บทที่ 180 ฟางหรงเทียนถูกจับ
เผยลี่เชินใช้โอกาสนี้ดึงตัวไป๋เสว่เอ๋อร์ออกจากแขนของเขา ส่วนโจ๋วฝันและเผยอี้ต่างก็รีบช่วยกันจับตัวฟางหรงเทียนไว้
“เคว้ง” มีดตกลงพื้น โจ๋วฝันมัดมือฟางหรงเทียนไว้ด้านหลัง จากนั้นเตะเข้าที่ขาของเขาจนล้มลงไปกองกับพื้น
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกเผยลี่เชินดึงตัวไว้ในอ้อมกอด เงยหน้าขึ้นมองเขาด้วยสายตาที่วิตกกังวล ขนขาอ่อนแรงโดยไม่รู้ตัว
“ไป๋เสว่เอ๋อร์!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกว่าเสียงของเผยลี่เชินเหมือนถูกปิดกันโดยผ้าห่ม ฟังไม่ชัดเจน
สายตาของเธอค่อยๆ เลือนราง ร่างกายอ่อนแอ หมดความรู้สึก…..
…………………
แสงสว่างจากหน้าต่างสาดส่องเข้ามา ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ ลืมตา มองดูเพดานที่รู้สึกคุ้นเคย
ลายเส้นสีครีม สีที่อ่อนโยน ดูแล้วช่างคุ้นตา…..
เธอนึกไม่ออกว่าอยู่ที่ไหน นึกได้แต่เพียงความทรงจำอันน่าทึ่ง เหมือนกับความฝันทั่วไป
“ก๊อก…ก๊อก..” เสียงเคาะประตู จากนั้นก็มีเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ๆ
เผยลี่เชินเดินมาถึงเตียง เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ลืมตา สายตาของเขาดูเป็นประกายด้วยความดีใจ
อยากเรียกเธอแต่ก็กลัวว่าเธอจะตกใจ จึงเรียกเธอด้วยเสียงที่อบอุ่นและอ่อนโยนโดยไม่รู้ตัว “ไป๋เสว่เอ๋อร์”
สติของไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมาอีกครั้ง มองดูใบหน้าของคนที่อยู่ต่อหน้า อ้าปากมีเสียงสะอื้น แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา
เธอคิดว่าจะไม่เจอเขาแล้ว…..
เห็นปฏิกิริยาเช่นนี้ของเธอ เผยลี่เชินเองก็รู้สึกตกใจ เขาหายใจลึกๆ นั่งลงบนเตียงจับมือเธอเบาๆ พูดด้วยความเป็นทุกข์แต่ติดตลก “ร้องไห้ทำไม..?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์บีบที่นิ้วมือของเขา ดูเหมือนต้องการทดสอบว่าเขาเป็นคนจริงหรือเปล่า เธอไม่ยอมบอกเหตุผล แต่อยากจะร้องไห้
เผยลี่เชินเห็นเธอร้องไห้ไม่หยอดจนใจอ่อน ยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่แก้มของเธอจากนั้นก็ก้มศีรษะจุมพิตเธอ เพราะน้ำตาที่ไหลจนทำให้ริมฝีปากสั่นเทา อ่อนโยน ชุ่มชื้น เหมือนกลีบดอกไม้ จนทำให้ใจของเขาวุ่นวายไปหมด
“ไม่ร้องแล้ว คราวหลังอยู่ข้างหลังฉันไว้ ฉันจะได้ปกป้องเธอเอง”
ตอนที่ไป๋เสว่เอ๋อร์หลับไป เขารู้สึกละอายใจ เสียใจที่พาเธอไปเสี่ยงอันตรายถึงชีวิตได้อย่างไรกัน?
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดร้องไห้แล้ว แต่ร่างกายของเธอยังคงสั่นไหว เผยลี่เชินเห็นเธอไม่ตอบอะไร จึงก้มศีรษะใช้ริมฝีปากสัมผัสริมฝีปากของเธอ
เขาพูดเสียงนุ่มนวล “ไม่ร้องแล้วนะ หืม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า ความรู้สึกตัวเริ่มชัดเจน จมูกของเธอและเผยลี่เชินอยู่ใกล้ชิดกันมาก จึงรู้สึกอึดอัดจนเธอหายใจลำบาก
เธอจึงพูดเบาๆ “ฉันอยากจะนั่ง….”
เผยลี่เชินรีบลุกขึ้น ใช้สองมือประคองเธอลุกขึ้นนั่ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์นึกขึ้นได้ถึงเรื่องเมื่อคืน อดไม่ได้ที่จะถาม “ฟางหรงเทียน….”
เสียงของเผยลี่เชินจากลง ใบหน้าของเขาดูไม่หวาดกลัว “ถูกพวกเราจับไว้ เผยอี้กักตัวไว้ ส่วนวิธีจัดการคงต้องไปถามความเห็นจากคุณพ่ออีกที”
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เกี่ยวพันกับเรื่องส่วนตัว บุญคุณ ความแค้นระหว่างคุณท่านเผยกับฟางหรงเทียน หากจะส่งฟางหรงเทียนให้ตำรวจ ก็ต้องถามความเห็นจากคุณท่านเผยก่อน
“แล้ว….อานโหลวล่ะคะ?”
เมื่อคืนหากไม่ใช่เพราะอานโหลว เธอคงตกอยู่ในอันตราย
“ปล่อยไปแล้ว แต่ก็ส่งคนคอยติดตามดูเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า ตอนนี้พอคิดถึงเรื่องเมื่อคืน มันเหมือนความฝัน
เธอหันมามองดูเวลาก็ใกล้จะเที่ยง นึกขึ้นได้ว่าวันนี้เป็นวันทำงาน จึงอดประหลาดใจไม่ได้ “คุณ…ไม่ไปบริษัทรึ?”
“อืม” เผยลี่เชินหยุดมองอยู่ที่บริเวณลำคอที่มีผ้าพันแผลของเธอ ดวงตาดูเศร้าหมองก่อนจะยื่นมือไปสัมผัสบริเวณคอของเธอ
เขาโอบเธอไว้ในอ้อมแขน “สองสามวันนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ แต่ก็มีความสุขที่อธิบายไม่ได้ “แล้วงานที่บริษัทจะทำอย่างไร?”
“มีเผยอี้อยู่ ไม่ต้องกังวล” เผยลี่เชินพูดจบ ใช้มือถือผ้าห่มออกจากตัวเธอ อยากให้เธอลุกจากเตียง
ไป๋เสว่เอ๋อร์สวมเสื้อสายเดี่ยวสีขาว จนเห็นเนินหน้าอก
สายตาของเผยลี่เชินหยุดมองที่ไหปลาร้าของเธอซึ่งมีไฝสีน้ำตาลปรากฏอยู่ ทำให้หายใจแรงขึ้น
เขาเงยหน้าพอดีกับสายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ ดวงตาของทั้งคู่ดูกลมกลืนอย่างคลุมเครือ
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกๆ รีบละสายตา หยิบเสื้อคลุมข้างๆ ด้วยความตะขิดตะขวงใจ
เผยลี่เชินมีรอยยิ้มที่มุมปาก ส่งสายตาขี้เล่น พูดเบาๆ “เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วลงไปกินข้าวข้างล่าง ฉันรออยู่ที่ประตู”
พูดจบเขาลุกขึ้น เดินออกจากห้องนอน ถือโทรศัพท์มือถือตอบกลับเรื่องงาน
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นเขาเดินจากไป ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากที่เธออยู่กับเผยลี่เชินก็พบว่าตัวเองมีผิวบอบบาง
เธอลงจากเตียง เดินไปหาเสื้อผ้าที่ตู้
เผยลี่เชินกลับมาส่งข่าวเธอ และเงยหน้ามองเธอโดยไม่ตั้งใจ เธอสวมใส่เพียงแค่เสื้อเชิ้ตท่อนบน จึงเห็นขาขาวเรียวยาวสวยงาม เท้าเล็กบางของเธอ
เผยลี่เชินหัวใจร้อนผ่าว สายตาขยับมาทางด้านล่าง มาถึงปลายเท้าของเธอ ตอนแรกอุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูง แต่ก็เย็นลงแล้ว เขาขมวดคิ้วและเดินไปหาเธอ
เวลามีประจำเดือนปกติก็ไม่ค่อยได้ใส่ใจตัวเอง พื้นเย็นเฉียบขนาดนี้เธอยังเดินเท้าเปล่า?
เผยลี่เชินโกรธ คิ้วเกรงโดยไม่รู้ตัว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงฝีเท้าจึงหันกลับไปมองเห็นเผยลี่เชินเดินดุมๆ เข้ามาหาเธอจนเธอตื่นตระหนก
เขา…ดูน่ากลัว คิดจะทำอะไร?
เธอเดินถอยหลังไป ไม่โต้ตอบอะไร รู้สึกว่าหน้าอกของเขาตรงกับแผ่นหลังของเธอ จากนั้นเอวของเธอแน่นขึ้น ร่างกายถูกบีบให้แนบกับตัวเขา
เธอเขนอายจนหน้าแดง ไม่สามารถพูดปฏิเสธออกมาได้สักประโยค และยังไม่รู้ว่าตอนไหนดี ทันใดนั้นเธอรู้สึกตัวเบาเพราะถูกชายหนุ่มอุ้มไว้
“เผยลี่เชิน…คุณจะทำอะไร?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หน้าแดงก่ำ พูดจบก็รู้สึกว่าตัวเองถูกวางไว้บนเตียง เธอใช้สองมือค้ำยันเตียงนอนเป็นท่านั่งครึ่งตัว จ้องมองเขาด้วยความโกรธ
เผยลี่เชินก้มตัวเข้าใกล้ตัวเธอ สองตาจ้องมองเธอ น้ำเสียงแสดงถึงคำสั่ง “จากนี้ไป ไม่อนุญาตให้เดินเท้าเปล่า ฟังรู้เรื่องไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึง คิดไม่ถึงว่าเขาแสดงท่าทางโกรธซะยกใหญ่กับเรื่องเล็กๆ สีหน้าของเธอแสดงความโล่งอก “คะ”
เผยลี่เชินแสดงท่าทางจริงจัง “จำไว้นะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้ารับ “อืม จำได้แล้วคะ”
มองเธออีกครั้งเพื่อยืนยัน เขาจึงวางใจ
“เอาล่ะ ไปเปลี่ยนชุดได้” เผยลี่เชินยิ้มด้วยความพึงพอใจ ยกมือจิ้มที่หน้าผากเธอเบาๆ จากนั้นหยิบเสื้อไหมพรมสีเทาฟ้าส่งให้เธอ
“ใส่ตัวนี้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูขอบเสื้อที่กว้างมาก ไม่ค่อยเหมาะกับบาดแผลที่คอที่มีผ้าพันแผลปิดอยู่
ขณะที่เธอกำลังชื่นชมในความรอบคอบของเขา ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ป้าจางกระซิบมาจากด้านนอกประตู “คุณผู้ชายมีคนมาขอพบคะ”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วหลังจากได้ยิน หันมากำชับไป๋เสว่เอ๋อร์ “เปลี่ยนเสื้อแล้วลงไปกินข้าวข้างล่าง ฉันรออยู่นะ”
เห็นหญิงสาวพยักหน้ารับทราบ จึงจากไปอย่างสบายใจ
พอมาถึงข้างล่าง เผยลี่เชินเห็นเผยอี้นั่งอยู่ที่โซฟา กำลังพลิกดูหนังสือพิมพ์ธุรกิจที่อยู่บนโต๊ะ
เขาเดินมาแบบสบายๆ มองเผยอี้ด้วยอารมณ์ปกติ “มีเรื่องอะไร?”
เผยอี้ปิดหนังสือพิมพ์เมื่อได้ยินเสียงและลุกขึ้น มองด้วยสายตาลังเล “ไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”