ตอนที่ 215 แกมีสิทธิ์อะไร
เผยลี่เชินกับเผยอี้ลงไม้ลงมือกัน?
ไป๋เสว่เอ๋อร์ร้อนรนขึ้นมาในชั่วขณะ ไม่รอช้ารีบตามเสี่ยวจางไปที่ห้องประชุมในทันที
ช่วงนี้เผยอี้ยุ่งอยู่กับการเตรียมงานแต่ง ตอนนี้ทำไมอยู่ๆถึงมายังบริษัทได้?
ยังเดินไม่ทันถึงห้องประชุม ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เห็นกลุ่มคนมุงอยู่ที่หน้าประตูมาแต่ไกลๆ
เสี่ยวจางแหวกกลุ่มคนออก รีบเปิดทางให้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบก้าวขาขึ้นไป เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ เผยลี่เชินกับเผยอี้ต่างก็อยู่ในห้องประชุม ด้านข้างยังมีคนที่ดูเหมือนเป็นพนักงานอีกสองสามคนกำลังพูดโน้มน้าวอะไรอยู่ด้วยเสียงที่แผ่วเบา
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเดินเข้าไป เอ่ยถามเผยลี่เชินว่า “เป็นอะไรไปคะ? เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ไม่มีอะไร” เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ ทว่าสีหน้ากลับเคร่งขรึมและจริงจังสุดๆ
พอเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ ความรู้สึกบนใบหน้าของเผยอี้ก็ยิ่งเพิ่มความเยือกเย็นขึ้นมา เขาหันหน้ามองไปทางเผยลี่เชิน ถามย้อนกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “อะไรที่เรียกว่าไม่ใช่คนประเภทเดียวกันเข้ามาอยู่ร่วมกันไม่ได้? เผยลี่เชินพี่ด่าใครกันแน่!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้เข้าใจ ที่แท้เป็นเพราะเรื่องของเมื่อวาน แน่นอนว่าเป็นจินจิงจิงที่กลับบ้านไปนำเรื่องนี้ตอกไข่ใส่สีพูดให้กับเผยอี้ฟังจนหมด เขาถึงได้มาก่อเรื่องถึงบริษัท
เผยลี่เชินก็ถามย้อนกลับด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาเช่นเดียวกัน แทบจะไม่ได้เอาการตอบสนองของเผยอี้มาใส่ใจเลยแม้แต่น้อย “ที่ฉันว่าเป็นใคร แกยังไม่ชัดเจนอีกหรอ?”
“พี่!” เผยอี้เดินเข้ามาด้วยความโมโห ยกหมัดขึ้นเตรียมตัวจะลงมือ พนักงานผู้ชายที่อยู่ด้านข้างรีบเข้ามาห้ามเผยอี้เอาไว้ในทันที แล้วพูดโน้มน้าวออกมาว่า “รองประธานเผย อย่าโมโหเลยครับ…”
เผยลี่เชินยืนอยู่บนที่เดิมไม่ขยับเขยื้อนไปไหน มองดูเผยอี้ที่บ้าคลั่งอยู่นาน มุมริมฝีปากปรากฏรอยยิ้มที่เยือกเย็นออกมา เขาเอ่ยถามย้อนกลับว่า “เผยอี้ คนที่รับโครงการที่มีปัญหาคือแก คนที่ไม่ทำอะไรเลยดีแต่ชี้นิ้วสั่งคนอื่นก็คือแก ตอนที่รับโครงการรับปากอย่างจริงใจน่าเชื่อถือ ตอนทำงานกลับหลบหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตอนนี้เป็นเพราะเรื่องเล็กน้อยวิ่งมาถึงที่นี่จะลงไม้ลงมือกับฉัน ฉันขอถามแกหน่อยแกมีสิทธิ์อะไร?”
น้ำเสียงของเผยลี่เชินราบเรียบ ทว่าในคำพูดกลับแฝงไปด้วยความเสียดสีและประชดประชันที่เฉียบคม สีหน้าของเผยอี้เดี๋ยวเขียวเดี๋ยวแดง เส้นเลือดนูนขึ้นมาบนมือที่กำเอาไว้แน่น
เขาผลักพนักงานที่ขวางอยู่ด้านหน้าออกอย่างรุนแรง ยกหมัดขึ้นมาเตรียมจะชกไปบนใบหน้าของเผยลี่เชิน เผยลี่เชินถือโอกาสหลบออก หลบหมัดของเขาได้ในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูอยู่ด้านข้าง หัวใจแทบจะกระโดดออกมา
แม้ว่าคำพูดของเผยลี่เชินจะไม่น่าฟัง แต่ทุกคำกลับไม่ใช่การใส่ความ และก็เป็นเผยอี้ที่มีส่วนรับผิดชอบแต่กลับไม่ยอมรับจริงๆ ดันทุรังที่จะทำตัวเองจนกลายเป็นสภาพในตอนนี้
เผยลี่เชินยกมือขึ้น จับหมัดของเผยอี้เอาไว้ หมุนวนรอบหนึ่งอย่างรุนแรง “กร๊อบ” ดังขึ้น เป็นเสียงกระดูกที่เคลื่อนไหวผิดที่ อวัยวะบนใบหน้าของเผยอี้ขมวดเข้าหากันในทันที
จากนั้น เผยลี่เชินก็คลายมือออก ถอยไปข้างหลังสองก้าว “ก่อเรื่องในบริษัทให้น้อยลงหน่อย นี่ไม่ใช่สถานที่ที่แกจะมาก่อเรื่อง!”
เผยลี่เชินพูดจบ ก็หมุนตัวกลับอย่างช้าๆ มองไปยังไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “พวกเราไปกันเถอะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ชั่วขณะ มองไปที่เผยอี้แวบหนึ่งอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็ก้าวขาเดินตามเผยลี่เชินออกไป
กลุ่มคนที่มุงล้อมที่หน้าประตูเห็นละครจบลง ก็รีบแตกรังแยกย้ายกันไปในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเป็นเพื่อนเผยลี่เชินอยู่สองสามก้าว อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “หากเรื่องนี้ถูกคุณท่านเผยรับรู้เข้า เกรงว่าท่านคงจะโกรธอีก ไม่งั้นคุณบอกกับคุณท่านเผยก่อนสักคำ ยังไงซะท่านก็รักเผยอี้ขนาดนั้น…”
เผยลี่เชินได้ยินดังนั้น ฝีก้าวก็หยุดลงอย่างกะทันหัน หันหน้ามองไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ สายตามืดมนลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ผมในฐานะที่เป็นประธานผู้บริหารของเผยซื่อ ไม่ใช่เพื่อจัดการเรื่องวุ่นวายให้กับเผยอี้เพียงคนเดียว ผมไม่อาจจะคำนึงถึงความรู้สึกของคนทุกคนได้หมด”
นัยน์ตาของเขาสะท้อนความเยือกเย็นออกมา ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะเสียวสันหลังวูบ เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด สุดท้ายก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก
เธอเพียงแค่ไม่อยากเห็นเผยลี่เชินกับคุณพ่อของเขาเกิดความขัดแย้งกันเพราะเรื่องนี้ แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะเซนซิทีฟขนาดนี้
เผยลี่เชินหมุนตัวก้าวขาออก เดินก้าวเท้ายาวๆไปทางห้องทำงานของตนเอง ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบเดินตามหลังของเขาไป
ก่อนที่จะเข้าไปในห้องทำงาน เผยลี่เชินเอ่ยปากด้วยเสียงที่เย็นชา ในน้ำเสียงไม่มีความรู้สึกใดๆเกิดขึ้น “เร่งฝ่ายวางแผนสักหน่อย ให้พวกเขารีบส่งหนังสือแผนการแข่งขันประมูลชุดใหม่เข้ามาให้เร็วที่สุด”
มองดูท่าทีที่อยู่ๆก็เย็นชาขึ้นมาของเผยลี่เชิน ความรู้สึกของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ซับซ้อนขึ้นมาอย่างประหลาด หลังจากที่สูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้ว เธอก็หมุนตัวกลับไปยังห้องทำงาน ทำงานของตัวเองต่อไป
ช่วงบ่าย เผยลี่เชินออกไปงานสังคมข้างนอก ไป๋เสว่เอ๋อร์จัดการเรื่องในบริษัทเสร็จ ชั่วพริบตาก็ถึงเวลาเลิกงาน เธอเก็บข้าวของอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ออกจากบริษัทไป
คงจะเป็นเพราะท่าทีที่เย็นชาของเผยลี่เชินในช่วงเช้า ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้รู้สึกกลัดกลุ้มใจอย่างประหลาด เธอเดินออกจากอาคารใหญ่ ไม่ได้โบกรถตรงกลับบ้าน แต่เดินเล่นไปตามถนนแทน
ผ่านถนนสองเส้น เดินมาถึงสวนดอกไม้ใจกลางแห่งหนึ่ง มองเห็นม้านั่งยาวที่อยู่ด้านใน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ก้าวขาเดินเข้าไปในทันที ทว่ายังไม่ทันจะได้เดินไปถึง อยู่ๆเท้าก็ติดเข้ากับอะไรบางอย่าง
เธอก้มศีรษะลง มองเห็นส้นรองเท้าส้นสูงของตนเองเหยียบเข้าไปในช่องท่อระบายน้ำ เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย ยกขาขึ้น อยากจะถือโอกาสดึงส้นรองเท้าออกมาจากฝาท่อ แต่คิดไม่ถึงว่าลองไปหลายครั้งก็ยังไม่สำเร็จ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตัดสินใจโน้มตัวลง ใช้มือดึงส้นรองเท้าออก แต่ใครจะรู้ว่าพอเธอดึงอย่างรุนแรง ส้นรองเท้าหลุดออกมาแล้ว แต่ช่วงรอยต่อระหว่างส้นรองเท้ากับตัวรองเท้ากลับคลายตัวออกจากกันในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกทั้งน่าร้องไห้ทั้งน่าหัวเราะ ในขณะที่กำลังไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดีนั้น อยู่ๆด้านหลังก็ดังสะท้อนเสียงๆนึงเข้ามา “คุณหนูไป๋ บังเอิญจังเลยนะครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้าไปตามเสียง ก็มองเห็นเสิ่นหรูเฟิงเดินยิ้มหวานมาทางที่ที่เธอยืนอยู่ ชั่วพริบตาสีหน้าของเธอก็เยือกเย็นลง
มาเจอเขาที่นี่ได้ยังไงกัน?
ไป๋เสว่เอ๋อร์เก็บสายตาคืนสู่ปกติ ใส่รองเท้าเรียบร้อย เหยียบอยู่บนรองเท้าที่พังกำลังจะเดินจากไป แต่คิดไม่ถึงว่ากลับถูกคนดึงเอาไว้ในทันที
สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์มืดมนและเย็นชา “ปล่อยฉันนะ!”
เสิ่นหรูเฟิงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “อย่าร้อนรนสิครับ รองเท้าพังแล้ว คุณจะเดินยังไง?”
ในขณะที่เขาพูด ก็ดึงตัวไป๋เสว่เอ๋อร์มายังม้านั่งยาวที่อยู่ข้างๆ “นั่งลง ผมช่วยคุณซ่อมสักหน่อย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดิมทีจะเอ่ยปากปฏิเสธ แต่ตอนที่กำลังก้าวขานั้น เท้าที่สวมรองเท้าข้างที่พังอยู่นั้นกลับไม่ระวังพลิกลงไป ความปวดแปลบลามขึ้นมาจากบริเวณข้อเท้าในทันที เธอขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น ทำได้เพียงแค่นั่งลง
เสิ่นหรูเฟิงถือโอกาสนั่งลง หยิบรองเท้าข้างที่พังขึ้นมา มองดูส้นรองเท้าที่ห้อยหล่น แล้วหันศีรษะมองไปยังรอบๆ เอื้อมมือหยิบก้อนหินก้อนหนึ่ง จากนั้นทุบลงบนส้นรองเท้านั่น
ไป๋เสว่เอ๋อร์แต่เดิมจะบอกปฏิเสธ แต่เห็นท่าทีของเสิ่นหรูเฟิงดูค่อนข้างที่จะใช้ได้ หลังจากทุบไปสองสามที ส้นรองเท้าก็ดูเหมือนจะติดแน่นขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่ช้า ส้นรองเท้าก็ติดแน่นจนพอจะใช้ได้แล้ว เสิ่นหรูเฟิงวางรองเท้าลง แล้วหันไปทางไป๋เสว่เอ๋อร์ “คุณลองดู”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ชั่วขณะ จากนั้นสวมรองเท้าเข้าไป ลองยืนขึ้นดู ดีกว่าเมื่อครู่นี้มากจริงๆ
แม้ว่าจะไม่ได้มีความประทับใจที่ดีกับเสิ่นหรูเฟิงสักเท่าไร แต่คราวนี้เขาก็ช่วยเธอเอาไว้จริงๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สีหน้าซอฟท์ลงไปเล็กน้อย “ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณอะไรกัน?” เสิ่นหรูเฟิงยักคิ้วเล็กน้อย เอ่ยแบบกึ่งล้อเล่นขึ้นมาว่า “ซ่อมรองเท้าเป็นงานถนัดของผมเลยล่ะ!”
มุมริมฝีปากของไป๋เสว่เอ๋อร์ยกขึ้นเล็กน้อย แต่ในใจยังคงมีความหวาดระแวงกับเสิ่นหรูเฟิงอยู่ จึงได้เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ประธานเสิ่น ฉันยังมีธุระ ไว้พบกันใหม่ค่ะ”
“เชิญตามสบายครับ” เสิ่นหรูเฟิงยิ้มพลางพยักหน้าเล็กน้อย
รอจนกระทั่งไป๋เสว่เอ๋อร์เดินจากไปไกลแล้ว ด้านหลังพุ่มไม้ที่สูงประมาณหนึ่งเมตรก็ปรากฏเงาร่างคนๆหนึ่งออกมา เขาโค้งตัวลงแสดงความเคารพ จากนั้นเดินมายังข้างกายของเสิ่นหรูเฟิงด้วยความรวดเร็ว
รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นหรูเฟิงไม่มีอยู่อีกต่อไป เขาเอ่ยถามย้อนกลับขึ้นมาว่า “ถ่ายเอาไว้หมดแล้วใช่ไหม?”
คนๆนั้นพยักหน้า “ถ่ายเอาไว้หมดแล้วครับ!”
เสิ่นหรูเฟิงถามขึ้นอีกประโยคด้วยสีหน้าที่ไร้ความรู้สึกต่อไปว่า “ดูคลุมเครือมากพอหรือเปล่า?”
“พอได้ครับ เพิ่มการตกแต่งรูปในภายหลัง โอเคอย่างแน่นอนครับ”
ได้ยินดังนั้น มุมปากของเสิ่นหรูเฟิงก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา เขามองไกลออกไป ดวงตาหยีขึ้นเล็กน้อย อารมณ์ดีอย่างที่สุด
คราวนี้ เขาอยากจะลองดูสักหน่อยว่าเผยลี่เชินจะมีการตอบสนองอย่างไร!