บทที่ 162 จะไม่จัดการกับเรื่องที่ยุ่งเหยิงนี้แทนแกอีกต่อไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ฟัง ก็รู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย ป้าจางที่อยู่ด้านข้างจึงได้เอ่ยโน้มน้าวขึ้นว่า “นั่นสิคะคุณหนูไป๋ ยังไงก็พักผ่อนเยอะๆ เช่นนี้พออาการป่วยหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว พรุ่งนี้จึงจะสามารถไปทำงานด้วยความแข็งแรงได้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ทำได้เพียงพยักศีรษะ ยอมรับปากอย่างเชื่อฟัง
หนึ่งวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว อยู่บ้านพักผ่อนไปหนึ่งวัน ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้รู้สึกว่าอาการทั่วทั้งร่างกายของตัวเองดีขึ้นเป็นอย่างมาก
ถึงวันทำงานพอดี เธอตามเผยลี่เชินไปทำงานที่บริษัทด้วยกันอย่างกระฉับกระเฉง
เพิ่งถึงบริษัท งานและการประชุมต่างๆทำให้เธอยุ่งจนไม่อาจจะปลีกตัวออกมาได้ หลังจากที่ประชุมเสร็จ เธอก็นำบันทึกการประชุมมาเรียบเรียงใหม่ จากนั้นก็ส่งไปยังห้องทำงานของเผยลี่เชิน
ท่าทางของไป๋เสว่เอ๋อร์กระฉับกระเฉงว่องไว ความคิดความอ่านชัดเจน “นี่คือเนื้อหาหลักของการประชุดในครั้งนี้ค่ะ ฉันหาเอกสารที่สอดคล้องกับโครงการของผู้จัดการต่างๆนำออกมาแล้ว อยู่ในนี้ทั้งหมด คุณลองดูก่อนได้ค่ะ”
เผยลี่เชินพยักหน้าเล็กน้อย “โอเค คุณวางไว้ก่อน อีกสักพักผมจะดู”
“ก๊อกๆ!” เสียงเคาะประตูดังสะท้อนขึ้น ฉีเฟิงผลักประตูออกแล้วเดินเข้ามา เขารายงานสถานการณ์ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ท่านประธานเผยครับ รองประธานเผยมาถึงยังบริษัทแล้ว”
คิ้วของเผยลี่เชินขมวดเข้าหากันเบาๆ “โอเค ผมรู้แล้ว”
ห่างจากที่ฉีเฟิงรายงานข่าวไม่ถึงสิบนาที เผยอี้ก็พาฟางลู่เลขาส่วนตัวของตนเองมายังห้องทำงานของท่านประธาน จากนั้นก็เคาะประตูห้องทำงานของเผยลี่เชินจนดังขึ้น
เกือบจะเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ได้แล้ว ที่เผยอี้ไม่ได้มาปรากฏตัวที่เผยซื่อเลย
พอเขาเข้าห้องทำงานมา ก็เหลือบกวาดตามองมายังไป๋เสว่เอ๋อร์ สุดท้ายสายตาก็ตกไปอยู่ที่เผยลี่เชิน “พี่ใหญ่ ผมมารายงานตัว”
มือที่พลิกหน้าเอกสารอยู่ของเผยลี่เชินหยุดชะงักลง สายตาแสดงให้เห็นถึงความเย็นชา “ฉันยังนึกว่า แกไม่คิดจะมาแล้ว”
เผยอี้เอ่ยปากด้วยใบหน้าที่แสร้งยิ้มสุดๆว่า “จะเป็นไปได้ยังไงครับ ไม่ว่าจะพูดยังไง ผมก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเผย ธุรกิจของตระกูลเผย ผมก็ต้องออกแรงส่วนนึงเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
“ส่วนหนึ่ง?” เผยลี่เชินปิดแฟ้มเอกสารลงอย่างไม่เบาและไม่แรงมากนัก แล้วเงยหน้ามองไปยังเผยอี้ “ที่แท้แกยังรู้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเผย”
ในตอนแรกที่เขาพูดจะไม่มาก็ไม่มา พูดว่าจะหายไปก็หายไป นำเรื่องยุ่งเหยิงที่อยู่ในมือของตนเองโยนทิ้งตรงมาให้กับเขา ทำไมถึงคิดไม่ได้ว่าตัวเองเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลเผย?
เผยอี้ฟังความประชดที่อยู่ในคำพูดของเขาออกเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เขาหัวเราะขึ้นมาเล็กน้อย ตามมาด้วยเปลี่ยนหัวข้อสนทนาว่า “พี่ใหญ่ ผมได้ยินเลขาของผมบอกว่า ตอนที่ผมไม่ได้อยู่ในบริษัท เลขาของพี่ตรงไปที่ห้องทำงานผม นำเอกสารโครงการเหล่านั้นที่อยู่ในมือของผมไป”
เผยลี่เชินถามย้อนกลับอย่างนิ่งๆว่า “ใช่ ฉันเป็นคนให้เขาไปเอง มีปัญหาอะไร?”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สายตาของเผยอี้พาดผ่านความเย็นชาขึ้นมา เขากดเสียงลง เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “งั้นในเมื่อผมกลับมาแล้ว โครงการเหล่านั้นก็ควรจะคืนให้ผมได้แล้ว ไม่งั้นเรื่องในบริษัทยุ่งขนาดนั้น พี่ใหญ่คนเดียวคงจะทำไม่ทันแน่ๆ”
ที่แท้ เผยอี้เข้ามาที่นี่ คือมาเอาโครงการนี่เอง
ในเผยซื่อ สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถของผู้นำคนหนึ่งก็คือดูโครงการที่เขารับผิดชอบ หากเผยอี้กลับมา ในมือกลับไม่มีโครงการใดๆทำ งั้นเขาก็คือรองประธานที่เพียงแค่ร่ำรวยแต่ตำแหน่งงานว่างเปล่า ไร้อำนาจที่แท้จริงใดๆ ยิ่งไม่มีทางได้รับความสนใจจากคุณท่านเผย
ดังนั้น โครงการก็คือสิ่งที่พิสูจน์ความสามารถของเขา
เผยลี่เชินมองเขาด้วยสายตาที่อึมครึมและเย็นชา “แกแน่ใจว่าแกเตรียมตัวพร้อมแล้ว?”
เผยอี้เอ่ยปากขึ้นอย่างย่อมเป็นเช่นนั้นอย่างแน่นอน “แน่นอนครับ สองสามวันก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่เหตุสุดวิสัยเท่านั้น ตอนนี้ผมทำธุระเสร็จแล้ว ก็ควรจะรับผิดชอบต่อโครงการที่อยู่ในมือเป็นธรรมดาอยู่แล้ว”
สีหน้าของเผยลี่เชินอึมครึมลงไปอีกหลายระดับ “เผยอี้ บริษัทไม่ใช่ของเด็กเล่น ไม่อาจจะทนต่อเหตุสุดวิสัยที่ว่าของแกได้ แกคิดว่าอาศัยสภาพของแกในตอนนี้ ฉันจะสามารถวางใจเอาโครงการส่งให้กับแกได้ไหม?”
เผยอี้ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สีหน้าก็มืดครึ้มลงมาในทันที “งั้นพี่หมายความว่าอะไร เพราะว่าสองสามวันนี้ผมไม่ได้มาที่บริษัท ก็เอาโครงการที่อยู่ในมือของผมเก็บไปหมดเลย?”
ภายในชั่วพริบตา บรรยากาศก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ตึงเครียด ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านข้าง แอบมองดูทั้งสองคนคุมเชิงกันอย่างเงียบๆ ไม่กล้าสอดปากเข้าไป
หยุดไปสักพัก เผยลี่เชินก็เอ่ยปากขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “ฉันคืนโครงการให้กับแกได้ แต่หลังจากวันนี้เป็นต้นไป อย่ามาให้ฉันจัดการกับเรื่องที่ยุ่งเหยิงเหล่านี้แทนแกอีก!”
เขาพูดจบ ก็หันหน้าและมองไปยังไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง ออกคำสั่งเบาๆว่า “นำเอกสารคืนให้กับพวกเขา”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าในทันที จัดการนำเอกสารที่เอามาจากห้องทำงานพวกเขาออกมา เดินเข้าไปส่งให้กับฟางลู่
นัยน์ตาของเผยอี้ปรากฏให้เห็นถึงความเย็นชาออกมาอีกครั้ง เอ่ยปากขึ้นพร้อมกับหัวเราะอย่างประชดประชันว่า “วางใจครับ เรื่องของผม ต่อไปจะไม่รบกวนพี่อีก”
พูดจบ เขาก็หมุนตัวไปอีกด้านทันที พาฟางลู่ออกไปอย่างรวดเร็ว
ใครต่างก็คิดไม่ถึง หลังจากนั้นไม่กี่วัน เผยอี้กลับทำให้ตัวเองขายหน้าด้วยความเร็วแสง โครงการที่อยู่ในมือของเขา ดันเกิดปัญหาขึ้น
ช่วงเช้า ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ได้รับโทรศัพท์ที่บริษัทเทคโนโลยีหลั่งอี้โทรเข้ามา
“ขอโทษนะคะ ฉันเป็นเลขาของท่านประธานเผย ตามที่ฉันทราบมานั้น บิลนี้ของบริษัทเทคโนโลยีหลั่งอี้เป็นของรองประธานเผย หากมีธุระอะไร รบกวนคุณติดต่อรองประธานเผยนะคะ”
“คุณเลขาไป๋ ประธานหวางของเราระบุไว้ชัดเจนว่าต้องการติดต่อประธานเผย รบกวนคุณรายงานหน่อยนะครับ ประธานหวางมีธุระสำคัญต้องการพบและเจรจาธุรกิจกับประธานเผย”
ได้ฟังน้ำเสียงที่เร่งรีบของอีกฝ่าย ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อย ตอนแรกในงานแสดงสินค้าใหม่ของบริษัทเทคโนโลยีหลั่งอี้นั้น พวกเขาเคยพบกับหวางคุน ในตอนนั้นเผยลี่เชินปฏิเสธบิลใหญ่นี้ แต่คิดไม่ถึงว่าต่อมาก็ได้ถูกเผยอี้รับไปอีก บิลนี้ ณ เวลานี้ไมมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับเผยลี่เชิน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นเบาๆว่า “สามารถเปิดเผยเนื้อหาที่ละเอียดกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ? ไม่เช่นนั้น ฉันรายงานได้ไม่ค่อยสะดวก”
อีกฝ่ายเงียบไปสองสามวินาที จากนั้นเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “บิลที่พวกเราสั่งกับบริษัทของคุณเกิดปัญหา เวลานี้ เกรงว่ารองประธานเผยคนเดียวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอก็เข้าใจในทันที “ค่ะ ฉันจะรายงานสถานการณ์กับท่านประธานเผย”
พูดจบ เธอก็วางสายโทรศัพท์ในทันที เดินเข้าไปรายงานสถานการณ์ในห้องทำงานที่อยู่ด้านข้าง หากเป็นเช่นเดียวกันกับที่อีกฝ่ายบอกไว้ในสายโทรศัพท์จริงๆ งั้นปัญหาของโครงการนี้ก็คงจะใหญ่มาก
ผลักประตูห้องทำงานเข้าไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เห็นเผยลี่เชินกำลังอนุมัติเอกสาร เธอรีบเดินเข้าไป นำเรื่องในโทรศัพท์เมื่อครู่นี้รายงานกับเผยลี่เชิน
คิ้วของเผยลี่เชินขมวดเข้าหากันแน่น ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “หากผมจำไม่ผิด วันนี้น่าจะเป็นวันที่โรงงานส่งสินค้า คุณรีบโทรศัพท์ไปที่โรงงาน ยืนยันสถานการณ์ทางนั้นหน่อย”
“ค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่กล้าล่าช้า รีบโทรศัพท์สอบถามสถานการณ์ในทันที เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆทางโรงงานรายงานว่า สินค้าไม่ได้ผลิตเสร็จภายในเวลาที่กำหนด ปริมาณสินค้าที่ส่งมอบไม่ถึงตัวเลขที่ตั้งไว้
“ท่านประธานเผย ฉัยได้โทรศัพท์ไปสอบถามแล้ว ทางโรงงานบอกว่า ระยะเวลาในการผลิตสั้นเกินไป ปริมาณส่งมอบสินค้าไม่พอ เดิมทีพวกเขาได้ติดต่อไปยังรองประธานเผยแล้ว แต่รองประธานเผยก็ไม่ได้ให้มาตรการแก้ปัญหาที่ได้ผลมาโดยตลอด”
เผยลี่เชินได้ฟัง ก็โมโหขึ้นมาในทันที เขานำปากกาเซ็นต์ชื่อที่อยู่ในมือวางลงไปบนโต๊ะอย่างแรง “ในเมื่อไม่ถึงยอดปริมาณการส่งสินค้าทำไมถึงไม่มารายงานปัญหาให้กับผม!ทางโรงงานกินเป็นแต่ข้าวกันหรือไง!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อธิบายขึ้นมาเบาๆ “ผู้จัดการโรงงานบอกว่า เดิมทีเขาขอความคิดเห็นจากรองประธานเผย ว่าจะรายงานให้กับคุณ แต่รองประธานเผยยืนกรานไม่เห็นด้วย เป็นเหตุให้เขาไม่กล้ามารายงานค่ะ”
เผยลี่เชินได้ฟัง สีหน้าก็มืดมนจนถึงขีดสุด ทั่วทั้งร่างกายของเขาต่างปกคลุมไปด้วยไอความเย็นยะเยือกขึ้นมาชั้นหนึ่ง หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ยืนขึ้นทันที แล้วหันไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ “ไป ไปหาเผยอี้กัน”
ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแอบเป็นกังวลขึ้นมา ทำได้เพียงตามหลังเผยลี่เชิน มุ่งไปยังห้องทำงานของรองประธาน
หลังจากนั้นห้านาที พวกเขาก็มาถึงหน้าห้องทำงานของเผยอี้ ประตูห้องปิดไม่สนิท ดังสะท้อนเสียงพูดคุยภายในห้องออกมาพอดี
“อื้ม คืนนี้ผมกลับไปเร็วหน่อย คุณพักผ่อนเยอะๆ หากรังนกของบำรุงไม่พอให้ป้าแม่บ้านสั่งให้คุณล่วงหน้า”
เผยอี้ดูเหมือนกำลังโทรศัพท์ เผยลี่เชินและไป๋เสว่เอ๋อยืนอยู่ด้านหน้าประตู ได้ยินอย่างแจ่มแจ้งชัดเจน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นมองอย่างค่อนข้างจะกังวล เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เขามองเห็นสีหน้าของเผยลี่เชินเขียวจัด ไฟโทสะที่เต็มช่องว่าง กลัวเพียงแต่ว่ากำลังจะทนไม่ไหวแล้ว
เผยลี่เชินยกมือขึ้น แล้วผลักประตูเปิดออก ประตูกระแทกไปบนกำแพงที่อยู่ด้านหลัง ส่งเสียง “ปึ้ง” ดังลั่นออกมา