ตอนที่ 223 อยากจะหนีไปถึงไหน
ปกติพอเผยลี่เชินมาถึงออฟฟิศ ไป๋เสว่เอ๋อร์จะชงกาแฟแล้วเข้าไปเสิร์ฟในห้อง
วันนี้เขาทั้งสองทะเลาะกัน ความเข้าใจผิดยังเคลียร์กันไม่ได้ เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าควรจะชงกาแฟแล้วเข้าไปเสิร์ฟให้เขาดีไหม
ลังเลไปมาจนในที่สุดเธอก็ตัดสินใจแน่วแน่ ชงกาแฟแล้วไปเสิร์ฟให้เขาเหมือนเดิม
แต่เธอยังไม่ทันก้าวเท้า ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น “เลขาไป๋”
ฉีเฟิงผลักประตูเข้ามาพร้อมกับเสียงเข้ม “ช่วยชงกาแฟให้ประธานเผยด้วยครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเล แล้วพูดเสียงเบาๆ “คะ”
เธอเดินออกไปที่ห้องชงกาแฟ แล้วก็ชงกาแฟให้เผยลี่เชินตามปกติ จากนั้นก็ยกไปเสิร์ฟที่ออฟฟิศเขา
เมื่อผลักประตูเข้าไป เห็นเผยลี่เชินกำลังสั่งงานฉีเฟิง หลังจากไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปเสิร์ฟกาแฟให้เผยลี่เชิน เขาก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบใดๆ ทำเหมือนเธอเป็นแค่เลขาผู้ช่วยธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
เผยลี่เชินกวาดตามองเงาของเธอที่เดินจากไป แล้วขมวดคิ้วค่อยๆ ปรากฏความโกรธขึ้น วางกาแฟแล้วก็ไป แม้แต่หน้าของเขาเธอก็ไม่อยากมองใช่ไหม?
เมื่อคิดถึงเรื่องที่เมื่อคืนเธอออกไปกินข้าวกับชายหนุ่มคนอื่น หัวใจของเขาเหมือนถูกหินก้อนใหญ่หล่นทับ รู้สึกหงุดหงิด
เขายกกาแฟขึ้นจิบ เงยหน้ามองเงาด้านหลังของไป๋เสว่เอ๋อร์ “หยุดก่อน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยุดแล้วหันกลับมา พูดอย่างเป็นทางการ “มีอะไรจะสั่งคะ”
ใบหน้าและน้ำเสียงของเธอดูเรียบเฉย เปลี่ยนเป็นโหมดเลขาอย่างเป็นทางการ
เผยลี่เชินวางแก้วกาแฟลง พูดเรียบๆ “น้ำตาลน้อยไป ไปชงมาใหม่”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว
ชงกาแฟให้เขาก็ใส่น้ำตาลแค่สองก้อนเหมือนทุกครั้ง น้อยตรงไหน? เห็นได้ชัดว่ากำลังทำให้เธอลำบากใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกกาแฟกลับไปที่ห้องชงกาแฟ แล้วชงกาแฟใหม่อีกครั้ง ใส่น้ำตาลสามก้อน
เธอรู้สึกอึดอัดใจ ทำไมเขาต้องเข้าใจเธอผิดด้วย วันนี้ก็ยังจงใจทำให้เธอต้องลำบาก เธอมัวแต่คิดจนลืมดูมือตัวเองใส่น้ำตาลเพิ่มไปหลายก้อนโดยไม่รู้ตัว
กว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะกลับมามีสติ ก็สายไปแล้ว เธอหยุดไปสักครู่ด้วยความโกรธ จึงยกกาแฟที่ใส่น้ำตาลเพิ่มไปห้าหกก้อนเดินไปทางออฟฟิศ
ครั้งนี้ฉีเฟิงไม่อยู่แล้วเหลือแต่เผยลี่เชินคนเดียวเท่านั้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจเข้าลึกๆ ก่อนเดินไปข้างหน้าวางแก้วกาแฟที่โต๊ะทำงานของเผยลี่เชิน
เผยลี่เชินเงยหน้ามองที่ร่างของเธอสักครู่ แล้วละสายตาพร้อมยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ
ไป๋เสว่เอ๋อร์จ้องมองกิริยาท่าทางของเขา แล้วก็กลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว
เผยลี่เชินขมวดคิ้วมือที่ยกแก้วกาแฟหยุดนึ่ง มองดูที่ไป๋เสว่เอ๋อร์
สายตาประสานเข้าด้วยกัน ทันใดนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกผิดจึงก้มหน้า พูดเสียงเย็นๆ “หากไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
พูดจบเธอก็รีบเดินจากไป
เผยลี่เชินรีบลุกตามไป เดินก้าวไปคว้าข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ จากนั้นดึงตัวเธอเข้าหาอ้อมกอดของเขา
ทันใดนั้นเขาก็เข้าไปใกล้หูของไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับเสียงหดหู่ “ไป๋เสว่เอ๋อร์เธอจะวิ่งหนีไปถึงไหนกัน?”
ตอนนี้เขามีเรื่องที่ต้องคิดบัญชีกับเธอหลายเรื่อง ทั้งเรื่องผู้ชายเมื่อคืน และยังมีเรื่องจงใจใส่น้ำตาลมากเกินไปในกาแฟของเขา….
คิดถึงเรื่องผู้ชายที่อยู่กับเธอเมื่อคืน ไป๋เสว่เอ๋อร์จิตใจว่างเปล่า ก็รู้สึกอึดอัด สายตาเย็นชาพูดด้วยเสียงเรียบ “ไม่ได้หนี”
“จริงรึ?” เผยลี่เชินก้มลงมองหญิงสาวที่มีผิวขาวเหมือนหยกใส รู้สึกกระวนกระวายใจ
เขายื่นมือจับเอวเธอไว้ หากเธอคิดหนีก็หนีไม่พ้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “เผยลี่เชิน….”
เผยลี่เชินกำลังจะพูดต่อ แต่ได้ยินเสียงฉีเฟิงตรงประตู “ประธานเผยครับ พวกผู้ถือหุ้น….”
ฉีเฟิงเปิดประตูเห็นพวกเขากำลังกอดกัน ใบหน้าตื่น พูดอะไรไม่ออก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ดูเหมือนจะมีปฏิกิริยาตอบกลับรีบผลักเผยลี่เชินให้ออกห่าง สีหน้าของเผยลี่เชินยังคงปกติอยู่ มีเพียงแค่ยักคิ้วสูง
เขาถามเบาๆ “มีเรื่องอะไร?”
ฉีเฟิงก้มหน้า ไม่กล้าเงยหน้ามอง “ผู้ถือหุ้นทั้งหมดมารอกันอยู่ที่นี่แล้วครับ”
“ฉันรู้แล้ว” เผยลี่เชินท่าทางสบายใจ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉีเฟิงรีบหันหลังกลับออกไปรอข้างนอก
เผยลี่เชินมองไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดเสียงเข้ม “เธอรออยู่ที่นี่ ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
รอเขากลับมา เขาจะจัดการเธอ
พูดจบ เผยลี่เชินก็ออกจากออฟฟิศ
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูเงาของเขาลับสายตา ความโกรธที่สุมในอกไม่เพียงแต่ไม่จางคลาย แต่กลับเพิ่มมากขึ้น เธอหายใจลึก ผลักประตูออกไปกลับไปออฟฟิศของตัวเอง
เขาให้เธอรอ แต่เธอกลับออกไป
อีกด้านเผยลี่เชินเดินนำฉีเฟิงไปห้องประชุม ขณะกำลังก้าวก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังมาจากด้านใน
เผยลี่เชินยังไม่ทันนั่งให้เรียบร้อย หนึ่งในผู้ถือหุ้นเอ่ยปาก “ประธานเผยสองวันมานี้ราคาหุ้นของบริษัทผันผวนอย่างหนัก ไม่รู้ว่าคุณจะอธิบายว่าอย่างไร?”
ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่เป็นคนเก่าคนแก่สมัยคุณท่านเผย เพราะว่ามีคุณูปการต่อเผยซื่อ จึงได้แบ่งหุ้นให้พวกเขา พอปลายปีก็มีเงินปันผล แต่หุ้นโดยส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ในมือคุณท่านเผย เผยลี่เชินและเผยอี้
ตอนนี้ราคาหุ้นของบริษัทตกต่ำ เผยลี่เชินก็ต้องรับผิดชอบ อธิบายให้พวกเขารับทราบ
เผยลี่เชินกล่าวอย่างใจเย็น “เพราะว่าครั้งนี้บริษัทเราแพ้การประมูลที่ดินปินหูเมืองเฉิงตง จึงกระทบกับราคาหุ้น แต่ผมรับประกันว่า มันจะกลับมาขึ้นเหมือนเดิม”
ทันใดนั้นถานปินพูดขึ้น “คุณอธิบายให้พวกเราฟังหน่อยเรื่องที่แพ้การประมูล?”
เผยลี่เชินกวาดตามองถานปินและคนอื่นๆ “กลไกของตลาด..คุณลุงทุกท่านต่างก็ทราบดีกว่าผม มีแพ้มีชนะเป็นเรื่องธรรมดา”
ถานปินยิ้ม ใบหน้าผ่อนคลาย แต่คำพูดของเขาช่างแหลมคมยิ่งนัก “เกรงว่าเรื่องนี้จะไม่ใช่แค่เรื่องธรรมดา!”
ทันทีที่เขาเอ่ยขึ้น ก็มีเสียงดังจากข้างๆ เขา
“ใช่ๆ พวกเราได้ยินมาว่า ที่แพ้การประมูลเพราะเลขาข้างกายคุณทำข้อมูลในหนังสือประมูลรั่วไหล ไม่อย่างนั้นหนังสือประมูลของเสิ่นซื่อจะเหมือนของพวกเราได้อย่างไรกัน?”
“เผยลี่เชินคุณเองก็รู้นะว่า บริษัทก็มีวิธีจัดการกับความลับของบริษัทที่รั่วไหล”
“นั่นซิ! เรื่องก็ดำเนินมาถึงขั้นนี้ อย่าให้เรื่องส่วนตัวมาเป็นอุปสรรคในการจัดการ”
เผยลี่เชินฟังพวกเขาพูดแต่ละคำ สายตาเย็นชา พวกจิ้งจอกเฒ่าวางแผนไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแค่รอให้เขามาติดกับเท่านั้น
เขาหรี่ตาแล้วนั่งตัวตรง “ผมจึงไม่ได้ชี้แจงให้ทุกคนทราบแต่แรก เพราะเรื่องมันซับซ้อน ซึ่งผมกำลังตรวจสอบอยู่”
“ตรวจสอบ? ลี่เชินเธอเห็นพวกเราเป็นลุงแก่โง่ๆ หรือไงกัน ตอนนี้ทุกคนรู้ว่ามีหลักฐานที่ยืนยันได้ว่าไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นคนทำแน่ ทำไมเธอถึงยังออกรับแทนไป๋เสว่เอ๋อร์?”
“นั่นซิ เนื้อร้ายไม่ควรเอาไว้ ลี่เชิน ผู้หญิงไม่ได้มีคนเดียว แต่เผยซื่อมีแค่หนึ่งเดียว”
เผยลี่เชินดูเคร่งเครียดเมื่อได้ยิน เขายกชาขึ้นจิบ จากนั้นก็วางถ้วยชาลง
“ปัง” มีเสียงดังขึ้น ทุกคนตกใจจากนั้นห้องประชุมก็เงียบกว่าเดิม
เผยลี่เชินหายใจลึกๆ หยุดนิ่งสักครู่ก่อนพูดเสียงเย็นชา “ผมเคารพในความอาวุโสของคุณลุงทุกท่าน รับฟังความคิดเห็นทุกอย่าง ผมก็เป็นคนตระกูลเผย ไม่คิดพาเผยซื่อไปสู่หายนะ สำหรับเนื้อร้ายผมก็มีวิธีจัดการ ซึ่งต้องจัดการอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องตรวจสอบเรื่องนี้เพื่อค้นหาความจริงเท่านั้น!”