ตอนที่ 224 ลงโทษให้ไปสิงคโปร์
“ความจริงก็เห็นอยู่ตรงหน้า เพียงแต่เธอไม่ยอมรับมัน ลี่เชินพวกเราแก่จนหัวหงอกแล้ว มีอะไรที่ไม่เข้าใจบ้าง ผู้หญิงก็เหมือนเมฆหมอกบังตา แต่ยังไงก็ไม่ควรให้กระทบถึงบริษัทเพราะเรื่องนี้”
“นั่นซิ ลี่เชิน! พวกเราก็เห็นเธอเติบใหญ่มาจนถึงตอนนี้ ไม่ควรจริงจังกับผู้หญิงจนเกินไป….”
ฟังคำพูดวกไปวนมา จนสมองเผยลีเชินหนักอึ้ง เขาขมวดคิ้วเงยหน้ารอให้ทุกคนพูดหมด แล้วเขาถึงพูดบ้าง “ดังนั้นคุณลุงทุกคนจึงสงสัยข้องใจในความสามารถของผม รู้สึกว่าผมจะไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของเผยซื่อเพราะผู้หญิงใช่ไหมครับ?”
เขาพูดประโยคนี้ออกมาทำให้ทุกคนเงียบกันหมด ได้แต่มองหน้ากันและกัน
ถานปินรู้สึกได้ถึงความโกรธเหมือนเปลวไฟ เขาจึงโน้มตัวไปข้างหน้ามองไปที่เผยลี่เชิน “ลี่เชินพวกเราไม่ได้หมายความแบบนั้น เพียงแต่เรื่องหนังสือประมูลของบริษัทที่รั่วไหลตอนนี้ก็ถูกเปิดเผยในบริษัท เธอไม่ลงโทษไป๋เสว่เอ๋อร์ พวกเราก็พอเข้าใจได้ แต่พนักงานคนอื่นล่ะ จะเข้าใจกันไหม ตอนนี้ทุกคนรู้สึกว่าเธอเห็นแก่ตัว ออกรับแทนไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอเองก็พูดไม่ชัดเจน”
ถานปินพูดจบ คนข้างๆ ก็พูดสนับสนุน “ใช่…ใช่…ใช่ ตามนั้นเลย ลี่เชิน พวกเราคิดพิจารณาเห็นว่า เรื่องจะว่าเล็กก็ไม่เล็ก จะว่าใหญ่ก็ไม่ใหญ่ ถ้าไม่ลงโทษพอถึงเวลานั้นจะไม่สามารถอธิบายให้พนักงานอื่นเข้าใจได้”
เผยลี่เชินนิ่งเงียบไม่พูดอะไร รอดูท่าทีของพวกผู้ถือหุ้น ในใจคิดไว้แล้ว ดูท่าพวกเขาจะเป็นแนวร่วมจัดการกับเขาแน่นอน
ตอนแรกเขาคิดจะปกป้องไป๋เสว่เอ๋อร์ หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วค่อยจัดการ แต่ตอนนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเขาแล้ว
เผยลี่เชินนั่งพิงพนักเก้าอี้ ดูเหมือนท่าทาง สายตาไม่มีความแน่วแน่และความแข็งแกร่งอยู่เลย
“แล้วพวกคุณต้องการให้จัดการอย่างไร?”
ถานปินยิ้มที่มุมปาก เสนอความคิด “ก็ต้องลงโทษคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่อง ไม่ต้องถึงกับลาออก อย่างน้อยก็ควรย้ายไปบริษัทย่อยแทนก็ได้?”
เผยลี่เชินเกร็งมือเล็กน้อย หลังจากนั้นครู่หนึ่ง เขาก็พูดเสียงเรียบๆ “ไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นคนของผม ผมทำงานกับเธอจนคุ้นเคย คงไม่ให้ลาออก แล้วก็ไม่ให้ย้ายไปบริษัทย่อยด้วย แล้วยิ่งสถานการณ์ยังชัดเจน ผมไล่เธอออกไม่ได้”
เมื่อแสดงจุดยืนของตัวเองอย่างชัดเจน ทุกคนได้แต่มองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
ถานปินพูดต่อ “งั้นลี่เชิน เธอต้องอธิบายให้พนักงานบริษัทรับทราบ อย่างน้อยก็ควรขอโทษ รวมถึงติดประกาศหนังสือสำนึกผิด พร้อมหักเงินเดือน”
“ได้ งั้นผมทำตามข้อสเนอของคุณลุงถาน “เผยลี่เชินหรี่ตา แล้วหันไปมองฉีเฟิงกวักมือเรียกเขา “ไปเรียกไป๋เสว่เอ๋อร์มาที่นี่”
ฉีเฟิงพยักหน้า รีบเดินออกจากห้องประชุมไป
สิบนาทีต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ตามฉีเฟิงเข้าไปในห้องประชุม ขณะที่เธอเข้าไปก็พบสายตามากมายจับจ้องมาที่เธอ
ถานปินรีบชิงพูดก่อนเผยลี่เชิน “ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอจะอธิบายว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องหนังสือการประมูลที่รั่วไหลออกไป?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ คาดไม่ถึงว่าเผยลี่เชินจะเรียกเธอมา เพื่อให้ผู้ถือหุ้นทั้งหลายซักฟอกเธอ
เธอกำมือแน่น ลังเลเล็กน้อยก่อนหายใจเข้าลึกๆ “ฉันไม่ได้ทำ”
สีหน้าของผู้ถือหุ้นเปลี่ยนไปเมื่อได้ยินคำพูดนี้
ถ้าเป็นคนอื่นเจอสถานการณ์การต่อสู้แบบนี้ก็คงจะตกใจจนแทบไม่มีแรงต่อสู้ แต่สำหรับไป๋เสว่เอ๋อร์ น้ำเสียงของเธอยังคงแน่วแน่พร้อมที่จะกล้าสาบาน
ถานปินตำหนิอย่างรุนแรง “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้วยังจะโกหกอีก น่าจะเพิ่มโทษให้หนักขึ้น”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก ย้ำอย่างหนักแน่นว่า “ฉันไม่ได้แพร่งพราย ทำให้ข้อมูลเรื่องนี้รั่วไหลให้ใครรู้…”
เธอพูดยังไม่ทันจบก็มีอีกคนเข้ามาขัดจังหวะ “อีเมล์ที่รั่วไหลถูกส่งออกไปถึงเสิ่นหรูเฟิงก็มาจากคอมพิวเตอร์ของเธอ หลักฐานก็คือภาพถ่ายหนังสือการประมูล เธอจะอธิบายว่าอย่างไร?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ “เป็นไปได้อย่างไร…ไม่ใช่ฝีมือฉันเด็ดขาด”
เผยลี่เชินเงียบตลอดเวลา สีหน้ายังคงปกติ ทันใดนั้นพูดด้วยเสียงเข้ม “เขียนจดหมายสำนึกผิดส่งให้ฉัน จันทร์หน้าเตรียมตัวไปประชุมที่สิงคโปร์ ทำให้อีกฝ่ายรับรู้ถึงความตั้งใจของพวกเราที่จะร่วมมือกับเขา ไม่ว่าจะใช้วิธีใดก็ตาม ต้องคว้าโอกาสนี้ให้ได้ ถ้าเธอทำไม่ได้ ก็ลาออกไป”
คำพูดของเขาทำให้ผู้ถือหุ้นถึงกับตะลึง เดิมทีเผยลี่เชินตั้งใจจะไปทำงานโครงการความร่วมมือที่สิงคโปร์ด้วยตนเอง เพราะคู่เจรจาเป็นประธานบริษัทคนจีนสิงคโปร์ที่เข้าใจยาก ซึ่งบริษัทเองก็ไม่ได้คาดหวังกับโครงการนี้มาตั้งแต่แรก แต่คิดไม่ถึงว่าเผยลี่เชินจะส่งไป๋เสว่เอ๋อร์ไปจัดการ
อาจพูดได้ว่า ความเป็นไปได้ที่ไป๋เสว่เอ๋อร์จะทำสำเร็จมีน้อย ถ้าเธอทำไม่สำเร็จก็ต้องกลับมาลาออกจากบริษัท
โทษของเธอหนักไม่เบา
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก มองดูชายหนุ่มผู้เย็นชา รู้สึกอัดอั้นตันใจ แต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
เธอคือผู้บริษัท แต่เผยลี่เชินออกจากจะไม่เชื่อแล้ว ยังลงโทษเธออีก
ห้องประชุมเงียบลงสักครู่ ทันใดนั้นถานปินหัวเราะขึ้น “นี่สิถึงจะเป็นประธานเผยของพวกเรา ช่างกล้าหาญ!”
มีเสียงสะท้อนจากผู้ถือหุ้นคนอื่น พยักหน้าเห็นด้วย
สายตาของเผยลี่เชินหยุดอยู่ที่ถานปินสองสามวินาที จากนั้นละสายตาหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มีความเห็นอื่นไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำหมัดแน่น สะกดอารมณ์ของตนเอง แล้วพูดออกไป “ไม่คะ”
หลังจากเผยลี่เชินได้ยินแบบนั้นก็ไม่พูดอะไร หันไปมองผู้ถือหุ้น “พวกคุณลุงมีความเห็นอีกไหม?”
ให้โครงการยากเย็นขนาดนี้แก่ไป๋เสว่เอ๋อร์ ก็เท่ากับไล่เธอออกทางอ้อมแล้ว พวกเขาจึงไม่มีข้อเสนออื่น
เผยลี่เชินพยักหน้า จากนั้นเขาก็โบกมือให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกไป ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเดินออกจากห้องประชุม
ขณะก้าวเท้าเดินออกจากห้องประชุม น้ำตาของเธอก็ไหลออกมา
เธอไม่กลัวคนอื่นเข้าใจผิด แต่ความไม่ไว้ใจของเขาทำให้เธอผิดหวัง
เธอยกมือปาดน้ำตาทิ้ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเสียงฉีเฟิง
“เลขาไป๋ งานประชุมจะมีขึ้นในวันจันทร์หน้า มะรืนต้องออกเดินทาง เงินค่าเดินทางสามารถเบิกได้ และพาผู้ช่วยไปได้หนึ่งคน ผมจะนำข้อมูลของโครงการนี้ไปให้คุณนะครับ”
“คะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบรับ แล้วรีบกลับไปออฟฟิศตัวเอง
ปิดประตูหามุมที่ไม่มีคน ไป๋เสว่เอ๋อร์น้ำตาร่วงไหล จากนั้นเธอใช้มือเช็ดน้ำตา กัดฟัน กลับไปนั่งทำงานที่โต๊ะต่อ แต่ก็ไม่มีจิตใจที่จะทำงานต่อไป
“เธอเป็นไรไป?” ไป๋เสว่เอ๋อร์แสร้งทำเป็นแข็งแกร่ง ฝืนยิ้มออกมา
เจียงหวั่นหวั่นเดินเข้ามาใกล้ เห็นดวงตาของเธอบวมแดง “เสว่เอ๋อร์ ฉันได้ยินมาว่าเธอถูกลงโทษ…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถามต่อ “เธอรู้ได้อย่างไร?”
เจียงหวั่นหวั่นพูดด้วยเสียงเศร้า “ก็เฝิงเช่นประกาศชัดเจนอยู่หน้าประตู ท่าทางดีอกดีใจ ทุกคนในบริษัทจึงได้รู้ข่าวนี้…
คิดไม่ถึงว่าข่าจะแพร่กระจายเร็วขนาดนี้….
เจียงหวั่นหวั่นเดินไปข้างหน้า ยื่นมือจับแขนของไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด “เสว่เอ๋อร์ ขอโทษนะ เป็นฉันที่ทำร้ายเธอ..