บทที่ 160 คนรักกับเสี่ยเลี้ยง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไป ฟังน้ำเสียงที่เป็นการซักถามของผุ้ชายคนนี้ออก เธอขมวดคิ้วเล็กๆก่อนจะหันกลับมาถามเสียงต่ำ “ ทำไมหรอคะ?”
เผยลี่เชินวางเอกสารในมือ สายตาบ่งบอกถึงความเยือกเย็น “ ผมอยากรู้ว่าวันนี้คุณไปไหนมาบ้าง ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจและชะงักไป “ วันอื่นค่อยคุยได้ไหมคะ วันนี้ฉันเหนื่อยมากจริงๆ ”
เดิมทีเป็นเพราะเรื่องของแม่ก็ทำให้เธอรู้สึกแย่พออยู่แล้ว วันนี้ตากฝนยิ่งไม่อยากจะพูดถึงเรื่องของวันนี้เข้าไปใหญ่ แต่ทำไมเวลาแบบนี้เผยลี่เชินถึงอยากจะถามซักไซ้
เธอพูดจบหมุนตัวเดินไปทางบันได
“ไป๋เสว่เอ๋อร์ ” เผยลี่เชินมองดูแผ่นหลังของผู้หญิงตรงหน้าพร้อมกับสะกดอารมณ์โกรธ “ นี่คุณคิดว่าผมไม่รู้ว่าคุณไปที่ไหน ไปเจอใครมาบ้างรึไง! ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินก็หันกลับมาถาม “ คุณหมายความว่าไง? ”
เผยลี่เชินหยิบโทรศัพท์ข้างตัวขึ้นแล้วกดที่รูปภาพแล้วเอาให้เธอดู “ จะต้องให้ผมพูดให้ชัดเจนใช่ไหม? ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ดูหน้าจอก่อนจะขมวดคิ้ว รูปถ่ายใบนั้นเป็นรูปที่แอบถ่ายเธอกับเฉียวเจิ้น และเป็นตอนที่เธอเข้าไปกอดเฉียวเจิ้นพอดี!
ครู่เดียว เธอก็รู้สึกตื่นตระหนกไปหมดก่อนจะถามด้วยอารมณ์โมโห “ คุณให้คนสะกดรอยตามฉัน? ”
เผยลี่เชินมีสีหน้าที่ไม่พอใจ อารมณ์โกรธที่กดเอาไว้เริ่มจะกดไม่อยู่
วันนี้เขาอยู่ที่บริษัท ฉีเฟิงก็บังเอิญได้รับรูปภาพจากเบอร์ปริศนา เป็นรูปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังออกมาจากร้านกาแฟและเธอเองก็เป็นคนเข้าไปกอดผู้ชายคนนั้นอีกด้วยสองคนร่ำลากันเหมือนไม่อยากจากกันยังไงอย่างงั้น!
ตอนออกไปในตอนเช้าเธอบอกเขาว่าจะไปหาแม่ แต่กลับปิดบังความจริงกับเขาเพื่อไปเจอผู้ชายคนอื่น! จะให้เขาไม่โมโหได้ยังไง! เขารอเธอทั้งบ่ายจนถึงตอนเย็นเธอเพิ่งจะตากฝนกลับมา
เขาเพิ่งจะอยากดูและเป็นห่วงเธอดีๆ วันนี้กลับพบว่าเธอปิดบังเขามากมายขนาดนี้!
พอเห็นว่าเผยลี่เชินไม่ตอบ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดินขึ้นหน้าสะกดอารมณ์โกรธแล้วถามขึ้น “ ทำไมคุณถึงให้คนสะกดรอยตามฉัน? ”
เผยลี่เชินเองก็เดินขึ้นมาข้างหน้ายื่นมือออกมาบีบคางเธอไว้แน่น “ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอลืมสถานะของตัวเองไปแล้วรึไง? ”
สถานะ ?
ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไป ใจที่เย็นไปกว่าครึ่งก็เย็นชาไปทั้งหมด
ดูเหมือนว่าในสายตาของเผยลี่เชิน ความสัมพันธ์ของเธอกับเขายังคงหยุดอยู่ที่ต่างฝ่ายต่างหาผลประโยชน์ร่วมกัน
หัวใจของเธอเหมือนโดนอะไรสักอย่างบีบเอาไว้ และเหมือนหายใจไม่ออก เธอมองสายตาที่เยือกเย็นของชายตรงหน้า เธอแสยะยิ้มขึ้นมา “ สถานะอะไร? พวกเรามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน? คนรักกับเสี่ยเลี้ยง? ”
อารมณ์ของเผยลี่เชินขาดผึง อารมณ์โกรธที่แทบจะกดเอาไว้ไม่อยู่ก็ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เขาปล่อยเธออย่างรุนแรงก่อนจะกัดฟันพูด “ ออกไปให้พ้น! ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หน้าชาไปเหมือนโดนคนตบหน้าเธอหันหลังแล้วกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว มองแผ่นหลังจากผู้หญิงที่หายออกไปทางประตู เผยลี่เชินก็รู้สึกใจร้อนอยู่ไม่เป็นสุข เขาหันหลังแล้วเดินขึ้นไปบนบ้านอย่างรวดเร็ว ป้าจางที่ยืนอยู่หน้าประตูเห็นภาพเมื่อครู่อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง เธอไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงดีก็วิ่งไปยังหน้าประตูก็เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์วิ่งไปยังลานบ้าน ทั้งร่างกายเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน เธอเลยรีบหาร่มแล้วเดินตามไป
“ รีบกลับมาค่ะคุณไป๋! ตอนนี้ข้างนอกฝนตกหนัก คุณจะไปไหนคะ! ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์วิ่งไปถึงหน้าประตู ข้างหูได้ยินแต่เสียงฝนตก ฝนกระหน่ำลงมาจนเธอลืมตาไม่ขึ้นน้ำฝนและหยดน้ำตากลายเป็นสิ่งเดียวกัน
คำพูดของผู้เป็นแม่ คำพูดของเผยลี่เชิน เหมือนเป็นคำสาปที่รวมเข้าด้วยกันที่วนเวียนอยู่ข้างหูของเธอ ทำให้เธอไม่ได้ยินเสียงอื่นๆ
เปิดประตูเหล็กออก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็วิ่งออกไปแต่เพราะด้านนอกรอบๆตัวมืดไปหมด ฝนตกไปทั่วบริเวณเธอวิ่งออกไปได้ไม่ไกลก็ลื่นล้มลงบนพื้น
ทำไมกัน ในตอนที่เธอไม่สบายใจที่สุดเรื่องไม่ดีทุกๆอย่างทำไมถึงโถมเข้ามาพร้อมกันหมด?
หัวเข่าปวดแสบไปหมด ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยใช้ขาสองข้างกอดเข่าเอาไว้แล้วหดตัวเข้าด้วยกัน ผ่านไปไม่นานเธอก็ได้ยินเสียงที่ดังมาจากไม่ไกล “ คุณเป็นยังไงบ้างคะคุณไป๋? ”
ป้าจางที่มือหนึ่งกางร่ม อีกมือหนึ่งถือร่มอีกคันเดินเข้ามาพยุงตัวเธอให้ลุกขึ้น เห็นว่าเธอไม่เคลื่อนไหวป้าจางก็ตะโกนพูดจนหอบแหบ “ คุณไป๋คะ ด้านนอกฝนตกหนักรีบกลับบ้านกับป้าเถอะค่ะ! ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น เม็ดฝนก็ตกกระทบหน้าบิดปังการมองเห็นของเธอ เสียงของป้าจางเหมือนมีอะไรบางอย่างมาบังไว้ให้เธอได้ยินไม่ชัดเจน
เพียงไม่นานเสียงข้างหูก็ยิ่งไม่ชัดเจน ภาพตรงหน้ามืดไปหมดสุดท้ายเธอก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย
“ คุณผู้ชายคะ คุณรีบไปดูหน่อยเถอะค่ะ คุณไป๋ตัวร้อนไปทั้งตัวหน้าซีดเหมือนกระดาษ…”
ป้าจางยืนอยู่หน้าห้องหนังสือ แล้วพยายามชักจูงอย่างใจเย็น
เผยลี่เชินนั่งอยู่บนโซฟาของห้องหนังสือ ใบหน้าที่หล่อเหลานั่งขมวดคิ้วอย่างเยือกเย็น
ป้าจางเห็นว่าไม่มีคนตอบกลับก็หยุดไปพักหนึ่ง ทำได้แค่ถอนหายใจแล้วก็ค่อยๆเดินออกมา
ไป๋เสว่เอ๋อร์นอนสลบอยู่บนเตียง ป้าจางก็ไม่รู้จะทำยังไงทำได้แค่พยายามป้อนยาให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ รอให้ยาออกฤทธิ์อุณห๓มิร่างกายของไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้ลดต่ำลงป้าจางถึงได้วางใจลงได้
เธอเดินไปถึงหน้าประตูห้องหนังสือ แล้วรายงานสถานการณ์ให้กับเผยลี่เชิน “ คุณผู้ชายคะ เมื่อกี้ป้าป้อนยาให้คุณไป๋แล้ว ตอนนี้ไข้ลดลงแล้ว คุณไม่ต้องเป็นห่วงแล้วนะคะ ”
ยังคงไม่มีเสียงใดๆออกมาจากห้องหนังสือเหมือนเดิม ป้าจางส่ายหน้าแล้วทำได้แค่ถอนออกมา
เผยลี่เชินนั่งอยู่บนโซฟา เปิดเพียงโคมไฟตัวเดียว ไฟในห้องหนังสือสลัวๆในหัวของเขายังคงวนเวียนอยู่ซ้ำๆเดิมๆเกี่ยวกับคำพูดของไป๋เสว่เอ๋อร์
“ คนรักกับเสี่ยงเลี้ยง…”
ถึงแม้ตอนเริ่มต้นพวกเขาต่างก็หาผลประโยชน์ของตัวเอง แต่ว่าตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาไม่เคยจะคิดแบบนั้นเลย เขาบอกให้เธออยู่ข้างกาย เห็นว่าเธอจริงจังกับการทำงานที่บริษัท เขารักเธอ ปกป้องเธอ แต่กลับไม่เคยประเมินค่าเธอต่ำหรือเห็นว่าเธอไม่สำคัญ
เผยลี่เชินแอบเจ็บอยู่ในใจ เหมือนโดนเข็มแทงซ้ำแล้วซ้ำเล่า สุดท้ายเขาลุกขึ้นเปิดประตูห้องออกมาแล้วเดินตรงไปยังห้องนอน
เดินมาถึงประตู เผยลี่เชินชะงักไปและลังเลว่าจะเปิดประตูเข้าไปดีหรือเปล่า
คนที่บอกให้เธอออกไปให้พ้นคือเขาเอง วันนี้ตัวเขาเองก็เป็นคนมาหาเธอ
คนที่ปกติทำอะไรก็เด็ดขาดแต่มาถึงตอนนี้กลับรู้สึกลังเล
เผยลี่เชินกำหมัดแน่น ลังเลพักหนึ่งสุดท้ายก็ดันประตูเข้าไปอย่างเบามือ
ไฟในห้องสลัวๆ มีเพียงไฟตรงประตูที่เปิดอยู่เขาเดินเข้าไปข้างในเห็นร่างเล็กๆของผู้หญิงที่นอนอยู่บนเตียงก็รู้สึกใจสั่นขึ้นมา
ไป๋เสว่เอ๋อร์นอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ใบหน้าที่ซีดขาวทำให้ขนตาของเธอดูชัดไปอีก
เผยลี่เชินยกมือขึ้นมาแล้วยื่นหลังมือไปแตะบนหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิในร่างกายเธอ
ก็ยังคงร้อนนิดหน่อย เผยลีเชินขมวดคิ้วกำลังจะหันไปโทรเรียกหมอก็ได้ยินเสียงเล็กๆของเธอที่เหมือนกำลังฝันอยู่
“ พ่อคะ…”
เผยลี่เชินชะงักไป สายตาลงมองยังไป๋เสว่เอ๋อร์ตัวของเธอสั่นนิดๆเหมือนกำลังฝันร้าย เผยลี่เชินรู้สึกหน่วงๆก่อนจะรีบยื่นมือไปจับมือเล็กๆของเธอไว้ แต่หญิงสาวกลับยิ่งสั่นมากขึ้นไปเรื่อยๆ และส่งเสียงสะอึกสะอื้นออกมาเหมือนกำลังร้องไห้
เผยลี่เชินลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเขย่าร่างของเธอเบาๆ “ ตื่น…ตื่นสิ ไป๋เสว่เอ๋อร์ ”