สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 167

ตอนที่ 167

บทที่ 167 คิดจะกอดไปถึงเมื่อไร

ไป๋เสว่เอ๋อร์เกือบจะตกใจจนส่งเสียงร้องออกมา ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ก็รีบกลั้นลมหายใจเอาไว้ทันที ไม่กล้าขยับแม้แต่นิดเดียว

เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ ด้านนอกดังสะท้อนเสียงฝีเท้าขึ้นมาอีกระลอกหนึ่ง จากใกล้ไปจนถึงไกล สุดท้ายก็ห่างออกไปอย่างช้าๆอีกครั้ง

ในขณะที่เผยลี่เชินกำลังคิดจะคลายมือจากไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่นั้น พอก้มศีรษะลง ก็เห็นท่าทีที่ตื่นตระหนกของเธอ ไม่กล้าที่จะขยับเลยแม้แต่น้อย ราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่งที่ได้รับความตกใจกลัวก็ไม่ปาน สองมือของเธอโอบเอวของเขาเอาไว้แน่น ไม่มีทีท่าที่จะคลายมือออก

มุมริมฝีปากของเผยลี่เชินยกสูงขึ้นอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาก้มศีรษะลง ประชิดเข้าใกล้กับเธอ แล้วเอ่ยปากว่า “คิดจะกอดไปถึงเมื่อไร?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เมื่อครู่นี้รวมรวบความสนใจเงี่ยหูฟังเสียงการเคลื่อนไหวที่อยู่ด้านนอก แทบจะลืมไปเสียสนิทเลยว่าตัวเองกำลังกอดเผยลี่เชินอยู่ การตอบสนองของเธอกลับคืนมา ปล่อยเขาออกอย่างแรง แล้วถอยไปข้างหลังโดยจิตใต้สำนึกในทันที

ด้านหลังของเธอทั้งหมดล้วนเป็นของใช้เบ็ดเตล็ดที่กองขึ้นมา พอเท้าของเธอสะดุด ลำตัวก็หงายไปทางด้านหลัง เห็นอยู่ว่ากำลังจะล้มลงบนกองของใช้เบ็ดเตล็ด ทว่าอยู่ๆช่วงเอวก็ถูกรัดแน่น ทั้งตัวของเธอถูกเผยลี่เชินกอดเข้าไปในอ้อมแขนใหม่อีกครั้ง

เผยลี่เชินขมวดคิ้วเล็กน้อย โน้มสายตาจ้องเธอเอาไว้ เอ่ยปากขึ้นเบาๆ ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความตำหนิเล็กน้อย “ขยับซี้ซั้วอะไรกัน กอดฉันอยู่นิ่งๆ ฉันยังสามารถจะกินเธอได้หรือยังไง?”

แก้มทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์แดงระเรื่อ เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “พวกเรา…ออกไปกันเถอะ?”

เผยลี่เชินยื่นมือออกไปกุมมือของเธอเอาไว้แน่น แล้วเปิดประตูห้องเก็บของออกเบาๆ กวาดตามองระเบียงทางเดินที่อยู่ด้านนอกเล็กน้อย เห็นว่าไม่มีคน ถึงได้ดึงเธอออกมา

ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปยังห้องรับรองพิเศษหมายเลขหกอยู่ไกลๆ กำลังคิดที่จะถามเผยลี่เชินว่าคิดจะทำยังไงต่อไป ก็ได้ยินเสียงของเขาดังสะท้อนขึ้นมา

“พวกเรากลับกันก่อน”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามไปอย่างรวดเร็ว ผ่านระเบียงทางเดินที่ทอดยาว แล้วลงบันไดไป

ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว พวกเขาก็ไม่อาจจะไปพบประธานหวางที่ห้องรับรองพิเศษอีก ส่วนเรื่องจะทำยังไงกันแน่ ยังต้องหารือกันระยะยาว

ออกมาจากผับ พวกเขาขึ้นไปบนรถ ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้ถอนหายใจยาวออกมาอย่างโล่งอก

คิดย้อนกลับไปถึงคำพูดเหล่านั้นของฟางหรงเทียนขณะคุยโทรศัพท์ที่พวกเขาได้ยินตอนอยู่ในห้องเก็บของเมื่อสักครู่นี้นั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขาดความมั่นใจ เธอหันไปทางเผยลี่เชินอย่างลังเลเล็กน้อย แล้วเอ่ยถามขึ้นเบาๆว่า “รองประธานฟางเขาคิดจะทำอะไรกันแน่คะ?”

เผยลี่เชินสั่งเจิงหงให้ออกรถด้วยสีหน้าที่เยือกเย็น จากนั้นหันหน้ากลับมาทางเธอ “คุณดูไม่ออกหรอ?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายศีรษะ

“ฟางหรงเทียนกับหวางคุนสองคนนี้มีการร่วมมือกัน เรื่องการส่งมอบสินค้าในคราวนี้ ไม่แน่ก็อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขา”

ประโยคเดียวของเผยลี่เชิน เตือนสติของไป๋เสว่เอ๋อร์ในชั่วพริบตา “หรือว่าเพื่อเงินค่าผิดสัญญา พวกเขาสองคนสมรู้ร่วมคิดกัน?”

“อาจจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ สำหรับฟางหรงเทียนแล้ว เงินคงจะไม่ได้วัตถุประสงค์สุดท้ายของเขา”

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด ยิ่งคิดไม่เข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ เผยซื่อก็เป็นบริษัทใหญ่อันดับต้นๆในเมืองไห่เฉิง เขาเป็นถึงรองประธานของบริษัท ต้องการอำนาจมีอำนาจ เงินเดือนสวัสดิการยิ่งไม่ต้องพูดถึง ทำไมยังจะมีความคิดอย่างอื่นได้อีก?

เผยลี่เชินเอ่ยปากขึ้นอย่างสงบเยือกเย็นว่า “พรุ่งนี้พวกเราให้การตอบกลับแก่ประธานหวาง หากผมเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ พวกเขายังจะต้องพบกันอีก”

“ดังนั้นต่อไปพวกเราคิดจะทำยังไงดีคะ?” ไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปทางชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่จริงจัง

เขาคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปหาเธอ สายตาเปล่งประกายขึ้น “ตรวจสอบหาวัตถุประสงค์ของฟางหรงเทียนออกมา ทำในสิ่งที่พวกเราควรจะทำ”

อยู่ๆเขาก็ยื่นมือออกมา กุมมือของเธอเอาไว้แน่นอย่างเบาๆ “คุณไปด้วยกันกับผม”

ไป๋เสว่เอ๋อร์สบสายตาเข้ากับเขา แล้วพยักหน้าอย่างจริงจัง

รุ่งเช้าวันต่อมา ถึงยังบริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบทำตามความต้องการของเผยลี่เชินโทรศัพท์ไปหาผู้ช่วยของประธานหวางในทันที

“ประธานเผยของเราตัดสินใจแล้วว่า จะทำตามความต้องการของพวกคุณชดใช้เงินค่าผิดสัญญา ฉันมายืนยันยอดจำนวนเงินที่ต้องชำระ ภายในสามวันราชการต่อจากนี้ยอดจะเข้าบัญชีค่ะ”

ผู้ช่วยของประธานหวางพอได้ยินว่าพวกเขาทางนี้ไม่ได้แข็งกร้าวยืดหยัดอีกต่อไป ก็ดูเหมือนจะรู้สึกค่อนข้างประหลาดใจขึ้นมา “งั้น…ครับ ผมจะรายงานกับท่านประธานหวาง อีกสักครู่จะนำยอดจำนวนเงินค่าผิดสัญญาส่งให้กับคุณ”

“โอเคค่ะ”

หลังจากวางสายโทรศัพท์ลงแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นั่งเหม่อลอยอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงาน

ไม่รู้ว่าเรื่องจะเป็นเหมือนที่เผยลี่เชินคาดการณ์เอาไว้หรือเปล่า ดำเนินการไปตามขั้นตอน

ยุ่งอยู่พักใหญ่ๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ลุกขึ้นมา หยิบแก้วไปกดเอาน้ำที่ห้องน้ำชา เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงพูดคุยหัวเราะสนุกสนานดังสะท้อนมาจากด้านใน

“พี่เยว่หรู เสื้อผ้าบนตัวพี่ชุดนี้สวยงามจริงๆ แบรนด์นี้คงจะแพงมากเลยสิคะ”

สวี่เยว่หรูพิงไปบนเคาน์เตอร์น้ำชา ยักคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยออกมาว่า “ก็ไม่เท่าไรนะ ตัวนี้ก็สามหมื่นกว่าเท่านั้นเอง”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ก้าวขาเดินเข้าไปในห้องน้ำชา เห็นเสี่ยวจางผู้ช่วยฝึกหัดกับสวี่เยว่หรูต่างก็ยืนอยู่ที่นั่น

พอเห็นเธอ เสี่ยวจางก็รีบส่งยิ้มเล็กน้อยเป็นการทักทายให้กับเธอในทันที “เลขาไป๋ คุณก็มากดน้ำเหมือนกันหรอคะ?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อยด้วยรอยยิ้ม สายตาเลื่อนไปบนชุดใหม่บนร่างกายของสวี่เยว่หรู ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย แล้วเอ่ยชื่นชมออกมาเบาๆว่า “ชุดนี้คุณสวมแล้วสวยมากเลยค่ะ”

สวี่เยว่หรูได้ยินดังนั้น สายตาก็เลื่อนผ่านไปอย่างไม่แยแสเลยแม้แต่น้อย แม้ต่สีหน้าดีๆยังไม่มีมอบให้กับเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นท่า ทำได้เพียงยิ้มขึ้นเล็กน้อยราวกับหัวเราะเยาะให้กับตนเอง แล้วเดินไปยังเคาน์เตอร์น้ำชาที่อยู่ข้างๆเพื่อชงใบชา

กดน้ำร้อนเต็มๆหนึ่งแก้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้าเตรียมที่จะเดิน อยู่ๆเท้าก็สะดุดเข้า ลำตัวโน้มไปข้างหน้า แก้วที่อยู่ในมือลื่นหลุดออกไป “เพล้ง” หล่นไปบนพื้นในทันที เศษแก้วที่แตกกระจายร่วมไปถึงน้ำร้อนสาดกระเด็นไปทั่วทุกสารทิศ

น้ำที่ร้อนจัดกระเด็นมาบนร่างกายของเธอ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน มองไปยังเศษแก้วที่กระจายอยู่เต็มพื้นอย่างตกใจ ไร้การตอบสนองกลับมาไปชั่วขณะ

เสี่ยวจางที่อยู่ด้านข้างรีบเข้าไปในทันที เอ่ยถามขึ้นอย่างร้อนรนว่า “เลขาไป๋ คุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นก็ส่ายศีรษะ แล้วถอยไปทางด้านหลังเล็กน้อย “ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”

ในขณะที่พูด เธอก็หันกลับไปมองพื้นที่อยู่ด้านหลัง บนพื้นไม่มีอะไรที่เป็นสิ่งขีดขวาง แต่เมื่อครู่นี้ชัดเจนมากว่ามีอะไรมาขัดขาเธอเล็กน้อย หากไม่ใช่ว่าการตอบสนองของเธอรวดเร็ว ถ้าแก้วหล่นร่วงลงไป เธอเองก็ล้มลงไปบนพื้นเช่นเดียวกัน ผลลัพธ์ที่ตามมานั้นไม่กล้าที่จะจินตนาการออกมาได้

เธอหันหน้ากลับไป มองเห็นสวี่เยว่หรูที่อยู่ด้านหลังกำลังมองมาที่เธอด้วยสีหน้าเฉยๆ ใจของเธอก็บีบตัวเข้าหากัน แล้วเอ่ยปากขึ้นอย่างจริงจังว่า “เมื่อครู่นี้ทำไมคุณต้องขัดขาฉัน?”

สวี่เยว่หรูได้ยินได้นั้น ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน “ขัดขาเธอ? ฉันขัดขาเธอเพื่ออะไร?”

เธอกลอกตามองบน พิงตัวไปบนเคาน์เตอร์น้ำชา ยกกาแฟที่อยู่ด้านข้างขึ้นมาดื่มไปคำนึง

ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นเธอไม่ยอมรับ ความโกรธก็พุ่งขึ้นมาในจิตใจทันที “สวี่เยว่หรู คุณรู้ไหมคะว่าการกระทำของคุณเมื่อครู่นี้อันตรายขนาดไหน หากวันนี้ฉันล้มลงไป เกิดเรื่องขึ้นจะทำยังไง?”

ช่วงระยะเวลานี้พวกเธอต่างฝ่ายต่างยุ่งเรื่องงานของตนเอง พบปะกันไม่มาก ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังนึกว่าเธอได้นำความเป็นปรปักษ์กันในก่อนหน้านี้ปล่อยวางลงแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่า เธอยังมีความถือสาที่เก็บเอาไว้ในใจต่อเธออยู่

“ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอกำลังพูดจาเหลวไหลอะไรกัน ฉันยืนอยู่ตรงนี้ตลอดแทบจะไม่ได้ขยับเลยโอเค? ใครเห็นว่าฉันขัดขาเธอ?” สวี่เยว่หรูพูดอย่างมั่นใจ ในขณะที่พูด เธอหันไปทางเสี่ยวจางที่อยู่ด้านข้าง แล้วส่งคำพูดไปให้กับเธอว่า “เสี่ยวจางเธอพูดมา เมื่อครู่นี้เธอเห็นฉันขัดขาเขาแล้วหรอ?”

ในห้องน้ำชาของพนักงานไม่มีกล้องวงจรปิด ขอเพียงแค่เธอจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่ยอมรับ เรื่องนี้ก็ไปไม่ถึงตัวของเธอ ยิ่งไปกว่านั้น เธอแน่ใจเต็มร้อยว่า เสี่ยวจางจะต้องยืนอยู่ข้างเดียวกันกับเธอ

แต่คิดไม่ถึงว่า เสี่ยวจางกลับดูลังเล ผ่านไปเป็นเวลานานก็ยังไม่พูดอะไรออกมาสักประโยค

ทันใดนั้น สวี่เยว่หรูก็ร้อนรนขึ้นมา เธอขมวดคิ้วจ้องไปยังเสี่ยวจาง “เธอพูดสิ เมื่อครู่นี้ฉันไม่ได้ขยับเลยแม้แต่นิดเดียว ใชไหม?”

เสี่ยวจางกัดริมฝีปากของตัวเองเล็กน้อย กวาดตามองไปยังสวี่เยว่หรูแวบหนึ่ง แล้วหันไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์อีกครั้ง จากนั้นเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ฉันเห็นแล้วค่ะ…”

สีหน้ของสวี่เยว่หรูเปลี่ยนไปในทันที “เธอพูดอะไรนะ?”

“พี่เยว่หรู เมื่อครู่นี้อันตรายมากจริงๆ คราวหน้ายังไงก็อย่าทำแบบนี้อีก…”

สวี่เยว่หรูโมโหจนกำหมัดแน่น เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด มองเห็นคราบน้ำที่อยู่บนชุดตนเอง ความโมโหก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น เธอดึงชุดเอาไว้มุมหนึ่ง ถือโอกาสเปลี่ยนหัวข้อเรื่องในทันที “ฉันไม่ได้ขัดขาเธอ!กลับเป็นเธอเสียด้วยซ้ำ ทำชุดใหม่ของฉันสกปรกหมดแล้ว เธอตั้งใจใช่ไหม!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์คิดไม่ถึงว่าเธอจะอันธพาล ไร้เหตุผลขนาดนี้ ไม่เพียงแต่ไม่ยอมรับว่าขัดขาเธอ กลับยังนำชุดๆนึงมาโยนความผิดให้กับเธอ!

เธอฝืนควบคุมความโกรธเอาไว้ กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรออกมา ด้านหน้าประตูห้องน้ำชาก็มีเสียงฝีเท้าดังสะท้อนขึ้น

เสี่ยวจางเห็นเผยลี่เชินที่อยู่ด้านหน้าประตูก่อนเป็นคนแรก ตกใจไปยกใหญ่ เอ่ยปากขึ้นด้วยเสียงที่ติดๆขัดๆว่า “ประ…ประธานเผย”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท