บทที่ 178 เผยความลับ
บรรยากาศภายในห้องพิเศษเงียบสงบ ดูเหมือนฟางหรงเทียนจะคาดไม่ถึงว่าเผยลี่เชินจะพูดถึงเรื่องเขาหมิงเย่ จากนั้นไม่นานเขาก็โต้กลับบ้าง
เขาเยาะเย้ยจ้องมองเผยลี่เชินไม่มีความขลาดกลัวเลยแม้แต่น้อย “ลี่เชิน บางเรื่องหากไม่มีหลักฐานก็ไม่ควรพูดขึ้นมาลอยๆ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ซึ่งอยู่ข้างๆ เห็นเหตุการณ์น่าตื่นเต้นจึงขมวดคิ้ว
ตอนแรกเผยลี่เชินร่วมมือกับเผยอี้เพื่อเปิดโปงฟางหรงเทียนจิ้งจอกเฒ่า จึงให้เผยอี้ไปหาหลักฐานเรื่องที่เขาหมิงเย่ แต่ถึงตอนนี้เขายังไม่กลับมา
เธอก้มศีรษะเห็นโทรศัพท์มือถือในมือขวาของเธอ และยื่นตรงไปที่ฟางหรงเทียน
เมื่อเธอเงยหน้าก็ได้ยินเสียงเผยลี่เชินที่อยู่ข้างๆ เธอ
เขาพูดด้วยเสียงปกติธรรมดา “เมื่อสักครู่ผมยังไม่ได้อธิบายให้ชัดเจนเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นบนเขาหมิงเย่ หากเป็นคนทั่วไปก็คงถามว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น แต่ลุงหรงเทียนดูเหมือนลุงจะเข้าใจชัดเจนในสิ่งที่ผมพูด จริงไหม?”
ฟางหรงเทียนเผยความลับโดยไม่รู้ตัว วันนี้แม้ไม่มีหลักฐานยืนยันแต่จากคำพูดเมื่อสักครู่ของเขา เขาก็คือคนที่น่าสงสัยที่สุด
ดวงตาฟางหรงเทียนดูหวั่นไหว แต่ท่าทางยังคงแข็งกร้าว ไม่ยอมรับ “ลุงไม่มีเวลามานั่งเล่นปริศนาคำทายด้วยนะ เธอต้องการใส่ความจะพูดอย่างไรก็ได้ ลุงทำงานให้เผยซื่อมาสิบกว่าปี เธอกลัวลุงมาตั้งแต่เป็นคนนอก ดังนั้นคิดให้ลุงถอนตัวเพียงแค่บอกก็พอ”
พูดไปพูดมา เขาคือจอมวางแผนผู้อยู่เบื้องหลัง สามารถพูดให้ตัวเองเหมือนเป็นเหยื่อได้ ช่างเก่งกาจจริง
อานโหลวเงียบสงบกว่าปกติ นั่นหน้าซีดอยู่มุมห้อง สงบปากสงบคำ
เห็นฟางหรงเทียนไม่ยอมรับ เรื่องก็ยังไม่จบง่าย ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงใช้ไหวพริบโดยพิจารณาจากมุมมองอื่น
เธอกวาดตามองอานโหลว พูดเบาๆ “เลขาอาน คุณก็เห็นสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ลองคิดให้ดีๆ นะ ว่าควรทำอย่างไร ควรทำอย่างไร”
ไม่ต้องสงสัยเลยว่า อานโหลวเป็นเลขาทำงานอยู่กับฟางหรงเทียนมาหลายปี เรื่องต่างๆ ที่เขาทำ เธอย่อมรู้ดี ถ้าเธอเป็นพยานชี้ตัวคนผิดฟางหรงเทียน เรื่องปัญหาต่างๆ ก็คงจะง่ายขึ้น
อานโหลวลังเล เธอหายใจเข้าลึกๆ แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง มองฟางหรงเทียนแล้วส่ายหัว “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น…..”
คาดไม่ถึงว่านี่จะเป็นความจงรักภักดี….
ตอนนี้ฟางหรงเทียนหัวเราะออกมา “ลี่เชินในเมื่อคิดจะเล่นงานลุง ก็ไปหาหลักฐานที่น่าเชื่อถือ รวมถึงเรื่องเขาหมิงเย่ อย่าได้มาปักบำกันแบบนี้”
ทันใดนั้นมีเสียงดังมาจากประตูห้อง “ใครว่าไม่มีหลักฐาน” ดึงดูดความสนใจจากคนในห้อง ทุกคนมองไปรอบๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์หันไปมอง เห็นเผยอี้ยืนอยู่ที่ประตู
เขาเดินเข้ามาพร้อมบอดี้การ์ดด้านหลัง ที่ทั้งดึงและฉุดชายผู้ซึ่งถูกมัดที่ข้อมือด้วยเชือกทั้งสองข้าง ชายคนนั้นผอมผิวดำ ดวงตาเล็กเท่าเม็ดถั่ว กวาดตามองทุกคนที่อยู่ในห้อง
เมื่อเขามองเห็นฟางหรงเทียน จากดวงตาที่หวาดกลัวกลายเป็นมีความหวัง เขาพูดขึ้น “ประธานฟาง! ประธานฟางคุณก็อยู่ที่นี่ ช่วยผมด้วย!”
เขาเรียกแบบนี้ ผลลัพธ์ทั้งหมดก็เห็นได้ชัดเจน
ฟางหรงเทียนไม่แม้แต่จะมอง ทำเหมือนไม่เคยเห็นหน้าชายคนนี้ แต่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เผยอี้ก้าวขึ้นมามองเผยลี่เชินพูดเสียงลดต่ำ “ฉันต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อจับมันมา”
เผยลี่เชินเข้าใจว่านี่คือคำอธิบายว่าทำไมถึงมาช้า เขาพูดแบบเรียบๆ “อืมไ
หลังจากเกิดเรื่องที่เขาหมิงเย่ ในช่วงที่เผยลี่เชินรักษาตัว เขาก็ให้คนไปสืบเรื่องนี้ แต่เหตุการณ์จบไปแล้ว ผู้คนก็สลายหายไปหมด ให้พวกเขาไปสืบหาก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร ตอนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ไฟดับที่โรงแรมในคืนนั้น จากกล้องวงจรปิด เขาพบว่าหลังจากมีคนมาเคาะประตูที่ห้องไป๋เสว่เอ๋อร์ ไฟก็สวางขึ้น มีคนที่อยู่ชั้นเดียวตรงทางเดินมีพฤติกรรมน่าสงสัย
ดังนั้นเขาจึงให้ลูกน้องตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด ในที่สุดก็พบว่าชายคนนั้นพบปะพูดคุยกับฟางหรงเทียน เขาจึงทำให้ฟางหรงเทียนกลายเป็นผู้ต้องสงสัย แต่เป็นเพียงการคาดเดา รอจนเขากลับบริษัทมีงานยุ่งจนไม่มีเวลาได้สืบต่อ
ต่อมาฟางหรงเทียนเปิดเผยหางจิ้งจอกก็จากออเดอร์ของบริษัทหลั่งอี้ เผยลี่เชินยิ่งสงสัยเขามากขึ้น จึงพิพากษาแล้วว่าเขามีปัญหา ดังนั้นเขาจึงใช้โอกาสนี้ร่วมมือกับเผยอี้ ให้เขาไปหาหลักฐานเรื่องเขาหมิงเย่
ขอเพียงมีหลักฐานครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องบริษัท เรื่องส่วนตัว พวกเขาก็สามารถทำให้ฟางหรงเทียนจนมุม คิดจะออกก็ออกไม่ได้
เผยอี้เดินมาข้างหน้า ยกเท้ากระทืบที่ขาของชายคนนั้น จนขางอเกือบล้มลงกับพื้น
เขาพูดด้วยเสียงสั่ง พูดเหมือนกับที่พูดกับฉันบนรถ เร็วเข้า!”
สายตาของชายคนนั้นหวาดกลัว เขาหายใจเข้าลึกๆ มองไป๋เสว่เอ๋อร์และเผยลี่เชินด้วยความรู้สึกผิด แล้วมองฟางหรงเทียนพูดเสียงเบาๆ “ฉันเป็นพนักงานในลานจอดรถของบริษัทจุดชมวิวบนเขาหมิงเย่ ประธานฟางมาหาฉัน พูดว่าขอเพียงฉันทำงานสำเร็จ เขาจะให้ฉันห้าหมื่นหยวน ฉันจึงรีบรับปาก….”
“พูดจาเหลวไหล” ฟางหรงเทียนรีบพูดตัดบท สายตาทั้งสองข้างจับจ้องที่ชายคนนั้น “ฉันไปเจอแกตั้งแต่เมื่อไร?”
“ก็ตอนงานการกุศลยังไงเล่า ก่อนถึงช่วงปีเขาคุณให้ผมไปเคาะประตูห้องเพื่อสร้างความตื่นตระหนก…วันที่สองคุณให้ผมแสร้งทำเป็นผู้เข้าร่วมแข่งขัน แล้วก็…..”
เขามองเผยลี่เชินและไป๋เสว่เอ๋อร์ แล้วพูดต่อ “แบ่งพวกเขาเป็นกลุ่มใหญ่…..แอบขโมยกระเป๋าเป้ของพวกเขา แล้วตอนปีนเขาให้เปลี่ยนสัญลักษณ์ของธงเพื่อนำพวกเขาไปผิดทาง”
แน่นอนทุกอย่างนี้เป็นฟางหรงเทียนที่ให้คนอื่นไปทำอย่างลับๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์จ้องมองชายคนนั้น รู้สึกเหมือนจะคุ้นๆ ชายคนนี้ วันที่ปีนเขาจากห้ากลุ่มรวมเป็นกลุ่มใหญ่ พวกเขาไม่รู้จักกัน จึงไม่ได้สนใจกันและกัน….
คาดไม่ถึง ฟางหรงเทียนจะอาศัยช่วงเวลานั้นลงมือ ทำให้พวกเขาต้องค้างคืนบนเขา ผลที่ตามมาจึงหายนะ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “รองประธานฟาง คุณช่างเลวร้ายเหลือเกิน”
ฟางหรงเทียนเงยหน้ามองไป๋เสว่เอ๋อร์หลังจากได้ยินคำพูดของเธอด้วยสายตาเสียดสี “เลวร้าย?” ฉันทำงานเป็นลูกน้องเผยชิงหยุนมาหลายปี ต้องเผชิญกับความตายมานับครั้งไม่ถ้วน อยู่กับเขาในยามมีภัย ต่อมาเขาก็บอกว่าตัวเองแก่แล้ว ให้ฉันมาคอยติดตามรับใช้เผยลี่เชินแทน มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องมาคอยสนับสนุนเขา นอกเสียจากยกเผยซื่อทั้งหมดให้ฉัน ฉันก็คงไม่คิดคนทรยศ อีกทั้งเขาก็ยังกลัวฉัน แม้แต่ความไว้ใจก็ยังไม่มี มันเท่ากับทำลายความภักดีของฉันที่มีต่อเขามาหลายสิบปี ตอนนี้มีเหตุผลอะไรที่ฉันต้องให้เขาอยู่ดีมีสุข ให้ลูกชายของเขาอยู่อย่างสุขสบาย
ในที่สุดฟางหรงเทียนยอมรับในธาตุแท้ของตัวเองจนได้
เขาตะโกนคำพูดเหล่านี้ด้วยดวงตาแดงก่ำ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึงจนทำให้โทรศัพท์มือถือที่กำลังบันทึกเสียงอยู่ในมือเกิดส่ายไปมา โดยไม่รู้ตัว
เหตุผลที่เขาพูดออกมา ทำให้เธอประหลาดใจ
ทันใดนั้นเผยลี่เชินเดินมาข้างหน้าทำให้ใจสงบ “เพราะพ่อผมไม่ไว้ในตัวคุณลุงมากพอ ลุงจึงใช้วิธียักยอกเงิน ทำลายเผยซื่อ รวมถึงชีวิตของผมด้วยใช่ไหม?”