ตอนที่ 218 ไม่ปล่อยไปอย่างเด็ดขาด
สีหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ด้านข้างเยือกเย็นจนถึงขีดสุด ไป๋เสว่เอ๋อร์ฟังเสียงจอแจที่ดังขึ้นเรื่อยๆของแขกผู้ร่วมงานที่นั่งอยู่ทางด้านหลัง ก็อดไม่ได้ที่คิ้วจะขมวดเข้าหากันขึ้นมา
งานเก็บรายละเอียดส่วนท้ายที่สุดของหนังสือแผนการแข่งขันประมูลในครั้งนี้เป็นเธอที่ทำสำเร็จ ว่ากันตามหลักเหตุผล นอกจากผู้จัดการหลี่ของฝ่ายวางแผน เผยลี่เชิน และก็เธอแล้ว น่าจะไม่มีใครเคยเห็นต้นฉบับอันล่าสุด แต่นี่แพร่งพรายออกไปได้ยังไงกันล่ะ?
ไป๋เสว่เอ๋อร์คิดไม่ตกไม่ช้า ผู้จัดการหลี่ก็บรรยายจบ โค้งคำนับให้กับคนที่อยู่ด้านล่าง แขกผู้ร่วมงานนิ่งเงียบไปชั่วขณะ จากนั้นถึงได้มีเสียงปรบมือไม่กี่เสียงดังขึ้น
เสียหน้าจนถึงขีดสุด ประสบการณ์แบบนี้สำหรับเผยซื่อราชาแห่งวงการธุรกิจแล้ว นี่ไม่ใช่แค่การใส่ร้ายป้ายสีที่รุนแรงอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้จัดการหลี่ลงมาจากเวที มองดูเผยลี่เชินแล้วเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่กลัวจนตัวสั่นงันงกว่า “ท่านประธานเผย ขอโทษครับ…”
เผยลี่เชินกวาดตามองเขาแวบหนึ่งอย่างเยือกเย็น ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่หันไปมองอีกด้านหนึ่งแทน
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองตามสายตาของเขาไป มองเห็นอีกด้านหนึ่ง เสิ่นหรูเฟิงนั่งอยู่กับหัวจั๋ว ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน สถานการณ์ที่เห็นในตอนนี้ ได้ชัดเจนแล้ว
หนังสือการแข่งขันประมูลของบริษัทตระกูลเสิ่นแม้ว่าระดับความคล้ายคลึงกลับเผยซื่อจะสูงมาก แต่กลับสมบูรณ์แบบยิ่งกว่าเผยซื่อ บวกกับการบรรยายของตัวแทนบริษัทที่ประสบความสำเร็จยอดเยี่ยม ดังนั้น หัวจั๋วก็ต้องยิ่งโอนเอียงไปทางบริษัทตระกูลเสิ่นอย่างแน่นอน
รอจนหลังจากที่ตัวแทนของทุกบริษัทต่างก็ขึ้นบรรยายกันครบแล้ว หัวจั๋วก็ขึ้นเวทีกล่าวขอบคุณ และเป็นการแสดงว่าผลการชนะการประมูลจะประกาศออกมาให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นก็เป็นเวลาบุฟเฟ่ต์อาหารว่างที่เตรียมไว้ให้กับแขกทุกคนภายในงาน
ครั้งนี้บริษัทจำนวนไม่น้อยต่างก็มาร่วมงานด้วยเฉยๆ ทุกคนไม่ได้มาเพื่อชนะการประมูล แต่เข้ามาเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้กันและกัน คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นละครฉากนี้ของสองบริษัทใหญ่เผยซื่อและบริษัทตระกูลเสิ่น ก็ต้องตื่นเต้นดีอกดีใจขึ้นมาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
กลุ่มคนแตกกระจายกันอย่างคึกคัก เผยลี่เชินลุกยืนขึ้น หยิบโทรศัพท์มือถือเดินไปยังริมหน้าต่าง พอโทรติดก็ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “เรื่องงานเปิดการประมูล ไปตรวจสอบมา!”
หนังสือการแข่งขันประมูลเอกสารลับแบบนี้ยังสามารถถูกแพร่งพรายออกไปได้ มากเพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าภายในของบริษัทไม่ปลอดภัยแล้ว ในขณะที่ยังไม่มีหลักฐานใดๆนั้น เขาจะไม่สงสัยใครง่ายๆอย่างเด็ดขาด รวมทั้งไป๋เสว่เอ๋อร์และผู้จัดการหลี่
วางสายโทรศัพท์ลง เผยลี่เชินหันหน้ากลับไป เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังอยู่กับเสิ่นหรูเฟิงในบริเวณที่ไม่ไกลมากนัก ไม่รู้ว่ากำลังพูดอะไร ทันใดนั้น คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันแน่น สายตาดุดันขึ้นหลายระดับ
“คุณหนูไป๋ คุณไม่รู้สึกว่าช่วงนี้พวกเรามีวาสนาต่อกันมากเลยหรอครับ? ไม่ว่าจะเป็นการพบกันโดยบังเอิญหรือว่าทำงาน ก็มักจะได้พบกัน สู้เย็นนี้ผมเลี้ยงข้าวคุณ? ผมรู้จักร้านนึงอาหารทะเลสุดยอดมาก จะยอมมาเป็นเกียรติให้ผมไหม?”
นัยน์ตาของไป๋เสว่เอ๋อร์สะท้อนความเย็นชาออกมา คิดถึงเนื้อหาในหนังสือแผนการที่ตัวแทนบริษัทตระกูลเสิ่นขึ้นบรรยายเมื่อสักครู่นี้ ก็อดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมาในทันที “ประธานเสิ่น เป็นคนอย่าไร้ศีลธรรมเกินไปนัก หนังสือแผนการแข่งขันประมูลของบริษัทพวกคุณมาได้ยังไง เกรงว่าในใจของคุณรู้ดีกว่าใครล่ะมั้งคะ?”
เสิ่นหรูเฟิงได้ยินดังนั้น ไม่โกรธกลับยังหัวเราะออกมาอีกด้วยว่า “คุณหนูไป๋หมายความว่ายังไงกันครับ? นี่คือรู้สึกว่าหนังสือแผนการของบริษัทเราลอกเลียนแบบมาจากหนังสือแผนการของเผยซื่องั้นหรอ? แต่เมื่อครู่นี้ตัวแทนของทั้งสองบริษัทขึ้นเวทีบรรยาย ต่างฝ่ายต่างอาศัยความสามารถของตนเอง ใครยอดใครแย่ ทุกคนต่างก็เห็นอยู่กับตา ในใจต่างก็มีการพิจารณาตัดสินเป็นของตัวเอง”
“คุณ!” ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น รู้มาตั้งนานแล้วว่าเสิ่นหรูเฟิงมีลิ้นเหมือนดังขลุ่ย เกรงว่าหากเธอไม่มีหลักฐาน พูดปากเปล่าคงเอาชนะเขาไม่ได้
เสิ่นหรูเฟิงหัวเราะขึ้นอย่างไร้ยางอาย เอ่ยขึ้นต่อไปว่า “คุณหนูไป๋ เย็นนี้จะไปทานข้าวด้วยกันกับผมไหมครับ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น ตัวเองก็เข้าใจในทันทีว่าสืบหาข่าวอะไรที่มีประโยชน์จากตัวเขาไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว จึงหันตัว เดินจากไปอย่างรวดเร็วภายในทันที
หันตัวเพิ่งจะเดินออกไปไม่กี่ก้าว พอเธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นเผยลี่เชินที่อยู่บริเวณไม่ไกลนัก กำลังจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เยือกเย็น
ฝีก้าวของไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดชะงักลง ในใจรู้ทันทีว่าตอนที่พูดคุยกับเสิ่นหรูเฟิงเมื่อครู่นี้จะต้องถูกเขาเห็นเข้าแล้วอย่างแน่นอน
เธอรีบเร่งฝีเท้าเดินขึ้นไปข้างหน้า รอเผยลี่เชินเอ่ยปากถาม ทว่าชายหนุ่มเพียงแต่จ้องมองเธออย่างเงียบๆ ไม่ได้เอ่ยคำถามอะไรออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด จากนั้นเอ่ยปากขึ้นมาว่า “เมื่อครู่นี้ฉันอยากลองไปหลอกถามอะไรจากปากของเขาหน่อย แต่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย”
เผยลี่เชินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “ผมได้ให้คนไปสืบหาแล้ว”
ใช้เวลาไม่นาน ก็สามารถที่จะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากถามความเห็นของเผยลี่เชินด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาว่า “พวกเราไปกันเถอะค่ะ?”
สีหน้าของเผยลี่เชินอืมครึมและเยือกเย็น เขาพยักหน้าเล็กน้อย พาไป๋เสว่เอ๋อร์กับผู้จัดการหลี่เดินนำออกไป
ยังไม่ทันที่จะเดินออกจากประตู อยู่ๆก็มีคนเข้ามา ขวางหน้าประตูเอาไว้ในทันที
“ประธานเผย ทำไมกลับเร็วขนาดนี้ล่ะ? ไม่อยู่ต่ออีกสักหน่อยรองานเลี้ยงอาหารว่างจบแล้วค่อยกลับหรอ?”
เสิ่นหรูเฟิงไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากไหน มองเผยลี่เชินด้วยใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้ม ยังจงใจพูดจาโดยใช้วิธีการพูดแบบเจ้าภาพ
พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา เห็นได้ชัดว่ากำลังยั่วยุ
ไม่รอให้เผยลี่เชินเอ่ยปาก ผู้จัดการหลี่ที่อยู่ข้างๆก็เดินนำขึ้นไปก่อนครึ่งก้าว “ประธานเสิ่น คุณก็ไม่ใช่ผู้จัดงานแข่งขันการประมูล ประธานเผยของเราจะกลับเมื่อไรก็ไม่มีปัญหาอะไรกับคุณหรอกมั้งครับ?”
“ผู้จัดการหลี่ ผมก็แค่เป็นห่วงประธานเผย คุณตื่นตระหนกขนาดนี้ทำไมกัน?” เสิ่นหรูเฟิงยังคงแย้มยิ้มด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสเท่าไรนัก “ใช่แล้วผู้จัดการหลี่ การบรรยายบนเวทีของคุณเมื่อครู่นี้สุดยอดมาก!ช่างทำให้ผมเปิดโลกทัศน์ใหม่จริงๆ!”
ในขณะที่เขาพูด ยังยื่นมือออกมาแสดงการปรบมือ
“คุณ!” ผู้จัดการหลี่โกรธจนสีหน้าแดงก่ำ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก
ทันใดนั้น เผยลี่เชินก็เอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน น้ำเสียงมืดมนและเยือกเย็นจนถึงขีดสุด “พูดจบหรือยัง? พูดจบแล้วก็หลีกทาง”
พูดจบ เขาก็ก้าวขา เดินอ้อมเสิ่นหรูเฟิงไปในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์กวาดตามองเขาแวบหนึ่งด้วยสายตาที่เย็นชา จากนั้นก็เดินตามออกไปด้วยความรวดเร็ว
ขึ้นมาบนรถ ทั้งสามคนกลับมายังบริษัท มาถึงยังห้องทำงานของท่านประธาน เผยลี่เชินหันศีรษะมองมาทางไป๋เสว่เอ๋อร์เล็กน้อย “ตามผมมา”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า เดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานด้วยกัน
เผยลี่เชินนั่งลงบนโซฟา ดื่มน้ำชาไปคำหนึ่ง ตบไปที่ตำแหน่งที่นั่งด้านข้างเบาๆ ส่งสัญญาณให้ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งเข้ามา
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองดูสีหน้าที่เหนื่อยล้าของชายหนุ่ม ก็ยังคงเดินเข้าไปแล้วนั่งลง
เผยลี่เชินยกมือขึ้น ถือโอกาสกุมมือของเธอเอาไว้แล้วเอ่ยถามขึ้นมาว่า “คุณรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้ เกิดความผิดพลาดที่ไหนกันแน่?”
คนของฝ่ายวางแผนแม้ว่าจะเข้าร่วมการวางแผน แต่คนที่เห็นต้นฉบับสุดท้ายของหนังสือการแข่งขันประมูลมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้น หากเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ เกรงว่าปัญหากก็ต้องเกิดอยู่ในพวกเขาไม่กี่คนนี้
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “ไม่ว่าจะพูดยังไง เนื้อหาในหนังสือการแข่งประมูลก็ถูกแพร่งพรายออกไปแล้ว แต่สุดท้ายใครกันแน่ที่เป็นคนแพร่งพราย แพร่งพรายออกไปได้ยังไง ยังต้องการการตรวจสอบหาหลักฐาน แต่การคาดการณ์เบื้องต้น น่าจะเป็นพนักงานภายในของบริษัทเราค่ะ”
เผยลี่เชินพยักหน้าเบาๆ “คิดเหมือนกันกับผม”
มือของเขาบีบปลายนิ้วของไป๋เสว่เอ๋อร์เบาๆ แต่คิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่นกลับไม่ได้คลายออก
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยถามขึ้นเบาๆว่า “ถ้าหากเป็นพนักงานภายในแพร่งพรายออกไปจริงๆ คุณคิดจะทำยังไงคะ?”
เผยลี่เชินนิ่งเงียบ หลังจากนั้นชั่วขณะ ริมฝีปากบางของเขาก็เปิดออกเบาๆ จากนั้นเอ่ยไม่กี่คำออกมาว่า “ไม่ปล่อยไปอย่างเด็ดขาด”
ช่วงนี้เรื่องที่เกิดขึ้นในบริษัทมากมายเหลือเกิน ลำพังเรื่องของสแควหั้นต๋าก็ทำให้คนตกอยู่ในสภาพที่น่าอึดอัดแล้ว ตอนนี้เรื่องงานแข่งขันการประมูลก็มาล้มเหลวอีก ช่างทำให้คนปวดหัวจริงๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยื่นมือออกไป กุมมือของเผยลี่เชินเอาไว้ แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆว่า “ไม่ต้องกังวลนะคะ ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไร ฉันจะคอยอยู่เป็นเพื่อนคุณเอง”
เผยลี่เชินได้ยินดังนั้น ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้น มุมริมฝีปากในที่สุดก็ปรากฏรอยยิ้มบางๆออกมา “ผ่านช่วงนี้ไป ผมพาคุณไปผ่อนคลายสักหน่อย”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย “ค่ะ”
พักผ่อนอยู่ในห้องทำงานยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง จากนั้นเผยลี่เชินก็ต้องไปจัดการเรื่องที่ตามมาในภายหลังของสแควหั้นต๋า ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อยู่ที่บริษัทจัดการงานในมือของตัวเองต่อไป
เพิ่งจะจัดการงานไปได้ส่วนนึง อยู่ๆก็มีคนมาเคาะประตู ประตูห้องถูกผลักออก เจียงหวั่นหวั่นชะโงกหน้าเข้ามามองในห้องทำงาน
พอไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น มองเห็นเธอ ก็ประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย “หวั่นหวั่น เธอมาได้ยังไง?”
เจียงหวั่นหวั่นเอ่ยปากออกมาอย่างน่าสงสารดูไม่ได้รับความเป็นธรรมว่า “เสว่เอ๋อร์ เธอช่วยอะไรฉันหน่อยได้ไหม?”