เล่ห์รักกลกาล – ตอนที่ 304 บีบให้นางกลับมาอยู่ข้างกายข้าดีหรือไม่
พวกเขาแต่ละคนล้วนเป็นชายชาตรี จะทำเช่นนี้ได้อย่างไร
นาทีนี้หลูเซียงฮั่วก็ช่วยสมทบขึ้น “ข้าเห็นด้วย! แม่นางเยี่ยเม่ยทำอะไรมากมายเพื่อป้องกันชายแดนไว้ ขอให้ฝ่าบาทพระราชทานตำแหน่งขุนนางให้แม่นาง ก็สมควรแล้ว!”
ความจริงตอนที่จิ่วหุนช่วยเหลือชายแดนมากมาย คนทั้งหมดต่างคิดขอตำแหน่งขุนนางให้เขาด้วย
ก็เพราะจิ่วหุนเป็นบุรุษ วีรบุรุษเกิดจากคนรุ่นเยาว์ คนเช่นนี้หากทำเพื่อชาติบ้านเมืองได้ย่อมดีเป็นที่สุด แต่ที่คิดไม่ถึงคือ จู่ๆ กลับรู้ว่าจิ่วหุนคือนักฆ่าอันดับหนึ่ง ดังนั้นเรื่องนี้ก็ต้องปล่อยไป
ทว่าก่อนหน้านี้พวกเขากลับไม่เคยคิดขอตำแหน่งขุนนางให้เยี่ยเม่ย
สาเหตุก็คือ นางเป็นอิสตรี
เมื่อเซียวเยว่ชิงเอ่ยเช่นนี้ พวกเขาถึงกับรู้สึกว่าการขอร้องให้ฝ่าบาทพระราชทานตำแหน่งขุนนางให้สตรีนางหนึ่งเป็นเรื่องสมควรกระทำ!
ในที่สุดแม่ทัพทั้งหลายก็เอ่ยปากว่า “แม่ทัพเซียวเอ่ยมีเหตุผล ข้าเห็นด้วย!”
นี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของเยี่ยเม่ย
หากไม่เรียกร้องตำแหน่งขุนนางมา เมื่อศึกครั้งนี้จบลง นางก็ต้องจากไป หาใช่เดินมุ่งสู่เป้าหมายของตนอีก
เพียงแต่นางไม่อาจทำให้คนทั้งหมดรู้สึกว่า นางใช้การจากไปบีบคั้นพวกเขาให้ขอตำแหน่งขุนนาง หากมีความรู้สึกเช่นนี้ ภายหน้านางก็จะทำงานได้ยาก ทั้งยังยากจะได้ใจคนและการยอมรับ
จากนั้นนางมองเหล่าแม่ทัพทั้งหมด ใช้กลยุทธ์ถอยเพื่อรุกเอ่ยว่า “แม่ทัพเซียวคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเป็นสตรีนางหนึ่งจะเป็นขุนนางไปทำไม ชีวิตอิสระเสรี ไม่สบายกว่าหรือ”
ครั้นเยี่ยเม่ยเอ่ย เหล่าแม่ทัพที่เดิมทีไม่พอใจที่สตรีนางหนึ่งขอตำแหน่งขุนนางพลันลนลานแล้ว
อะไรนะ
ขอตำแหน่งขุนนางก็ไม่ได้หรือ นางยังไม่ยอมตกลงอีกหรือ
เซียวเยว่ชิงรีบเสนอ “แม่นางเยี่ยเม่ย ข้ารู้ดี ท่านหาใช่คนที่ฝักใฝ่ในอำนาจ เพียงแต่ตำแหน่งขุนนางนี้ท่านสมควรได้รับ ท่านช่วยให้ชายแดนชนะศึกหลายครั้ง ราชสำนักสมควรมอบรางวัลให้ท่าน ข้าเอ่ยคำพูดเหล่านี้เพียงเพื่อแสดงออกว่า พวกเราต่างมองเห็นสิ่งที่แม่นางเยี่ยเม่ยทำเพื่อชายแดน ซาบซึ้งอยู่ในใจ หวังว่าแม่นางเยี่ยเม่ยจะเห็นแก่ความเคารพเลื่อมใสของพวกเรา ยอมรั้งอยู่ต่อ!”
ต้องบอกว่า เซียวเยว่ชิงเป็นคนมีไหวพริบด้านความรู้สึกดีมาก คำพูดเอ่ยได้อย่างสวยหรูและน่าฟัง
อย่าว่าแต่เยี่ยเม่ยที่ไม่คิดจะจากไปเลย แต่ให้นางเตรียมตัวจากไป ยามนี้เมื่อได้ฟังคำพูดก็เกิดความคิดไม่อยากจากไปแล้ว
ความจริงเหล่าแม่ทัพต่างลนลาน ทุกคนก็รีบเอ่ยสมบทอย่างพร้อมเพรียงว่า “จริงด้วย แม่นางเยี่ยเม่ย ท่านอยู่ต่อเถอะ ทหารทุกคนต่างไม่อยากให้ท่านจากไป ยามนี้ท่านเป็นเสมือนหัวใจหลักของชายแดน หากท่านไปแล้ว ศึกนี้พวกเราจะสู้อย่างไร”
ยามนี้พวกเขาไม่ใส่ใจเรื่องสตรีเป็นขุนนางอะไรพวกนั้นอีกแล้ว พวกเขาเพียงคิดว่า ขอเพียงรั้งเยี่ยเม่ยไว้ได้ เรื่องอื่นไม่ก็สลักสำคัญอีก ยิ่งกว่านั้นแม่นางเยี่ยเม่ยก็เอ่ยแล้วว่า นางหาได้สนใจตำแหน่งขุนนาง…
คิดแล้ว คนทั้งหมดก็พยักหน้ารัวอยู่ในใจอย่างห้ามไม่อยู่ ไม่ว่าอย่างไรต้องขอตำแหน่งขุนนางให้แม่นางเยี่ยเม่ยให้ได้ เมื่อมีตำแหน่งขุนนางพันธนาการนางเอาไว้ ภายหน้านางก็ไม่พูดว่าจากไปได้ตามใจชอบอีก อย่างไรเสียนางก็เป็นสตรีมีความรับผิดชอบผู้หนึ่ง
จริงด้วย!
เมื่อเห็นสีหน้าคนทั้งหมด เยี่ยเม่ยก็เข้าใจแล้วว่าเป้าหมายของตนในวันนี้สำเร็จแล้ว นางมองคนทั้งหมดทีหนึ่ง ระบายลมหายใจออก “พวกเจ้าเอ่ยก็ถูก อย่างไรเสียข้าก็สำคัญถึงเพียงนี้ สำหรับพวกเจ้าเป็นหัวหน้าผู้นำที่ไม่อาจขาดไปได้ พวกเจ้าหว่านล้อมข้าถึงขั้นนี้ หากข้ายังจะจากไปอีก ก็ไม่รู้จักรับน้ำใจกันมากไปแล้ว”
หัวหน้าผู้นำ
คนทั้งหมด “…อืม…ถูกต้อง!” ก็ได้ ความจริงพวกเขารู้สึกว่าความสามารถในการยกยอตัวเองของแม่นางเยี่ยเม่ยไม่ต่ำต้อยเลยทีเดียว
“ถูกแล้ว! ถูกแล้ว!” เซียวเยว่ชิงพยักหน้าติดต่อกันรัวๆ หว่านล้อมว่า “อย่างนั้น แม่นางเยี่ยเม่ยท่านก็อยู่ต่อเถอะ! เมื่อครู่ท่านก็เอ่ยแล้ว ความจริงพวกเราสามารถเป็นฝ่ายชิงโจมตีได้ นั่นก็หมายความว่าในใจท่านเตรียมแผนการไว้แต่เนิ่นๆ ท่านจะทอดทิ้งแผนการได้ลงคอ จากไปทั้งอย่างนี้เชียวหรือ นี่เป็นการทำลายระดับสติปัญญาของท่านมากไปแล้ว!”
เมื่อเขาเอ่ยออกมา เหล่าแม่ทัพจำนวนไม่น้อยก็มอง เซียวเยว่ชิงอย่างอดทนไม่ไหว
ทำไมก่อนหน้านี้พวกเขาไม่รู้สึกเลยว่า เซียวเยว่ชิงถนัดการประจบโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีเช่นนี้
เซียวเยว่ชิงเพียงคิดว่า เยี่ยเม่ยเป็นคนเห็นตัวเองสูงส่ง บางทีน่าจะชอบให้เขาเอ่ยคำพูดพวกนี้ ดังนั้นจึงรีบประจบเอาใจ
“อืม!” เยี่ยเม่ยแสดงออกด้วยท่าทางพอใจ พยักหน้าติดต่อกัน จากนั้นมองเซียวเยว่ชิง “ในเมื่อเจ้าพูดถึงขนาดนี้แล้ว อย่างนั้นข้ายอมอยู่ต่อก็ได้”
“แม่นางเยี่ยเม่ยเฉียบแหลมนัก!”
คนทั้งหมดเกือบคารวะเยี่ยเม่ยเป็นฮ่องเต้แล้ว เห็นแก่ที่นางยินยอมอยู่ต่อ คนทั้งหลายพากันคลายใจ ทั้งรู้สึกว่าเซียวเยว่ชิงประจบประแจงได้งดงามเหลือเกิน
จากนั้น เยี่ยเม่ยเอากระดาษใบหนึ่งออกมา กวาดตามองคนทั้งหมด “ในเมื่อตัดสินใจอยู่ต่อ อย่างนั้นพวกเราก็หารือเรื่องบุกโจมตีกันเถอะ”
“ดี!”
คนทั้งหลายพลันตื่นเต้นขึ้นมา
อารมณ์ตกต่ำเมื่อครู่เปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดี แต่ละคนล้วนรู้สึกว่า ขอเพียงเอาชนะต้ามั่วได้ ให้แม่นางเยี่ยเม่ยดำรงตำแหน่งขุนนางใดๆ กระทั่งเป็นราชินีก็ยังได้
……
ในห้องของเป่ยเฉินเสียเยี่ยน
อวี้เหว่ยนำเรื่องที่ได้ฟังในค่ายทหารวันนี้เล่าให้เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังทั้งหมด
ในเวลานี้ถึงแม้ใบหน้าของเขาจะซีดเซียวเหมือนเดิม แต่ก็กลับคืนสู่ความสง่างามองอาจแล้ว ชุดยาวสีฟ้าตัดสีขาว ในความสูงศักดิ์แฝงไปด้วยกลิ่นอายบัณฑิตหลายส่วน
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังคำของอวี้เหว่ยจบ น้ำเสียงน่าฟังก็เอ่ยว่า “ดังนั้น เป้าหมายของนางก็คือเข้าสู่ราชสำนักแล้ว”
ตอนนี้นางบอกว่าจะถอนหมั้นกับเขา นางพูดว่านางใกล้ชิดเขาก็เพื่ออำนาจทางทหาร เขาคิดมาตลอดว่า นางมีที่มาไม่ชัดเจน แต่กระทำการตามใจอิสระเสรี นางจะเอาอำนาจทางทหารไปทำไม
ดูจากวันนี้แล้ว…
อวี้เหว่ยลอบมองใบหน้าด้านข้างของเจ้านาย เอ่ยอย่างระวังตัว “เตี้ยนเซี่ย ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก่อนหน้าที่แม่นางเยี่ยเม่ยบอกว่าต้องการหลอกใช้ท่านก็เป็นเรื่องจริง!”
เตี้ยนเซี่ยเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง ความจริงเดิมทีเขาไม่เชื่อว่า แม่นางเยี่ยเม่ยหลอกใช้เตี้ยนเซี่ยเพื่ออำนาจทางทหาร
แต่ในยามนี้ นางใช้แผนถอยเพื่อรุก วางแผนให้เหล่าแม่ทัพผลักดันหาตำแหน่งขุนนางให้ นั่นก็เพื่อ…
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนฟังแล้ว สีหน้ายากคาดเดา และไม่อยากเชื่อ
ทว่าอวี้เหว่ยในเวลานี้กลับโมโหขึ้นมาบ้าง กัดฟันแน่น เอ่ยว่า “เตี้ยนเซี่ย หากเป็นเช่นนี้จริง นางก็ทำเกินไปแล้ว! ยามนี้นางคิดเข้าสู่ราชสำนัก ท่านจะไม่ขวางนางหรือ นางเหยียบย่ำท่านเช่นนี้ ก็ไม่สมควรปล่อยให้นางสมใจนึกถึงจะถูก!”
อวี้เหว่ยปกป้องเจ้านายของตัวเองมาก เห็นท่าทางยามบาดเจ็บของเตี้ยนเซี่ย ทั้งยังถูกเยี่ยเม่ยหลอกลวงความรู้สึกก็โมโห
เป่ยเฉินเสียเยี่ยนแค่นเสียงเย็น กลับเอ่ยช้าๆ “ปัญหาที่เจ้าเอ่ย ไม่ใช่ว่าเยี่ยนไม่เคยคิด เพียงแต่ที่เยี่ยนคิดคือ หากเยี่ยนจงใจเป็นศัตรูกับนาง เมื่อนางตระหนักได้ว่า ขอเพียงเยี่ยนลงมือขัดขวางนางทุกอย่าง ทำให้นางกระทำเรื่องได้ยากขึ้น อย่างนั้นจะเป็นการบีบคั้นให้นางกลับมาอยู่ข้างกายข้าได้หรือไม่”