยเฉพาะเลยนะคะ ”

เสิ่นหรูเฟิงเดินหน้าสองสามก้าว พร้อมกับสายตาที่ซับซ้อน “ อ้อ ไม่ทราบว่าคุณไป๋มาหาผมโดยเฉพาะทำไมหรอครับ ? ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่มีความเกรงกลัว พร้อมกับจ้องหน้าเขาแล้วถามขึ้น “ คุณเสิ่นรู้จักจางฉือไหมคะ?

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท