ตอนที่ 213 ล็อกตัวคนรายงาน
จินจิงจิงโมโหจนสีหน้าแรงระเรื่อ เอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “เธอไม่ใช่ว่าคิดอยากจะคืนดีกับเผยอี้หรอกหรอ!อ่อยเผยลี่เชินคนเดียวยังไม่พอ ยังคิดจะอ่อยเผยอี้อีก หน้าไม่อาย!”
“ใครว่าเขาอ่อยฉัน?”
เสียงที่กึกก้องทรงพลังดังสะท้อนเข้ามา จินจิงจิงตกใจจนใบหน้าซีดขาว รีบหุบปากลงในทันที
เผยลี่เชินก้าวขาเดินเข้ามาที่ข้างกายของไป๋เสว่เอ๋อร์ ยื่นมือออกมาด้วยท่าทีที่เป็นธรรมชาติ โอบตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนทันที
สายตาที่เยือกเย็นของเขามองกวาดไปบนตัวจินจิงจิงกับน้าชิวแล้วผ่านเลยไป จากนั้นเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “ฉันกับไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งสองฝ่ายต่างมีความรู้สึกที่ดีต่อกัน”
สีหน้าของจินจิงจิงเขียวขึ้นเล็กน้อย สุดท้ายก็หวาดกลัวเผยลี่เชิน ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
น้าชิวมองเห็นเผยลี่เชิน ในที่สุดสีหน้าก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เธอหัวเราะออกมาเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยปากขึ้นว่า “ที่แท้คือลี่เชินนี่เอง อย่าโมโหไปเลย จิงจิงเขานิสัยบุ่มบ่าม พูดจาปากไม่มีหูรูดเท่าไร อย่าใส่ใจไปเลยนะจ๊ะ”
เผยลี่เชินแทบจะไม่ฟังเลยแม้แต่น้อย เดิมทีความรู้สึกที่เขามีต่อแม่ของเผยอี้ก็รังเกียจจนถึงที่สุดแล้ว อารมณ์ความรู้สึกที่หลากหลายต่างก็แสดงออกอยู่บนใบหน้าทั้งหมด ด้วยเหตุนี้ในเวลาปกติน้าชิวจึงได้หาโอกาสที่จะหลบเลี่ยงการพบเจอกับเผยลี่เชิน
ทว่าสถานการณ์แบบในตอนนี้ เกรงว่าคิดจะหลบก็หลบไม่พ้น
เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ทั้งๆที่รู้ว่าเขาปากไม่มีหูรูด ยังไม่ดูแลจัดการให้ดี ปล่อยให้ออกมากัดคนไปทั่วตามอำเภอใจ คนที่ขายหน้าน่ะคือคนของตระกูลเผย!”
น้าชิวฝืนฉีกยิ้มออกมาเล็กน้อย ตามมาด้วยเอ่ยปากโน้มน้าวขึ้นว่า “ลี่เชิน จิงจิงนี่อีกไม่นานก็เข้ามาในบ้านแล้ว ถึงเวลาพวกเราก็คือครอบครัวเดียวกัน อย่าแบ่งแยกเกินไปนักเลย…”
“ครอบครัวเดียวกัน?” สายตาของเผยลี่เชินเผยให้เห็นความเย้ยหยันออกมา “แม่สามีเป็นมือที่สาม ลูกสะใภ้ที่หามาก็เป็นมือที่สาม ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน เข้ามาอยู่ร่วมกันไม่ได้จริงๆ”
พอคำพูดของเผยลี่เชินหลุดออกไป สีหน้าของน้าชิวก็เปลี่ยนเป็นแย่ลงจนถึงที่สุดในทันที จินจิงจิงที่อยู่ข้างๆก็โกรธจนสีหน้าแดงก่ำ กลับยังคงไม่กล้าเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่นิดเดียว
ไม่รอให้น้าชิวได้เอ่ยปากพูดอะไรออกมาอีก เผยลี่เชินก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย มองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ในอ้อมแขน เอ่ยปากออกมาว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย ตามเผยลี่เชินเดินออกจากที่นี่ไปพร้อมกัน
เดินออกไปไกลมากพอสมควร ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงรู้สึกว่าทั้งเนื้อทั้งตัวของเผยลี่เชินแผ่กระจายไปด้วยความเยือกเย็น เธอยื่นมือออกไป พลิกฝ่ามือกุมไปที่มือของเผยลี่เชินเอาไว้ในทันที
คิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นของเผยลี่เชินคลายลงเล็กน้อย เขาก้มหน้ามองมายังไป๋เสว่เอ๋อร์ จากนั้นเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ในตอนแรกคุณพ่อคงต้องมนต์ของเย่ชิวหรง ถึงได้ให้เธอเข้ามาในบ้าน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยความสงสัย “แต่ว่า…ก่อนที่เธอจะเข้าไปในบ้านตระกูลเผย เธอก็เคยเป็นคนรับใช้ในบ้านของฉัน อีกทั้ง…เธอยังเคยให้ท่าคุณพ่อของฉันด้วย”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำว่า “คุณไม่รู้หรอ เย่ชิวหรงมีชื่อเสียงมากในกลุ่มคนมีฐานะรุ่นที่หนึ่งในเมืองไห่เฉิง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกตะลึงเล็กน้อย ฟังเผยลี่เชินอธิบายต้นสายปลายเหตุ ถึงได้เข้าใจขึ้นมา
ที่แท้ ในตอนแรกเย่ชิวหรงทำงานเป็นแม่บ้านในบ้านคนมีเงินของกลุ่มคนมีฐานะในเมืองไห่เฉิง และเคยทำอยู่ที่บ้านตระกูลเผยระยะหนึ่ง ถือโอกาสให้ท่าคุณท่านเผย และยังตั้งท้องได้สำเร็จ แต่ต่อมากลับถูกคุณนายเผยไล่ออกจากบ้าน เย่ชิวหรงตัวคนเดียวให้กำเนิดบุตรออกมา และไปเป็นแม่บ้านในกลุ่มคนมีฐานะต่อ เพื่อสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้น เธอมักจะให้ท่าคุณผู้ชายของบ้านอย่างไม่มีศีลธรรม และเคยให้ท่าคุณพ่อของไป๋เสว่เอ๋อร์ แต่กลับไม่สำเร็จ ถูกไล่ออกไปอีกครั้ง
ต่อมา คุณแม่ของเผยลี่เชินเสียชีวิตลง เย่ชิวหรงก็ได้พาเผยอี้ไปยังบ้านตระกูลเผย ขอให้คุณท่านเผยรับเลี้ยง ภายใต้ความจำใจของคุณท่านเผย ยอมรับเผยลี้ กลับไม่ยอมรับสถานะของเย่ชิวหรง สุดท้ายชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด ให้เธอเข้ามาในบ้าน ยังมอบคฤหาสน์หลังเล็กให้เธออีกหลังหนึ่ง ระยะทางห่างจากคฤหาสน์เดิมของตระกูลเผยเพียงแค่สิบนาทีเท่านั้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้เพียงแค่เรื่องที่เย่ชิวหรงอยู่ที่บ้านของตัวเองเหล่านั้น กลับไม่รู้เรื่องเหล่านี้เลย ตอนนี้มาได้ฟัง เธอถือว่าได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเผยลี่เชินถึงได้รังเกียจแม่ของเผยอี้ขนาดนั้น
บนทางกลับบ้าน ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบตลอดทาง คิดถึงคำพูดเมื่อตอนที่เจอกับเสี่ยวส้งผู้ช่วยของไป๋ซื่อในคราวก่อนขึ้นมาอย่างประหลาด คนที่สามารถเห็นเอกสารลับส่วนตัวของไป๋ซื่อได้ นอกจากคนที่อยู่ในบริษัทแล้ว ก็อาจจะเป็นคนที่อยู่ข้างกายของคุณพ่อ
ก่อนหน้านี้เย่ชิวหรงเคยเป็นแม่บ้านในบ้านตระกูลไป๋ ก็ต้องเก็บกวาดห้องหนังสือเป็นธรรมดาอยู่แล้ว หากในตอนนั้นเธอมีความคิดอยากจะดูเอกสารเหล่านั้น เกรงว่าคงไม่ยากที่จะทำได้
เผยลี่เชินหันหน้ามองมาที่เธอ แล้วเอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “กำลังคิดอะไรอยู่?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “เรื่องจดหมายรายงาน ฉันรู้สึกว่าไม่แน่อาจจะมีความเกี่ยวข้องกับน้าชิว…”
“หืม?”
“คุณพ่อบอกกับฉันว่า จดหมายรายงานถูกเปิดโปงออกมาในตอนที่ฉันกับเผยอี้กำลังจะหมั้นกัน เห็นได้ชัดเจนเป็นอย่างมากว่าพุ่งตรงมาที่ฉัน หากจะบอกว่า…น้าชิวไม่อยากให้ฉันกับเผยอี้แต่งงานกัน กลัวว่าเรื่องน่าอายที่ตัวเองทำไว้ที่บ้านตระกูลไป๋จะถูกเปิดเผย ดังนั้นจึงจงใจส่งจดหมายรายงาน เช่นนี้แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ดูสมเหตุสมผลไปหมด”
อันดับแรก เย่ชิวหรงเคยเป็นแม่บ้านในบ้านตระกูลไป๋ มีโอกาสเห็นรายการบัญชีลับส่วนตัวเหล่านั้น อันดับต่อมา เย่ชิวหรงมีสถานะเป็นแม่ของเผยอี้ มีเหตุจูงใจในการก่อเหตุการณ์
เผยลี่เชินพยักหน้า “ตอนนี้ขอเพียงแค่เปรียบเทียบดูหน่อยว่าเอกสารในจดหมายรายงานกับเอกสารที่ฝ่ายตำรวจหาเจอจากบ้านตระกูลไป๋ในตอนแรกเป็นชุดเดียวกันหรือไม่ เช่นนั้นผู้ต้องสงสัยก็สามารถล็อกตัวเอาไว้ได้แล้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย หมัดกำแน่นขึ้นมาอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ตอนนี้ แม้แต่ต้นฉบับของจดหมายรายงานเธอก็ยังไม่เห็น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลักฐานกระทำความผิดที่ฝ่ายตำรวจหาเจอจากบ้านตระกูลไป๋เลย
เผยลี่เชินเหมือนจะดูออกว่าเธอกำลังคิดอะไร “ไม่ต้องเป็นห่วง ข้อมูลเหล่านั้นผมหาวิธีช่วยคุณโยกย้ายออกมาดูสักหน่อย”
“จริงหรอคะ?” สายตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ฉายแววแสดงความตกใจและดีใจไปพร้อมกัน
เห็นการตอบสนองของเธอ เผยลี่เชินยิ้มออกมาเล็กน้อย “ผมเคยหลอกคุณตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ความรู้สึกก็ดีขึ้นอย่างมากในทันที
จากตอนแรกจนมาถึงตอนนี้ เพื่อเรื่องของจดหมายรายงานเธอวิ่งวนไปทั่วทุกสารทิศ ตอนนี้ในที่สุดก็เห็นความหวังขึ้นมาแล้ว
รุ่งเช้าวันถัดมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ตามเผยลี่เชินไปที่บริษัท แม้ว่าบาดแผลบนศีรษะของเธอยังไม่ได้ดีขึ้นร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ตอนนี้เรื่องการแข่งขันประมูลช้าไม่ได้แม้แต่นิดเดียว และเธอก็ไม่อยากเป็นเพราะเรื่องของตนเองถ่วงแข้งถ่วงขาของเผยลี่เชิน
เพิ่งมาถึงยังบริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ทักทายเพื่อนร่วมงานอีกสองสามคน ไม่นาน ข่าวคราวเรื่องที่เธอกลับมายังบริษัทก็แพร่สะพัดไปทั่ว อย่างไรเสีย เธอก็กันไม้นั่นให้กับเผยลี่เชิน สื่อทุกสำนักก็กระจายข่าวอย่างยิ่งใหญ่ไปตั้งนานแล้ว
หลายวันมานี้ สวี่เยว่หรูอยู่ในห้องทำงานของท่านประธาน คนๆเดียวทำหน้าที่เป็นคนสามคน แต่ยังคงจัดการกับงานที่กองเท่าภูเขาไม่หมด เธอได้ยินว่าไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมา ก็รีบเลือกคัดสรรหา เลือกเอางานยากที่เร่งด่วนออกมา คิดจะส่งไปให้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ในห้องทำงานของเผยลี่เชิน กำลังเปิดดูหนังสือแผนการแข่งขันประมูลที่ฝ่ายวางแผนเพิ่งส่งมาให้ จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น
“ท่านประธานเผยคะ หนังสือแผนการหลายฉบับนี้ส่วนใหญ่ใกล้เคียงกันหมด ไม่มีจุดเด่นอะไร เกรงว่าถึงเวลาในงานแข่งขันประมูลพวกเราจะไม่มีโอกาสในการรับชัยชนะสักเท่าไร”
คู่ต่อสู้ของพวกเขาในครั้งนี้ต่างก็ไม่ธรรมดา หนึ่งในนั้นยังมีเสิ่นซื่อ หากผู้เปิดการประมูลหัวจั๋วไม่ได้ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ส่วนตัว ประเมินผลจากหนังสือแผนการตามสถานการณ์ความเป็นจริงแล้วล่ะก็ เกรงว่าหนังสือแผนการแบบนี้ก็คงจะเข้าไม่ในกลุ่มไม่ได้
เผยลี่เชินเมื่อครู่นี้ก็ได้เปิดหนังสือแผนการเหล่านั้นไปแล้วรอบหนึ่ง ไม่มีจุดเด่นอะไรจริงๆ เขาพยักหน้าเล็กน้อยแล้วสั่งว่า “คุณโทรศัพท์แจ้งคนของฝ่ายวางแผน ให้พวกเขามาเอาเอกสารเหล่านี้กลับไป ไม่ต้องแบ่งกลุ่มเล็กๆอีก ทุกคนรวมตัวกันทำแผนการขึ้นมาใหม่หนึ่งแผน จากนั้นค่อยส่งเข้ามา”
“ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่รีรอแม้แต่วินาทีเดียว รีบก้าวขาเดินออกไปทางด้านนอกในทันที พอเธอเปิดประตูออก ก็เห็นนอกประตูมีคนยืนอยู่หนึ่งคน
คือสวี่เยว่หรู
สายตาของสวี่เยว่หรูเผยให้เห็นความลนลานขึ้นมาแวบหนึ่ง ไม่ช้าก็กลับคืนสู่ปกติอีกครั้ง เธอกวาดตามองไป๋เสว่เอ๋อร์ครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “ฉันมาส่งเอกสารให้กับประธานเผย