ตอนที่ 208 มันผิดตรงไหนถ้าผมจะนอนกับคุณอีก
ไป๋เสว่เอ๋อร์หมดสติ เธอรับรู้ได้แค่แรงกระเทือนที่เกิดขึ้นตลอดระหว่างทางเท่านั้น บริเวณด้านหลังศีรษะของเธอรู้สึกเจ็บอย่างมาก ซึ่งนั่นทำให้เธอสลบไปโดยไม่รู้ตัว
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมา เธอก็เห็นเพดานสีขาวมาทักทายเธอเป็นสิ่งแรก เธอนอนนิ่งอยู่นาน จนในที่สุด เธอก็รู้แล้วว่าเธออยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
สายตาของเธอมองเห็นอย่างได้ชัด และประสาทสัมผัสทั้งห้าก็รู้สึกอ่อนไหวเป็นอย่างมาก ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกว่าศีรษะของเธอนั้นหนักอึ้ง และเธอไม่สามารถยกมันขึ้นได้ เธอพยายามยกหัวขึ้นหลายครั้ง แต่สุดท้ายก็ยอมแพ้ และนอนราบนิ่งลงเหมือนเดิม
ที่ด้านนอกของห้องผู้ป่วยมีเสียงดังขึ้นเป็นระยะๆ และยากที่จะจับความได้ เสียงนั้นทั้งลุ่มลึกและนุ่มนวล มันคือเสียงของเผยลี่เชินที่แสนคุ้นหู
หลังจากนั้นไม่นาน ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก เผยลี่เชินเดินเข้ามา เมื่อเขาเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นอนอยู่บนเตียงลืมตาฟื้นขึ้นมาแล้ว สายตาของเขาก็เปล่งประกายขึ้นในทันที
“ฟื้นแล้วเหรอ”
“อือ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบรับด้วยเสียงอันแผ่วเบา แต่ทว่าเธอกลับรู้สึกเจ็บที่บาดแผลด้านหลังศีรษะของเธอ
เมื่อเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว สายตาของเผยลี่เชินก็เผยให้เห็นถึงความเจ็บปวด เขายกมือขึ้นและปัดผมที่ตกลงมาอยู่ตรงหน้าผากของเธอไปที่ด้านข้างอย่างเบามือ “ทำไมจู่ๆ คุณถึงวิ่งออกมาล่ะ หืม”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดอย่างเบาๆ ว่า “ฉันไม่อาจนั่งดูคุณ… ถูกทำร้ายได้ค่ะ”
เพียงแค่ประโยคเดียวนั้น ก็ทำให้หัวใจของเผยลี่เชินอ่อนโยนขึ้นมาในทันที เขาทั้งโกรธทั้งหัวเราะในเวลาเดียวกัน แต่เขากลับไม่อาจพูดสิ่งใดออกมาได้
เขารู้จักศิลปะป้องกันตัวดี เขารู้วิธีป้องกันตัวจากเหตุร้ายดี และถึงแม้เขาจะโดนท่อนไม้นั้นตีเข้าให้จริงๆ แล้วล่ะก็ สำหรับเขาแล้ว มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลยสักนิดเดียว
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว “อาจจะรู้สึกเจ็บที่แผลได้นะ แต่ถึงแม้บาดแผลจะหายแล้ว แต่ผมก็จะไม่ขึ้นตรงบริเวณแผลเป็นนั้นอยู่ดี การที่คุณเข้ามารับท่อนไม้ท่อนนั้นแทนผม คุณบ้าไปแล้วหรือเปล่า”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย พร้อมกับพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ในตอนนั้น ฉันไม่ได้คิดอะไรมากมาย…”
สายตาของเผยลี่เชินเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เอ่อล้นขึ้นมา “ถ้าผมให้คุณลองกลับไปเลือกใหม่ได้ล่ะ”
สายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์จริงจังขึ้นเล็กน้อย เธอไม่ลังเลตอบกลับไปว่า “ฉันก็ยังจะเลือกรับท่อนไม้นั้นแทนคุณ…”
หัวใจของเผยลี่เชินรู้สึกถึงความอบอุ่นขึ้นมาในทันที ขณะที่เขามองไปที่ใบหน้าที่ยังซีดเซียวของหญิงสาว เขาก็รู้สึกสับสนขึ้นมาไม่น้อยเช่นกัน
เขาโน้มศีรษะลง และจุมพิตที่ริมฝีปากของเธอด้วยความรู้สึกเจ็บปวด
สุดท้ายแล้ว เขาก็ก้มลงไปที่ข้างหูของหญิงสาว และพูดตำหนิเธอ “คนโง่”
หลังจากที่เธอฟื้นขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ และขยับเขยื้อนสักเล็กน้อย อาการของเธอในตอนนั้นดีขึ้นกว่าตอนแรกมากขึ้นทีเดียว
เพื่อที่เธอจะได้เปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ทุกครั้งได้ทันท่วงที คุณหมอจึงแนะนำให้เธอยังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการต่อสัก 2-3 วัน
หลังจากทานอาหารค่ำเสร็จแล้ว เผยลี่เชินก็ให้ไป๋เสว่เอ๋อร์สวมเสื้อคลุมเสีย จากนั้นเขาก็พาเธอออกไปเดินเล่นที่บริเวณสวนชั้นล่างเล็กๆ ในโรงพยาบาล
เมื่อเธอนึกถึงบรรดาคนที่มาสร้างความวุ่นวายที่เผยซื่อเมื่อตอนกลางวันขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงเอ่ยปากถามไปว่า “แล้วคนพวกนั้น คุณคิดจะทำอย่างไรกับพวกเขาคะ”
สายตาของเผยลี่เชินจริงจังขึ้นเล็กน้อย “ก็คงจับตัวไว้ก่อนสัก 2-3 วัน ระบุตัวตนของพวกเขาให้ได้ แล้วจากนั้นก็ต้องเปิดเผยตัวคนที่อยู่เบื้องหลังที่คอยชักใยพวกเขาออกมาให้ได้”
การที่จะเปิดเผยตัวคนที่อยู่เบื้องหลังการปลุกปั่นยุยงให้เกิดการแตกแยกนี้นั้นไม่ง่ายแน่นอน ภายในใจของเผยลี่เชินได้เลือกผู้ต้องสงสัยเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ในเมื่อยังไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด เขาก็ไม่อาจจะยืนยันได้
ดังนั้น เรื่องราวทั้งหมดจะกระจ่างได้ก็ต้องรอให้เขาสอบสวนคนพวกนั้นให้หมดเสียก่อน
หลังจากเดินเล่นวนรอบบริเวณสวนเป็นครั้งที่ห้าแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หาวขึ้นมา ทันใดนั้น เธอก็ได้ยินเสียงของเผยลี่เชินที่พูดถามขึ้นมาอย่างอ่อนโยนว่า “ง่วงแล้วเหรอ พวกเรากลับห้องกันดีไหม”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า “ดีค่ะ”
เผยลี่เชินค่อยๆ ประคองเธอเดินไปที่ประตูทางเข้า ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงเรื่องราวของคุณแม่ไป๋ขึ้นมา เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
แต่กลับเป็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่จู่ๆ ก็เงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่ม เธอถามเขาอย่างหน้านิ่งว่า “คุณจะกลับเมื่อไรคะ”
เผยลี่เชินรู้สึกสับสน “กลับไปไหน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง “หรือคุณอยากจะอยู่กับฉันที่ห้องผู้ป่วยนี่ล่ะคะ”
ถึงแม้จะเป็นห้องผู้ป่วยระดับวีไอพี แต่ห้องนี้ก็มีเตียงนอนแค่เตียงเดียวเท่านั้น เขาคงไม่สามารถ…จะเบียดตัวนอนเตียงเดียวกับเธอได้ใช่ไหมล่ะ
เผยลี่เชินนิ่งไปครู่หนึ่ง ทันใดนั้น สายตาของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มเล็กน้อยขึ้นมาในทันที เขาโน้มศีรษะลงมา มองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับถามเธออย่างอ่อนโยนว่า “ทำไมจะไม่อยากล่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบกลับไปด้วยความประหลาดใจ “คุณ…จะนอนบนเตียงเดียวกันกับฉันจริงๆ เหรอคะ”
เผยลี่เชินพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง จากนั้นก็พาหญิงสาวเดินเข้าลิฟต์ไปในทันที
ทันทีที่ประตูลิฟต์ปิดลง เผยลี่เชินก็ยกมือขึ้น และดึงตัวของไป๋เสว่เอ๋อร์เข้ามาอยู่ระหว่างผนังลิฟต์และหน้าอกของเขา พร้อมกับก้มลงมองหญิงสาว “คุณเป็นแฟนของผม มันผิดตรงไหนถ้าผมจะนอนกับคุณอีก”
สิ่งที่เขาพูดนั้นก็ไม่ผิดทีเดียว แต่เธอฟังแล้วก็รู้สึกตะขิดตะขวงใจอยู่ไม่น้อย…
เตียงที่อยู่ในห้องผู้ป่วยนั้นเป็นเตียงเดี่ยว ถ้าพวกเขาสองคนที่เป็นผู้ใหญ่เต็มตัวแล้วจะต้องนอนเบียดกันบนเตียงนี้แล้วล่ะก็ พวกเขาก็คงทำได้แต่เพียงนอนเอาหลังชนกันเท่านั้น…
ถ้าเกิดมีหมอหรือพยาบาลผลักประตูเข้ามา แล้วเห็นพวกเขาสองคนนอนอยู่บนเตียงด้วยกัน… จะไม่ขายหน้าแย่เหรอ
ความคิดหลายชุดแล่นเข้ามาในหัวของไป๋เสว่เอ๋อร์ แต่เมื่อมองไปที่สีหน้าอันจริงจังของเผยลี่เชินแล้ว เธอก็พูดอะไรไม่ออก เธอได้แต่พยายามรวบรวมความกล้าและเดินไปกับเขา
เผยลี่เชินพาไป๋เสว่เอ๋อร์เดินกลับไปยังห้องผู้ป่วย เมื่อก้าวเข้าไปในห้องแล้ว เขาก็ถอดเสื้อคลุมที่อยู่บนตัวของเธอออกเสีย และนำไปแขวนไว้ในตู้เสื้อผ้า จากนั้นเขาก็ถอดเสื้อคลุมของเขาออก และเดินขึ้นไปเอนหลังบนเตียง เขาตบเบาๆ บริเวณพื้นที่ว่างข้างๆ เขา มีคำใบ้อะไรบางอย่างอยู่ในสายตาของเขา
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเผยลี่เชินที่กำลังนอนเล่นเอนหลังอยู่บนเตียง เธอก็ยิ้มอย่างแห้งๆ พร้อมกับก้าวเท้าเดินไปหาเขา
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวค่อยๆ เดินมาอย่างเชื่องช้า ครั้นเมื่อเธอเดินมาถึงยังบริเวณข้างเตียง เผยลี่เชินก็เอื้อมมือออกไปและค่อยๆ ดึงเธอเข้ามาหาเขา
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่อาจทำอะไรได้ เธอทำได้เพียงขึ้นไปบนเตียง พร้อมกับนอนลงข้างๆ เขาบนเตียงนอนเตียงนั้น
พวกเขาหันหน้าเข้าหากัน ระยะห่างกลับไม่ห่างไกลสมดังชื่อ ไป๋เสว่เอ๋อร์สามารถมองเห็นขนอ่อนที่ดูโปร่งแสงที่อยู่บนใบหน้าของเผยลี่เชินได้อย่างชัดเจน รวมไปถึงเคราอ่อนสีเขียวที่บริเวณคางของเขา และลูกกระเดือก สัญลักษณ์แสดงความเป็นชายที่คอยขยับขึ้นลงบริเวณลำคอของเขาอย่างชัดเจน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมือขึ้นโดยไม่รู้ตัว และใช้นิ้วชี้นั้นเลื่อนลงไปแตะเบาๆ ที่ลูกกระเดือกของเผยลี่เชิน
ดูเหมือนว่าเขาเองก็เจตนาเล่นไปกับเธอด้วย ลูกกระเดือกของเขาเลื่อนขึ้นลง ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกสนุกขึ้นมาในทันที เธอใช้นิ้วชี้ของเธอแตะเล่นอย่างเบามืออีกครั้ง
เผยลี่เชินไม่อาจแยกแยะถูกผิดได้ราวกับว่าเขาถูกผ้าคลุมคลุมใบหน้าเอาไว้ และใบหน้าที่ดูเย็นชานิ่งขรึมของเขาก็ถูกละลายหายไปด้วยความอ่อนโยน
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เอื้อมมือมาสัมผัสที่บริเวณลำคอของเขาอีกครั้ง เผยลี่เชินก็เอื้อมมือออกมาและกุมมือของเธออย่างแผ่วเบา พร้อมกับพูดอย่างแหบแห้งว่า “ผมคันน่ะ”
เผยลี่เชินอยู่ใกล้กับเธอมาก และน้ำเสียงของเผยลี่เชินเองก็อ่อนโยน และเมื่อเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งนั้น ก็ยิ่งทำให้เกิดบรรยากาศกระอักกระอ่วนที่แสนคลุมเครือขึ้นมาในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบชักมือที่ถูกเผยลี่เชินกุมเอาไว้กลับมาในทันที แต่ทว่าเขากลับจับมือของเธอเอาไว้แน่น และเจตนาที่จะไม่ปล่อยมือของเธอ
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น เธอก็มองเห็นรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยปรากฏอยู่บนใบหน้าของชายหนุ่มในทันที หัวใจของเธอรู้สึกบีบแน่น และยิ่งภายในหัวใจของเธอก็อยากจะร้องออกมาดังๆ ด้วย
และแน่นอนว่าในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา เธอก็รู้สึกได้ว่าบริเวณของเธอนั้นแน่นขึ้นมา และทันใดนั้นเธอก็ถูกมือขนาดใหญ่ทั้งสองข้างอุ้มเข้ามาไว้ในอ้อมกอด เขาพลิกตัวเธอ และทันใดนั้น ร่างกายของเธอก็พลิกกลับมานั่งอยู่บนตัวของชายหนุ่มเสียแล้ว
รอยยิ้มปรากฏขึ้นในสายตาของเผยลี่เชิน ครู่ต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจร้อนรน น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเบาๆ “คุณ…จะทำอะไรคะ”
“ก็นอนไงครับ” เผยลี่เชินพูดโดยไม่สะทกสะท้านแต่อย่างใด หน้าของเขายังคงนิ่งเฉย และหัวใจก็ไม่เต้นแรงเลยสักนิดเดียว มีเพียงแต่ดวงตาของเขาเท่านั้นที่กำลังส่องแสงเป็นประกาย
เขาดูจริงจังมาก แต่ในสถานการณ์แบบนี้นั้น ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เขินจนตัวงอ เธอทั้งกังวลและโกรธเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเป็นสีแดงก่ำ “คุณปล่อยฉันลงเถอะค่ะ…”
เผยลี่เชินพูดอย่างไม่รีบร้อนว่า “จูบผมก่อนสิ แล้วผมจะปล่อยคุณ”
ใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนเป็นสีแดงจัด ทั้งแดงจัดและแดงไปทั่วทั้งใบหน้า เธอรีบปฏิเสธเขาในทันที “ไม่เอาหรอก!”
เผยลี่เชินหัวเราะเบาะๆ “ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นก็นอนแบบนี้แล้วกัน”
มือขนาดใหญ่ทั้งสองข้างของเขากอดแน่นอยู่ที่รอบเอวของเธอ ทำให้เธอไม่สามารถเคลื่อนไหวไปไหนได้ จะลงไปก็ลงไม่ได้ เธอทำได้แค่เพียงนั่งอยู่บนร่างของเขาในท่าทางที่น่าอับอายแบบนี้เท่านั้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขบริมฝีปากของตัวเอง ในเมื่อไม่มีทางอื่นใดแล้ว เธอจึงถามเขาซ้ำอีกครั้งว่า “ถ้าฉันจูบคุณแล้ว คุณจะปล่อยฉันลงใช่ไหมคะ”
เผยลี่เชินยิ้มและพยักหน้า
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่มีทางเลือก เธอจึงรวบรวมความกล้าและโน้มตัวลงไป เธอค่อยๆ เข้าไปใกล้ชายหนุ่มอย่างช้าๆ และจุมพิตเข้าที่บริเวณริมฝีปากของเขาอย่างอ่อนโยน
ขณะที่เธอกำลังจะลุกขึ้น เธอก็สัมผัสได้ว่ามือของเผยลี่เชินจับแน่นที่บริเวณไหล่ของเธอ จากนั้นเขาก็จูบเธออย่างแนบแน่น
ครู่ต่อมา โลกทั้งใบก็หมุนกลิ้งไปหมด จะจูบหรือไม่นั้น ก็ไม่อาจจะช่วยเธอได้อีกต่อไปแล้ว
หลังจากชายหนุ่มได้จูบแนบแน่นแล้ว ในที่สุด เผยลี่เชินก็คลายมือและปล่อยเธอออกไป รอยยิ้มอันแสนพึงพอใจปรากฏขึ้นที่บริเวณมุมปากของเขา
เขาค่อยๆ ลุกขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมกับวางไป๋เสว่เอ๋อร์ลงบนเตียงอย่างเบามือ เขาขยับตัวอย่างระมัดระวัง และยังคงใส่ใจผ้าพันแผลที่อยู่บริเวณด้านหลังศีรษะของหญิงสาวเป็นอย่างดี
“เอาล่ะ คุณนอนเถอะ”
เมื่อเผยลี่เชินพูดจบ เขาก็ลงจากเตียง
ใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์แดงก่ำ เธอเอ่ยปากถามออกไปด้วยความลังเลว่า “แล้วคุณจะไปไหนคะ”
เผยลี่เชินยิ้มเบาๆ เขาเดินไปที่ข้างเตียง และดึงเอาเตียงเสริมพับได้ที่ซ่อนอยู่ในกำแพงออกมา
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึงไปครู่ใหญ่ ตอนนี้เองที่ทำให้เธอได้รู้ว่าจริงๆ แล้วห้องผู้ป่วยนั้นยังมีเตียงนอนซ่อนอยู่อีกเตียงหนึ่งนี่นา!