สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 165

ตอนที่ 165

บทที่ 165 ห้องรับรองพิเศษโดยเฉพาะ

รู้สึกได้ถึงลมหายใจของชายหนุ่มที่แฝงไปด้วยความปรารถนาที่จะครอบครองแต่เพียงผู้เดียว ไป๋เสว่เอ่อร์ก็ลมหายใจติดขัดขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ พอเธอแหงนมองขึ้นไป ก็เห็นเส้นโครงหน้าที่ชัดเจนของชายหนุ่ม

เขาโน้มสายตาลงมา ประสานเข้ากับสายตาของเธอพอดี “ตามติดผม อย่าไปไหนซี้ซั้ว”

เข้าออกสถานที่แบบนี้ อยู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นในตอนที่เขาพาไป๋เสว่เอ๋อร์ไปผับในคราวก่อนอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาไม่อยากให้เธอได้รับบาดเจ็บอีกแม้เพียงเล็กน้อยก็ตาม

มองดูท่าทีที่ซีเรียสจริงจังของเผยลี่เชิน มุมริมฝีปากของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยกสูงขึ้นอย่างห้ามไว้ไม่ได้ เป็นเพราะเสียงเพลงดังมาก เธอจึงประชิดเข้าไปที่ข้างหูของเขา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ค่ะ ฉันไม่ไปไหนซี้ซั้ว…”

เป็นเพราะทั้งสองคนกำลังเดินไปข้างหน้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ประชิดเขาใกล้เข้าไปอีก คนที่อยู่รอบข้างเบียดมาเบียดไป พอร่างกายของเธอโอนเอียง ริมฝีปากที่อ่อนนุ่มของเธอก็แนบไปบนแก้มของชายหนุ่มในทันที

ทั้งสองคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ รอจนกระทั่งไป๋เสว่เอ๋อร์มีการตอบสนองกลับมา แก้มของเธอก็ร้อนผ่าวขึ้นอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้ “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้…ฉันไม่ได้ตั้งใจ…”

เมื่อครู่นี้เป็นเพราะเธอถูกคนเบียดเข้านิดหน่อย ถึงไม่ได้ระวังหอมไปที่แก้มของเขาเข้า…

เผยลี่เชินโน้มสายตาลงมา เห็นสีหน้าที่ตื่นตระหนกของหญิงสาว อยู่ๆมุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีเลศนัย

ขอโทษอะไรกัน เขาแทบจะบอกไม่ทันว่าชอบ จะรู้สึกรังเกียจได้ยังไง

เผยลี่เชินยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย ประชิดเข้าไปที่ข้างใบหูของเธอแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “คนเดินผ่านไปผ่านมา อีกสักพักค่อยว่ากัน”

ในขณะที่พูด เขาก็โอบเธอเอาไว้แล้วเดินต่อไปข้างหน้า

แน่นอนว่าไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจความหมายในคำพูดของเขาอย่างชัดเจน ใบหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ ยังดีภายในผับสีสันตระการตา บดบังสีหน้าของเธอเอาไว้ได้

ทั้งสองคนเดินผ่านฟลอร์เต้นรำที่เบียดเสียด มาถึงยังเคาน์เตอร์บาร์ แล้วหามุมนั่งที่สะอาดที่สุด เผยลี่เชินดีดนิ้วหนึ่งที เรียกบาร์เทนเดอร์เข้ามา

“วิสกี้แก้วนึง น้ำส้มแก้วนึง”

บาร์เทนเดอร์อายุยี่สิบต้นๆ กวาดตามองเผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อร์แวบหนึ่งแล้วตอบรับคำ จากนั้นก็รีบไปเตรียมของทันที รอจนกระทั่งเขานำมาเสิร์ฟ เผยลี่เชินก็ได้ล้วงเอาแบงค์ร้อยหลายใบออกมาจากในกระเป๋ากางเกงวางไว้บนโต๊ะ

บาร์เทนเดอร์มองเห็นเงิน ตะลึงไปเล็กน้อย จากนั้นฉีกยิ้มให้กับเผยลี่เชินแล้วเอ่ยขึ้นว่า “เยอะไปแล้วครับ”

เผยลี่เชินเอ่ยปากด้วยเสียงนิ่งๆว่า “ทิป”

บาร์เทนเดอร์ได้ยินดังนั้น รีบยิ้มหน้าบาน กวาดมือออกมา เก็บรับเงินกลับไปในทันที

ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างพอจะเดาความหมายของเผยลี่เชินออก พวกเขารู้เพียงแต่หวางคุนมาเที่ยวที่ผับแห่งนี้บ่อยๆ กลับไม่รู้ห้องรับรองพิเศษที่เป็นของเขาโดยเฉพาะ หากอยากหลอกถามเอาข่าวออกมา ไม่ให้เงินก็คงจะไม่ได้อย่างแน่นอน

เป็นอย่างที่คิดเอาไว้จริง พอบาร์เทนเดอร์คนนั้นว่าง ก็เข้ามา ส่งยิ้มให้กับพวกเขาทั้งสอง “ต้องการต่อแก้วไหมครับ ฟรี”

เผยลี่เชินหัวเราะขึ้นเล็กน้อย “ต่อแก้วไม่ต้อง แต่อยากถามข่าวจากคุณสักหน่อย”

บาร์เทนเดอร์หัวเราะออกมาเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากขึ้นอย่างสนิทสนมว่า “พี่มีเรื่องอะไร พูดออกมาตรงๆเลย ขอเพียงแค่ผมรู้ ผมบอกพี่อย่างแน่นอน!”

คนที่ทำงานที่นี่ล้วนมีประสบการณ์เฟื่องฟูกันทุกคน ดูจากสีหน้าฟังจากน้ำเสียง คำพูดที่น่าฟังยิ่งแค่อ้าปากก็พูดออกมาได้

เผยลี่เชินแกว่งแก้วในมือของเขาเบาๆ “ได้ยินมาว่าพวกคุณที่นี่มีห้องรับรองพิเศษโดยเฉพาะของแขกวีไอพี? ไม่รู้ว่าจองกันยังไง?”

“ห้องรับรองพิเศษโดยเฉพาะของแขกวีไอพีนั้นจัดให้แบบจำกัดจำนวน มีแค่แขกที่ใช้จ่ายในผับของเราครบจำนวนยอดเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์ จำนวนมีจำกัด จองสามเดือนขึ้นไป ขอเพียงแค่จองลงไปแล้ว สามเดือนนี้ห้องรับรองพิเศษนี้ก็จะเป็นสถานที่ของพี่ คนอื่นแม้ให้เงินมากขึ้นไปอีกก็จองไม่ได้แล้ว”

บาร์เทนเดอร์หนุ่มน้อยเห็นเผยลี่เชินสนใจ จึงแนะนำห้องรับรองพิเศษตั้งแต่ต้นจนจบให้รอบหนึ่ง “ห้องรับรองพิเศษมีทั้งหมดยี่สิบห้อง กระจายอยู่ในชั้นสาม เพียงแต่ชั้นสามมีมาตรการป้องกันการเข้าถึง มีเพียงแขกวีไอพีและพนักงานเท่านั้นที่เข้าออกได้”

ฟังเขาพูดรอบนึง เผยลี่เชินก็ถือว่าเข้าใจแล้ว หากพวกเขาอยากพบกับหวางคุน ยังไงก็จำเป็นต้องไปหาเขาที่ห้องรับรองพิเศษโดยเฉพาะที่อยู่ชั้นสามถึงจะได้

สายตาของเผยลี่เชินล้ำลึกขึ้น จ้องไปที่หนุ่มน้อย “พวกเราอยากจะไปดูสักหน่อย สู้คุณพาพวกเราเดินไปสักรอบ? ผมมีค่าตอบแทนให้”

เด็กหนุ่มได้ยินดังนั้นก็ส่ายศีรษะอย่างขออภัยในทันที “ผมพาไปไม่ได้จริงๆครับ มีแค่พนักงานชั้นสามเท่านั้นถึงจะสามารถแสกนบัตรพนักงานเข้าไปได้”

ได้ยินเขาพูดเช่นนี้แล้ว เผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อร์ต่างก็ตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าการควบคุมดูแลภายในผับแห่งหนึ่งจะเข้มงวดขนาดนั้น

พวกเขาลุกขึ้น เดินออกจากเคาน์เตอร์บาร์ ขึ้นไปบนชั้นสอง ชั้นสองเป็นโต๊ะนั่งโซฟา กระจกใสล้อมเป็นวงรอบ สามารถมองเห็นฟลอร์เต้นรำกลางที่อยู่ชั้นหนึ่ง

“ทำยังไงดีคะ? พวกเราไม่มีบัตรพนักงาน เข้าชั้นสามไม่ได้”

ไป๋เสว่เอ๋อร์กวาดตามองไปยังหน้าประตูบันไดที่ต่อไปสู่ขั้นสามแวบหนึ่ง ที่นั่นเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเงียบสงบกว่าทางนี้มาก

หลายคืนที่ผ่านมานี้หวางคุนต่างก็มาที่นี่ เผยลี่เชินก็ได้ยินมาว่าเขามีห้องรับรองพิเศษโดยเฉพาะห้องนึงอยู่ที่นี่ ตอนกลางวันนัดหวางคุนไม่ได้ เขาก็ทำได้เพียงตอนกลางคืนมาหาเขาที่นี่เท่านั้น

ผ่านพ้นพรุ่งนี้ไปอีกวัน ระยะเวลาสามวันก็ถึงกำหนด หากเขายังไม่ให้การตอบกลับอีก หวางคุนจะดำเนินการทางกฎหมายจริงๆแล้ว เผยซื่อได้แต่ยิ่งเสียเปรียบ

เผยลี่เชินเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ฉันโทรหากู้หลี่เหลียง ดูว่าเขามีวิธีการอะไรหรือเปล่า”

ไม่ว่าจะยังไง กู้หลี่เหลียงก็เป็นเจ้าของบาร์โยวหลัน สำหรับวิธีการเหล่านี้ภายในผับแล้ว จะต้องเข้าใจมากกว่าเขาอย่างแน่นอน

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย มองดูเผยลี่เชินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทร เธอเดินไปยังหน้าประตูบันไดที่ต่อไปยังชั้นสามอย่างช้าๆ เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เพิ่งจะขึ้นบันไดมา ก็เห็นบริเวณทางเข้ามีประตูอัตโนมัติบานหนึ่ง มีแค่แสกนบัตรเท่านั้น ประตูถึงจะเปิดออกได้

เธอสำรวจไปที่ประตูอัตโนมัติ กำลังคิดหาวิธี อยู่ๆก็ได้ยินเสียงรองเท้าส้นสูงระลอกหนึ่งดังสะท้อนมาจากทางด้านหลัง ตามมาด้วยเสียงพูดคุยที่แหลมเล็กของผู้หญิงสองคน

“ประธานหลินบอกว่า กำไลหยกนี้เป็นสินค้าระดับไฮเอนด์ที่เขาตั้งใจนำมาให้กับฉันจากพม่าโดยเฉพาะ เป็นหยกธรรมชาติ เธอลองดูความมันเงานี่สิ จะต้องมีมูลค่าไม่น้อยอย่างแน่นอน!”

“เสี่ยวเหม่ย ทำไมฉันรู้สึกว่าประธานหลินไม่ได้สปอร์ตขนาดนั้นล่ะ!เธอก็รู้ ก่อนหน้านี้พวกเรามีพี่น้องคนหนึ่งถูกเขาออฟไป วันวาเลนไทน์ได้รับเพียงแค่แอร์เม็สใบเดียว แถมยังเป็นของปลอมอีกด้วยนะ!”

“จะเป็นไปได้ยังไง ประธานหลินเขารักฉันมาก ไม่มาหลอกฉันหรอก!”

“ฉันเตือนเธอนะ ยังไงก็หาคนตรวจสอบยืนยันสักหน่อย ฉันก็ไม่เข้าใจเรื่องหยก เธอให้ฉันดูฉันก็ดูไม่ออกว่าดีหรือไม่ดี!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้ากลับไป เห็นผู้หญิงที่แต่งตัวค่อนข้างจะเปิดเผยสองคนเดินกำลังมาทางนี้ บทสนทนาที่เธอพูดคำฉันพูดคำของทั้งสองคน จุดสนใจต่างก็อยู่บนกำไลหยกบนข้อมือนั้น

เห็นผู้หญิงทั้งสองคนกำลังเดินผ่านจากทางด้านข้างของเธอ หนึ่งในนั้นล้วงเอาบัตรพนักงานออกมา กำลังจะแสกนบัตรเข้าไป ก็เกิดไหวพริบขึ้นมาในทันที เอ่ยปากเรียกพวกเธอเอาไว้อย่างกะทันหัน

“สวัสดีค่ะ เมื่อครู่นี้ฉันได้ยินพวกคุณกำลังถกเถียงกันเกี่ยวกับเรื่องกำไลหยก ให้ฉันดูหน่อยได้ไหมคะ?”

ผู้หญิงที่สวมใส่ชุดกระโปรงเข้ารูปสีแดงมองสำรวจเธอสักพัก จากนั้นก็เอ่ยปากถามย้อนขึ้นมาว่า “เธอดูออกหรอว่าดีหรือไม่ดี?”

ผู้หญิงอีกคนที่สวมชุดกระโปรงสั้นสีดำมองดูไป๋เสว่เอ๋อร์ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยปากพูดโน้มน้าวขึ้นว่า “เสี่ยวเหม่ย เธอให้เขาลองดูก็ได้ ไม่แน่เขาอาจจะเข้าใจจริงๆก็ได้นะ!”

ผู้หญิงที่ชื่อเสี่ยวเหม่ยมองไป๋เสว่เอ๋อร์แวบนึงอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง จากนั้นก็นำกำไลดึงออกมาจากข้อมือยื่นส่งให้กับเธอ

ก่อนหน้านี้คุณแม่ไป๋มีช่วงนึงที่หลงใหลกำไลหยกมาก ยังพาเธอไปขุดหยกที่พม่า ผ่านอิทธิพลจากการได้เห็นได้ยินอยู่เป็นประจำ เธอจึงมีความเข้าใจที่แน่นอนเกี่ยวกับหยก และสามารถพอดูออกว่าดีหรือไม่ดี

เธอนำกำไลที่อยู่ในมือหมุนวนดูไปดูมาอยู่หนึ่งรอบ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดไฟฉาย สะท้อนกับแหล่งกำเนิดของแสงมองดูสีและมันเงาของหยก ยังไม่ทันได้พูดอะไร อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงดังสะท้อนขึ้นมา “ไป๋เสว่เอ๋อร์”

เธอหันหน้ากลับไป ก็เห็นเผยลี่เชินเดินมาทางนี้ด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

เธอตาลีตาลานขึ้นมาในทันที เพิ่งจะนึกขึ้นมาได้ว่า เมื่อครู่นี้เธอยังไม่ได้บอกกล่าวกับเผยลี่เชิน ก็วิ่งตรงมาทางนี้แล้ว

เผยลี่เชินกวาดตามองไปยังผู้หญิงสองคนที่อยู่ด้านข้าง จากกันก็หันกลับมามองดูไป๋เสว่เอ๋อร์อีก สีหน้าไม่ค่อยจะสู้ดีนัก ยังไม่ทันจะได้เอ่ยปากพูดอะไร อยู่ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยื่นมือออกมา แล้วดึงเขาเอาไว้ในทันที

เธอเพิ่งจะคิดวิธีที่สามารถจะเข้าไปได้ ไม่อาจจะให้เป็นเพราะว่าพอเผยลี่เชินมาก็ทำให้เสียไปฟรีๆ

เธอยิ้มพลางบีบไปที่มือของเผยลี่เชินเล็กน้อย ส่งสายตาไปให้กับเขา แล้วเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ที่รักคะ คุณรอสักครู่นะคะ รอฉันดูกำไลอันนี้เสร็จพวกเราค่อยกลับห้องรับรองพิเศษกัน”

ที่รัก?

เผยลี่เชินอึ้งไปชั่วขณะ มองเห็นสายตาของหญิงสาว ถึงจะเข้าใจได้ เขาพยักหน้าเล็กน้อยด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ได้”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท