บทที่ 163 ชดใช้เงินค่าผิดสัญญา
เผยอี้ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟาถูกเสียงดังสนั่นทำให้ตกใจเสียยกใหญ่ พอเขาหันกลับมา มองเห็นเผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่หน้าประตู สีหน้าก็มืดครึ้มลงในทันที
เขาเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่เย็นชากับสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นว่า “ผมมีธุระ อีกสักพักค่อยโทรหาคุณใหม่”
หลังจากพูดจบ เขาก็วางสายโทรศัพท์ เหลือบตามองมายังเผยลี่เชิน เอ่ยปากขึ้นด้วยริมฝีปากที่เหมือนจะยิ้มแต่กลับไม่ได้ยิ้มว่า “พี่ใหญ่มาหาผมด้วยตัวเองถึงที่นี่ ผมนี่ช่างได้รับความโปรดปรานจนรู้สึกประหลาดใจจริงๆ…”
ประโยคนึงของเขายังพูดไม่ทันจบ เผยลี่เชินก็ก้าวเข้าไปข้างหน้า มือข้างหนึ่งยื่นออกไปจับคอเสื้อของเขาเอาไว้แน่น แล้วกระชากขึ้นมาจากโซฟาในทันที
“เผยอี้ ทางโรงงานยุ่งวุ่นวายขนาดนั้น แกอยู่นี่ยังสามารถตามสบายได้อยู่อีก!”
เผยลี่เชินกำหมัดแน่น ราวกับมีความเป็นไปได้ที่จะต่อยเผยอี้ได้ตลอดเวลา
“โรงงานยุ่งวุ่นวายอะไรกัน!” เผยอี้สะบัดตัวหลุดออกมา ถอยออกไปด้านหลังเล็กน้อย สีหน้าเขียวปั๊ด
เผยลี่เชินจ้องเขาด้วยสีหน้าที่มืดมนและเย็นชา “ดูเหมือนแกยังไม่รู้ บิลของบริษัทเทคโนโลยีหลั่งอี้ วันนี้คือวันส่งมอบสินค้า แกไม่รู้หรือไง?!”
เผยอี้ตกตะลึงไปก่อนเล็กน้อย จากนั้นก็มีการตอบสนองกลับมาอย่างรวดเร็ว เขารีบเดินไปยังหน้าโต๊ะทำงาน เปิดหาบิลของบริษัทเทคโนโลยีหลั่งอี้ออกมาจากในกองเอกสารกองหนึ่ง พอมองเห็นวันที่ในท้ายล่างสุด สีหน้าก็ซีดเผือดขึ้นมาในทันที
เขารีบยกหูโทรศัพท์บนโต๊ะทำงานขึ้น กดหมายเลขโทรศัพท์แล้วโทรออกไป “ฮัลโหล? สินค้าของวันนี้ส่งมอบไม่เสร็จหรอ? เกิดอะไรขึ้น!”
หลังจากการซักถามไปรอบหนึ่ง แน่ใจแล้วว่าสินค้าไม่ได้ส่งมอบภายในวันและเวลาที่กำหนดเอาไว้จริงๆ สีหน้าของเผยอี้ก็แย่ลงมากขึ้นเรื่อยๆ เขายกหูโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งกำลังจะกดเบอร์โทรศัพท์ลงไป
เผยลี่เชินก้าวขาขึ้นไปข้างหน้า กดโทรศัพท์ของเขาเอาไว้อย่างไม่เปิดโอกาสให้แก้ตัวเลยแม้แต่น้อย แล้วเอ่ยถามย้อนกลับด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ตอนนี้แกโทรไปหาประธานหวางอีกจะมีประโยชน์อะไร? ผู้ช่วยของเขาได้โทรมาหาฉันแล้ว!”
เผยอี้ตกตะลึง ถอยไปทางด้านหลังเล็กน้อย ล้มลงไปนั่งบนเก้าอี้ในทันที
ณ ตอนนี้พวกเขาไม่ได้ส่งมอบสินค้าภายในระยะเวลาที่กำหนด ตามข้อตกลงบนร่างสัญญา พวกเขาจะต้องหารือกับทางอีกฝ่ายว่าจะทำการชดเชยแก้ปัญหาอย่างไร หากเจรจาไม่ราบรื่น พวกเขาก็ต้องชดใช้เงินค่าผิดสัญญาจำนวนมหาศาลให้กับฝ่ายตรงข้าม และอะไหล่ที่ทางโรงงานได้ผลิตออกมา ก็ต้องเสียหายไปในมือของพวกเขาเองทั้งหมด
“เผยอี้ ฉันเคยเตือนแกเอาไว้ตั้งนานแล้วว่า แกรับโครงการก็ต้องรับตามกำลังที่ตนเองมี! บิลนี้ ตั้งแต่แรกจนมาถึงสุดท้ายฉันไม่เคยเห็นชอบด้วย เป็นแกเองที่ยืนกรานจะรับให้ได้ ตอนนี้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แกคิดดีๆว่าจะอธิบายกับคุณพ่อยังไงเถอะ!”
เผยลี่เชินทิ้งท้ายประโยคนี้ด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา แล้วหันหลังกลับเดินออกจากห้องอย่างรวดเร็วไปในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามฝีก้าวของเขา ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้เพียงครึ่งประโยค เธอไม่เคยเห็นท่าทีโมโหขนาดนี้ของเผยลี่เชินมาก่อน
เดินตรงมาถึงยังหน้าประตูลิฟท์ เธอถึงรวบรวมความกล้าลองเอ่ยถามขึ้นอย่างหยั่งเชิงว่า “ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีคะ?”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “โครงการนี้เกิดปัญหา ฝ่ายที่ได้รับความเสียหายก็คือเผยซื่อ ผมไม่สนใจไม่ได้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ทางโรงงานส่งมอบสินค้าไม่ทันเราก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ทำได้เพียงไปพบท่านประธานหวางก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะยังพอมีทางหนีทีไล่เหลืออยู่นะคะ”
เผยลี่เชินหันหน้าไปทางเธออย่างเห็นด้วย แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “อื้ม พวกเราไปกันเถอะ”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง พวกเขามาถึงยังโรงแรมที่นัดกันเอาไว้กับท่านประธานหวางแห่งบริษัทเทคโนโลยีหลั่งอี้ จากนั้นเดินตามพนักงานบริการมายังหน้าประตูห้องรับรองพิเศษ พวกเขาเดินเข้าไปด้านใน ก็เห็นหวางคุนนั่งอยู่ในนั้นด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก
“ท่านประธานหวาง ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่งครับที่เป็นเพราะความผิดพลาดของพวกเราได้สร้างความวุ่นวายให้กับท่าน ผมมาที่นี่ก็เพื่อต้องการที่จะเจรจากับท่านถึงวิธีการในการชดเชยให้กับท่าน”
หวางคุนขมวดคิ้วขึ้น “วิธีการในการชดเชย? ประธานเผย คุณน่าจะรู้นะว่า ในตอนแรกเริ่มผมก็เคยพูดเอาไว้แล้วว่า ต้นเดือนนี้ผมจะจัดโปรโมชั่น เวลากระชั้นชิด ไม่อาจเลื่อนออกไปได้!”
เผยลี่เชินเสนอมาตรการแก้ไขปัญหาออกมาอย่างใจเย็นว่า “เรื่องนี้ผมทราบ แต่ว่าตอนนี้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เป็นสิ่งที่เราทั้งสองฝ่ายไม่ได้อยากที่จะเห็น เราทางนี้จะส่งมอบไปก่อนส่วนนึง ที่เหลือผมให้ทางโรงงานเร่งมือ ความเสียหายและค่าชดเชยที่เหลือพวกเราค่อยหารือกันในระยะยาวอีกที”
ในตอนนี้นี่คือความผิดพลาดของเผยซื่อ พวกเขาจำเป็นต้องแสดงความจริงใจออกมา พยายามชดเชยความเสียหายให้ได้มากที่สุด
ทว่าหวางคุนดูเหมือนไม่ยินยอมที่จะรับ “ประธานเผย เดิมทีผมก็ให้เวลากับรองประธานเผยเพิ่มไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้สินค้าก็ยังคงส่งมอบได้ไม่ครบ เสียเวลาในแผนที่ผมได้กำหนดเอาไว้ ขอโทษด้วยนะ ข้อเสนอของพวกคุณ ผมไม่ยอมรับ”
คิ้วของเผยลี่เชินขมวดเข้าหากันแน่น ชะงักไปสองสามวินาที ถึงได้เอ่ยปากถามขึ้นว่า “เช่นนั้นท่านประธานหวางอยากจะแก้ไขปัญหาอย่างไรครับ?”
หวางคุนยื่นมือออกมา ยกแก้วไวน์ที่อยู่ตรงหน้าขึ้นแล้วดื่มจนหมดแก้ว “ในเมื่อเป็นความผิดพลาดของพวกคุณเพียงฝ่ายเดียว พวกเราก็ทำตามในสัญญา การร่วมธุรกิจของพวกเราสิ้นสุดลง เผยซื่อชดใช้เงินค่าผิดสัญญา”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ก็ตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที “ท่านประธานหวางคะ เรื่องที่เกิดขึ้นคราวนี้เป็นความผิดพลาดของพวกเราจริงๆ แต่ไม่ว่าจะอย่างไรพวกเราก็เป็นพันธมิตรทางธุรกิจที่เคยร่วมงานกันมาหลายต่อหลายครั้ง ทำเช่นนี้จะไม่เป็นการไม่เห็นใจกันเกินไปหน่อยหรืออย่างไรคะ?”
หวางคุนได้ฟังเธอพูดขนาดนี้แล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “ในโลกธุรกิจมีความเห็นใจอะไรที่ไหนกัน พวกคุณทำความผิดเอง ไม่รับผิดชอบเองยังจะให้ใครไปรับผิดชอบ?”
เขาพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนในทันที “ภายในสามวันให้การตอบกลับกับผม มิฉะนั้นพวกเราก็เข้าสู่กระบวนการทางกฏหมายเถอะ!”
พูดจบ เขาก็พาผู้ช่วยของตนเองออกจากห้องรับรองพิเศษไปในทันที
เพียงชั่วพริบตา ภายในห้องรับรองพิเศษที่กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ก็เหลือเพียงไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินสองคน บรรยากาศภายในห้องเงียบลงมาอย่างกะทันหัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เหลือบตาขึ้นมอง เห็นสีหน้าของเผยลี่เชินมืดมนและเย็นชาก็อดไม่ได้ที่เอ่ยปากพูดโน้มน้าวออกไปว่า “ประธานเผยคะ ฉันจะลองไปพูดกับประธานหวางอีกที ไม่แน่เขาอาจจะยอมอ่อนข้อ…”
“ไม่ได้หรอก” เผยลี่เชินหันหน้ามามองเธอด้วยสายตาที่เคร่งขรึมและจริงจัง “นี่เขาได้ทำการตัดสินใจแล้ว ความผิดพลาดของพวกเราก็ต้องรับผิดชอบโดยพวกเราเอง”
ในขณะที่พูดเขาก็ลุกยืนขึ้น แล้วเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ไปกันเถอะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำได้เพียงพยักหน้า ลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามฝีก้าวของเขาไป
พวกเขาคนนึงเดินนำหน้าคนนึงเดินอยู่ข้างหลัง เพิ่งจะเดินออกจากประตูใหญ่ห้องรับรองพิเศษ ก็เห็นเงาร่างของคนสองคนที่คุ้นเคยเดินอยู่บนระเบียงทางเดินหันหน้ามาทางนี้มาแต่ไกลๆ
คือเผยอี้กับจินจิงจิง
จินจิงจิงสวมหมวกแก๊ปลิ้นเป็ด สวมแว่นตากันแดดอันใหญ่ ใบหน้าต่างถูกบดบังไปเกือบจะครึ่งค่อนหน้า เธอแต่งหน้าอ่อนๆ เดินชิดข้างกายของเผยอี้ ท่าทีราวกับสาวน้อยคนหนึ่งก็ไม่ปาน
เผยอี้เดินเข้ามา เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ประธานหวางเขาว่ายังไงครับ”
เผยลี่เชินตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ตามข้อตกลงในสัญญา”
เผยอี้ได้ฟังดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นแล้วด่าออกมาประโยคนึงว่า “ไอ้บ้าหวางคุน!คงไม่ใช่อยากจะฟาดเงินค่าผิดสัญญาจากพวกเราหรอกล่ะมั้ง!”
เผยลี่เชินกวาดตามองเขาแวบหนึ่ง ย้อนถามกลับด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “เรื่องที่แกทำผิดเอง ทำไมจะต้องไปโยนให้คนอื่น”
พูดจบ ก็หันและมองไปยังไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่อีกด้าน “พวกเราไปกันเถอะ”
เผยอี้ได้ยินเขาพูดขนาดนี้ ก็โมโหขึ้นมาในทันที เขาก้าวขาไปข้างหน้า เดินตามเขาไปแล้วถามย้อนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เผยลี่เชิน ตามที่พี่พูดเช่นนี้ งั้นเรื่องในคราวนี้จะโทษผมเพียงคนเดียว?”
ฝีเท้าของเผยลี่เชินหยุดชะงักลง จ้องไปยังเขาด้วยสายตาที่ดุดัน “งั้นความหมายของแกก็คือจะโทษฉัน?”
เผยอี้จ้องเขาตาไม่กระพริบ จากนั้นเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หลายวันนั้นที่ผมไม่ได้อยู่ที่บริษัท โครงการที่อยู่ในมือของผมอยู่ที่พี่ทั้งหมด”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเผยอี้พูดเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะโมโหเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมา เดิมทีบิลนี้ก็เป็นบิลที่เขายืนกรานจะรับมาด้วยตัวเองแท้ๆ ฟังความหมายของเขาในตอนนี้ คืออยากจะปัดความรับผิดชอบให้กับเผยลี่เชินอย่างงั้นหรอ?
เธอก้าวขาเข้าไป ในตอนที่กำลังจะแก้ตัวแทนเผยลี่เชินนั้น อยู่ๆก็เห็นเงาคนที่อยู่ด้านข้างคนหนึ่งผ่านมาอย่างรวดเร็ว ชนเข้ากับเธอทีหนึ่งอย่างแรง
เธอรีบประคองกำแพงที่อยู่ด้านข้างเอาไว้ ถึงได้ไม่ล้มลงไป รอกระทั่งเธอมีการตอบสนองกลับมา หันมองไปทางนั้น คิดไม่ถึงว่าจะพบจินจิงจิงโค้งตัวลงกุมไปยังท้องของตัวเอง
จินจิงจิงถลึงตาใส่เธออย่างแรงทีหนึ่ง จากนั้นมองไปทางเผยอี้ที่อยู่ด้านหน้า เรียกชื่อของเขาออกมาอย่างดูไม่ได้รับความเป็นธรรม “เผยอี้…”
เผยอี้ได้ยินเสียง หันหน้ากลับมาเห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน รีบโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดทันที “เกิดอะไรขึ้น?”
จินจิงจิงมองไปยังไป๋เสว่เอ๋อร์แวบนึงอย่างคับแค้นเสียใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม “เขาค่ะ…เมื่อครู่นี้เขาผลักฉัน”