ตอนที่ 202 กาน้ำชาดินเผาแตกเสียแล้ว
ในตอนนั้นเองที่จู่ๆ คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ถามเผยลี่เชินขึ้นมาว่า “ประธานเผยครับ เมื่องานเลี้ยงวันเกิดของท่านประธานครั้งก่อน คุณมอบภาพวาดชื่อดังเป็นของขวัญให้กับท่านประธาน ไม่รู้ว่าปีนี้คุณจะมอบของขวัญหายากชิ้นไหนให้อีก ไม่ลองเปิดให้พวกเราได้มีโอกาสชมสักหน่อยเหรอครับ”
ทั้งตระกูลเผยและตระกุลเหอนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ของขวัญที่พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างหามามอบให้กันนั้น ล้วนเป็นของที่พวกเขาต่างหามาด้วยความจริงใจทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น เมื่อสองปีก่อน เผยลี่เชินมอบแหวนนิ้วแม่มือหนึ่งวงที่ทำจากหยกเหอเทียนให้กับเหอหลิงเฟิง เมื่อปีก่อนนั้น เขาได้มอบภาพเขียนชื่อดังในสมัยราชวงศ์ถัง ของขวัญทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นของที่มีความพิเศษอย่างมาก และยากที่จะเลียนแบบได้
เมื่อมีคนถามขึ้นมาถึงเรื่องของขวัญ ก็ยิ่งกระตุ้นให้คนอื่นอยากรู้ด้วยเพิ่มมากขึ้น เกิดเป็นเสียงอื้ออึงตอบรับดังขึ้นมาในทันที พวกเขาทั้งหมดนั้นต่างขอให้เผยลี่เชินเปิดของขวัญที่เขานำมานั้นให้ดู
เผยลี่เชินหันไปมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับถามอย่างสุภาพว่า “กล่องของขวัญล่ะ”
เมื่อครู่นี้ตอนที่เหอหย่าหานขอให้เธอส่งของขวัญไปให้นั้น หญิงสาวไม่ได้คิดอะไรมากมาย เธอจึงส่งไปให้เหอหย่าหานในทันที ตอนนี้เธอจึงกวาดสายตามองไปรอบๆ เพื่อมองหาเงาของเหอหย่าหาน แต่แล้วเธอกลับเห็นเหอหย่าหานไปยืนอยู่ที่ด้านหลังของเหอหลิงเฟิงเสียแล้ว พร้อมกับพูดคุยอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งอย่างสนุกสนาน และไม่เห็นเงาของกล่องของขวัญเลย
ขณะที่เธอกำลังจะถามเหอหย่าหานนั้น เธอก็หันมาและมองเห็นกล่องของขวัญที่ดูคุ้นตาใบหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะที่ตั้งอยู่ข้างๆ เธอ เธอรู้สึกโล่งใจครู่หนึ่ง เธอเดินตัดผ่านผู้คน พร้อมกับถือประคองกล่องของขวัญนั้นอย่างระมัดระวังและเดินกลับมาที่เดิม
สายตาของผู้ที่เฝ้าชมนั้นต่างมองไปที่กล่องของขวัญที่อยู่ในมือทั้งสองข้างของเธอไปโดยปริยาย
เมื่อเหอหลิงเฟิงมองเห็นกล่องของขวัญขนาดกลางใบนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกสนใจขึ้นมาในทันที เขาพลางยิ้มและถามเผยลี่เชินว่า “มันคืออะไรเหรอ”
เผยลี่เชินตอบอย่างสุภาพกลับไปว่า “มันคือกาน้ำชาดินเผารูปเต่าดำจากเมืองอี๋ซิงที่ได้อาจารย์หยูปั้นให้กับมือครับ”
เมื่อเขาพูดจบนั้น ก็มีเสียงฮือฮาดังขึ้นจากกลุ่มฝูงชนในทันที ทุกคนต่างก็รู้ดีว่ากาน้ำชาดินเผาของอาจารย์หยูแห่งเมืองอี๋ซิงนั้นเป็นของที่หายากมาก งานฝีมือของเขานั้นมีราคาตลาดที่สูงอย่างมาก ทำให้คุณค่าของกาน้ำชาดินเผาที่ปั้นด้วยมือของอาจารย์นั้นยิ่งมีค่าสูงขึ้นไปอีก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ประคองกล่องของขวัญใบนั้น พร้อมกับก้าวไปยังข้างหน้า และมอบกล่องของขวัญใบนั้นให้กับเหอหลิงเฟิงด้วยตัวเอง
สายตาของเหอหลิงเฟิงนั้นเปล่งประกายและเต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาค่อยๆ ยกมือขึ้น และยกฝากล่องของขวัญเปิดขึ้นอย่างเบามือ
สายตาของฝูงชนต่างจดจ่อไปที่บริเวณมือของเขา ทว่าครู่หนึ่ง เสียงที่เคยฮือฮาของฝูงขนก็เงียบลงไปมากทีเดียว
เมื่อเหอหลิงเฟิงเปิดฝากล่องของขวัญขึ้น และมองไปยังของที่อยู่ภายในกล่องใบนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นในทันที สีหน้าของเขานั้นดูไม่ได้เอาเสียเลยอยู่ครู่หนึ่ง
ทันใดนั้น สีหน้าของผู้คนที่ล้อมอยู่โดยรอบก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา บรรยากาศกลับเย็นยะเยือกในทันที
เมื่อเผยลี่เชินสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เขาก็เอ่ยปากถามว่า “คุณลุงเหอครับ มีอะไรเหรอครับ”
ชายหนุ่มไม่รอให้เหอหลิงเฟิงตอบ เขาก็เดินไปข้างหน้า พร้อมกับดูสิ่งที่อยู่ภายในกล่องของขวัญ
จากกาน้ำชาดินเผาที่ถูกปั้นอย่างประณีตสวยงาม กลับกลายเป็นเศษกระเบื้องดินเผาหนึ่งกอง ที่กำลังล้มระเนระนาดอยู่บนผ้าไหมสีทอง แม้แต่ฝาปิดกาน้ำชานั้นก็ยังเสียหายแตกไม่เป็นชิ้นดี
สีหน้าของเผยลี่เชินเครียดขึ้นมาในทันที เขาขมวดคิ้ว
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว คนที่ยืนอยู่แถวนั้นก็ยิ่งสงสัยมากขึ้นไปอีก เขารวบรวมความกล้าและถามออกไปว่า “คุณเหอครับ เกิดอะไรขึ้นเหรอครับ”
เมื่อคนที่อยู่ใกล้ๆ เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในกล่องของขวัญแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะอุทานเสียงดังออกมาว่า “กาน้ำชาแตก!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงของผู้คนดังแทรกบรรยากาศที่เงียบสนิทขึ้นมา กลายเป็นเสียงซุบซิบดังระงมไปทั่วทุกที่
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกตกใจ เธอชะโงกหน้าเข้าไปดู และเมื่อเธอมองเห็นกาน้ำชาดินเผาที่แตกละเอียดอยู่ภายในกล่องของขวัญ เธอก็ตะลึงแน่นิ่งไป
เกิดอะไรขึ้นน่ะ! กาน้ำชาจะแตกได้อย่างไรกัน!
สีหน้าของเหอหลิงเฟิงรู้สึกหดหู่อย่างมาก ริมฝีปากของเขาสั่นเทาด้วยความโกรธ ทว่าเขากลับพูดอะไรไม่ออก เมื่อเหอหย่าหานที่ยืนอยู่ข้างๆ ก้าวไปข้างหน้า พร้อมกับมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกล่องของขวัญเข้า เธอก็ขมวดคิ้ว พร้อมกับเงยหน้าและถามไป๋เสว่เอ๋อร์ว่า “คุณไป๋คะ เกิดอะไรขึ้นคะ กล่องของขวัญใบนี้ คุณเป็นคนคอยดูแลตลอดเลยไม่ใช่เหรอคะ ทำไมมันถึงแตกได้ล่ะ”
ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์
ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกบีบแน่น เธอไม่อาจพูดสิ่งใดออกมาได้ชั่วครู่หนึ่ง
ถูกต้อง หลังจากที่เจิงหงส่งมอบกล่องของขวัญใบนั้นให้กับเธอ เธอก็ถือกล่องใบนั้นอย่างระมัดระวังเสมอ จนกระทั่ง… เหอหย่าหานนำกล่องของขวัญใบนั้นไปจากมือของเธอและเดินหายไป และเมื่อเธอมาเห็นกล่องของขวัญใบนั้นบนโต๊ะที่อยู่ข้างตัวเข้าในภายหลัง เธอจึงถือกล่องใบนั้นมามอบให้
เธอมั่นใจมากว่าตอนที่กาน้ำชาดินเผานี้อยู่ในมือของเธอนั้น ไม่มีทางที่จะเสียหายได้แน่นอน แต่ทว่าก็ไม่อาจจะรับประกันได้ว่าหลังจากที่เธอส่งกาน้ำชาใบนี้ไปให้เหอหย่าหานแล้วนั้น…
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ตั้งสติขึ้นมาได้แล้ว เธอก็มองดูเหอหย่าหานด้วยความสงสัย ขณะที่เธอกำลังจะเอ่ยปากถาม ทันใดนั้น เธอก็รู้สึกได้ว่าสายตาของบรรดาคนที่ยืนอยู่รอบตัวเธอนั้นดูผิดแผกไป
ครู่ต่อมา เธอก็เข้าใจทั้งหมดในทันที
บรรดาฝูงชนต่างแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างกันออกมา “เอาเศษกาน้ำชาที่แตกแล้วมาให้เป็นของขวัญ ไม่รู้ว่านี่ตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่!”
“ใครจะรู้ล่ะ! มันอาจจะเป็นเรื่องผิดพลาดก็ได้!”
“อวยพรอะไรกัน! นี่มันแช่งกันชัดๆ เลย! ได้กาน้ำชาที่แตกแล้วเป็นของขวัญในวันเกิดพอดี โชคร้ายชะมัด!”
“……”
เสียงวิจารณ์ที่ไม่น่าฟังของบรรดาผู้คนต่างดังก้องอยู่ภายในหูของไป๋เสว่เอ๋อร์ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น และรับรู้ได้ถึงสายตาที่เหอหลิงเฟิงมองมาที่เธอพอดี ช่วยไม่ได้ที่เธอจะรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาในทันที “ขอ… ขอโทษด้วยค่ะ คุณลุงเหอ”
ทันใดนั้น มือขนาดใหญ่ก็เอื้อมมากุมมือที่กำลังสั่นเทาเล็กน้อยของเธอเอาไว้แน่นในทันที เสียงอันทุ้มเข้มและทรงพลังของชายหนุ่มก็ดังขึ้นมาที่ข้างกายของหญิงสาว “คุณลุงเหอครับ ผมต้องขอโทษด้วยจริงๆ อาจเป็นไปได้ว่ากาน้ำชาแตกตั้งแต่ระหว่างทางที่พวกเราเดินทางมายังที่นี่แล้วครับ ผมจะไปหากาน้ำชาที่ดีกว่านี้มาส่งมอบให้คุณลุงวันหลังแน่นอนครับ”
สีหน้าของเหอหลิงเฟิงยังคงดูไม่ดีเล็กน้อย แต่ทว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าสาธารณชนมากมายเช่นนี้ ยากที่จะพูดอะไรออกมาได้ เขาจึงทำได้แค่โบกมือ และพูดด้วยเสียงเข้ม “ช่างมันเถอะ”
เมื่อคนรอบข้างเห็นว่าเจ้าของวันเกิดไม่ต้องการให้ซักถามและไม่ต้องการพูดอะไรอีกต่อไป แต่เมื่อเรื่องสงบลงได้ไม่นาน เรื่องที่เผยลี่เชินมอบกาน้ำชาที่แตกแล้วให้กับเหอหลิงเฟิงนั้น ก็ก็กระจายไปทั่วงานเลี้ยงเรียบร้อยแล้ว และยังมีการซุบซิบนินทาเพิ่มเติมไปอีกว่าจริงๆ แล้วไป๋เสว่เอ๋อร์ต่างหากที่เป็นคนทำกาน้ำชาแตก และเผยลี่เชินก็ออกหน้ารับแทน และแก้ต่างว่ามันแตกตั้งแต่ตอนที่กำลังเดินทางมาที่นี่แล้ว
ขณะที่ผู้คนต่างพากันผลัดไปอวยพรวันเกิดเหอหลิงเฟิง เผยลี่เชินก็พาไป๋เสว่เอ๋อร์เดินออกมาจากฝูงชน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกผิดภายในใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอเดินออกมาจากกลุ่มฝูงชนแล้ว จมูกของเธอก็รู้สึกแน่นขึ้นมาทันที และพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้
ขณะที่เธอเดินตามเผยลี่เชินไปที่โซฟาที่ตั้งอยู่ข้างๆ เธอก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาว่า “ขอโทษค่ะ…”
ตอนที่เธอรับกล่องของขวัญมาจากมือของเจิงหงนั้น เธอก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลกล่องของขวัญใบนั้นให้ดีที่สุด เธอคิดว่าต้องเป็นฝีมือของเหอหย่าหานแน่นอน และยังกล่าวหาเธอว่าเป็นคนส่งมอบของขวัญนั้นให้กับผู้อื่นโดยที่ไม่ระมัดระวัง
แต่ท้ายที่สุดแล้ว มันก็เป็นความรับผิดชอบของเธออยู่ดี
เมื่อเผยลี่เชินได้ยินคำพูดของเธอ เขาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง เขาพาเธอไปนั่งลงที่โซฟา พร้อมกับนำกล่องของขวัญที่อยู่ในมือของเธอออกมาเปิดตรวจสอบดูให้แน่ชัด
การที่มันแตกลักษณะนี้ เห็นได้ชัดว่าไม่ได้แตกระหว่างทางแน่นอน
“ผมไม่โทษคุณหรอก ไม่ต้องโทษตัวเองนะ” เผยลี่เชินพูดปลอบอย่างสุภาพ เขามองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสีหน้าที่จริงจัง “การที่มันแตกในลักษณะนี้ ต้องมีคนเจตนาทำให้มันแตกแน่นอน ถ้าเกิดมีคนคิดที่จะทำร้ายคุณแล้วล่ะก็ ไม่ว่าอย่างไรก็คงยากที่จะช่วยได้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็ถามกลับไปว่า “คุณรู้ไหมว่าเป็นใคร”
เผยลี่เชินเบาเสียงถามเธอ “นอกจากคุณที่ได้แตะกล่องของขวัญแล้ว มีคนอื่นอีกไหมครับ”
ครู่หนึ่งนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นิ่งเงียบไปพักใหญ่
นึกไม่ถึงว่าเหอหย่าหานจะเกลียดเธออย่างเห็นได้ชัดมากถึงขนาดนี้ แถมยังตั้งใจทำของขวัญที่เผยลี่เชินจะมอบให้กับคุณพ่อของเธอเองในงานวันเกิดแตกละเอียดไม่มีชิ้นดี และยังตั้งใจจัดฉากใส่ร้ายไป๋เสว่เอ๋อร์อีก
ขณะที่เธอกำลังอยู่ในภวังค์นั้น หลังมือของเธอก็รู้สึกอุ่นขึ้นมา มือของหนึ่งของเธอกลับถูกมือขนาดใหญ่ของเผยลี่เชินกุมเอาไว้แน่นเสียแล้ว
เผยลี่เชินมองดูหญิงสาวด้วยสีหน้าที่แสนจริงใจ “แค่ผมหาวันส่งมอบของขวัญให้คุณลุงเหออีกทีก็ไม่เป็นไรแล้วล่ะ คุณไม่ต้องคิดมากหรอก”
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมา เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่โทษเธอเลยสักนิดเดียว เธอวางมืออีกข้างหนึ่งของเธอลงบนมือของชายหนุ่ม พร้อมกับกุมเอาไว้อย่างแนบแน่น เธอพูดอย่างเบาๆ ว่า “ฉันทำให้คุณต้องลำบากอีกแล้ว…”
เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดแน่นในทันที ดวงตาของเขาจริงจังขึ้นเล็กน้อย เขามองเธอและถามเธอว่า “คุณพูดอะไรน่ะ”
ทันทีที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบกลับชายหนุ่มมาเช่นนั้น เผยลี่เชินไม่ชอบเวลาที่เธอพูดแบบนี้ เขาจึงรีบเปลี่ยนบรรยากาศ “ไม่เป็นไร”
เมื่อเห็นว่าเธอเป็นแบบนี้ เผยลี่เชินที่เคยมีสีหน้าที่นิ่งเรียบกลับเปลี่ยนเป็นอบอุ่นขึ้นมาในทันที
ในตอนนั้นเอง เผยลี่เชินเงยหน้าขึ้น และมองเห็นภาพเงาของคนที่คุ้นเคยคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก
ภาพเงานั้นคือเผยอี้นั่นเอง เขาเพิ่งอวยพรให้เหอหลิงเฟิงเสร็จ และกำลังพาจินจิงจิงเดินไปที่อีกฟากของห้อง
เผยลี่เชินเองก็มองไปตามสายตาของเผยลี่เชิน และเห็นพวกเขาเข้า
สีหน้าของเผยลี่เชินจริงจังขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับแนะนำหญิงสาวว่า “ผมมีเรื่องต้องคุยกับเผยอี้ คุณนั่งรอผมอยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวผมจะรีบกลับมา”
เมื่อเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าตอบรับ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้น และเดินไปหาเผยอี้