สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 250

ตอนที่ 250

ตอนที่ 250 ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งดูซับซ้อน

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ภายในหัวใจของเผยลี่เชินก็ได้คำตอบที่แน่ชัดเรียบร้อยแล้ว เขาจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้นที่กำลังนอนอยู่ที่พื้น พร้อมกับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แกยังรู้อะไรอีก พูดออกมาให้หมด”

ผู้ชายคนนั้นสั่นเทิ้มไปทั้งตัว “เรื่องอื่น ผมไม่รู้แล้วครับ…”

“โทรศัพท์หาผู้หญิงคนนั้น นัดให้เธอออกมา”

“เบอร์โทรศัพท์ของเธอติดต่อไม่ได้ครับ ผมลองมาแล้ว… เธอบอกว่ารอให้เธอติดต่อมาฝ่ายเดียว เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ของผมเลยครับ…”

เมื่อได้ยินดังนั้น เผยลี่เชินก็ฮึดฮัดออกมาด้วยความไม่พอใจ เขาคาดไม่ถึงว่าจินจิงจิงจะคิดมาแล้วรอบคอบได้ขนาดนี้

เขากดเลื่อนปิดกระจกหน้าต่าง พร้อมกับมองไปทางโจ๋วฝันที่อยู่ด้านนอก และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “จัดการมันต่อไป เอาให้คนอื่นไม่มีทางจำหน้าของมันได้”

ในเมื่อต้องรอให้จินจิงจิงเป็นฝ่ายติดต่อผู้ชายคนนั้นมา ถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นไม่รายงานการเคลื่อนไหวของไป๋เสว่เอ๋อร์ในช่วงนี้กลับไปแล้วล่ะก็ ภายในไม่กี่วัน จินจิงจิงจะต้องติดต่อเขามาอย่างแน่นอน

และเมื่อถึงเวลานั้น ขอแค่ให้จินจิงจิงได้เห็นสภาพใบหน้าและจมูกอันบวมปูดของผู้ชายคนนี้เท่านั้น เธอก็จะเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดขึ้นมาอย่างแน่นอน

นี่เป็นเพียงคำเตือนเล็กๆ ที่ส่งถึงเธอเท่านั้น ถ้าเกิดเธอคิดจะวางแผนลงมือทำอะไรอีกล่ะก็ ครั้งหน้ามันจะไม่ง่ายแบบนี้แน่

หลังจากลงมือทำร้ายผู้ชายคนนั้นแล้ว ใบหน้าและจมูกของผู้ชายคนนั้นก็ฟกช้ำและบวมปูดอย่างมาก เขาถูกทิ้งไว้ที่ลานจอดรถใต้ดินตรงนั้น ส่วนเผยลี่เชินที่นั่งอยู่ภายในรถยนต์ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและกดโทรออก

ในไม่ช้า ปลายสายก็รับในทันที

“ความลับดำมืดพวกนั้นที่จินจิงจิงให้คุณเก็บมันเอาไว้ก่อนหน้านี้ คุณเอามันออกมาเปิดโปงให้คนอื่นรู้ได้เลย”

เดิมทีนั้นนึกว่าจินจิงจิงจะเป็นแค่ปลาซิวปลาสร้อย คงไม่กล้าคิดที่จะลงมือกับไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยตัวเองอย่างแน่นอน แต่ทว่าเมื่อดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว ความกล้าของเธอยิ่งนานวันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากทีเดียว

การที่เธอแกล้งท้องและหลอกทั้งเผยอี้และคุณพ่อเผย เพื่อให้สามารถก้าวเท้าเข้าไปในตระกูลเผยได้ ก็ถือว่าจบเรื่องไปแล้ว แต่การที่เธอคิดที่จะทำร้ายคนของเขานั้น เขาไม่มีวันยอมได้เด็ดขาด!

ในเมื่อให้โอกาสเธอแล้ว แต่เธอก็ยังไม่คิดที่จะปรับปรุง ตอนนี้ก็อย่ามาหาว่าเขาไร้ความเมตตาก็แล้วกัน

เมื่อดูหนังกับเจียงหวั่นหวั่นเสร็จแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกอารมณ์ดีอย่างมาก เธอโบกรถเรียกแท็กซี่และกลับไปยังคฤหาสน์ทันที

เมื่อเธอเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เห็นว่ามีเพียงโคมโฟดวงเล็กเปิดสลัวอยู่ในห้องรับแขกเท่านั้น และป้าจางเองก็ดูเหมือนว่าจะไม่อยู่ที่นั่นด้วย

ดูเหมือนว่าตอนนี้คงจะค่ำมืดมากแล้ว ป้าจางและคนอื่นๆ คงเข้าไปพักผ่อนกันหมดแล้วล่ะ

ไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนไปสวมรองเท้าแตะ และรีบเดินขึ้นไปข้างบนอย่างเบาๆ พร้อมกับผลักประตูเปิดเข้าไปในห้องนอนอย่างเบามือ

เธอค่อยๆ ก้าวเท้าย่องเข้าไปในห้องและเดินไปเรื่อยๆ ภายใต้ความมืดมิด เธอกลัวว่าเสียงเปิดไฟของเธออาจจะไปปลุกเผยลี่เชินที่กำลังนอนหลับเข้าได้ ทันใดนั้น เสียง “ปึง” ก็ดังขึ้นมา เธอบังเอิญเตะของบางอย่างที่หนักอึ้งเหลือเกินเข้าให้ เธอเจ็บที่หัวแม่เท้าของเธออย่างมาก เจ็บจนน้ำตาไหลออกมาเลยทีเดียว

โชคยังดีที่บนเตียงขนาดใหญ่นั้นไม่ปรากฏความเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงถอนหายใจด้วยความโล่งใจ เธอค่อยๆ คลำหาทางและเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ อีกครั้ง ทันใดนั้น เสียง “แป๊ะ” ก็ดังขึ้น จู่ๆ ไฟในห้องนอนก็สว่างขึ้นมาเสียได้

ห้องนอนที่เคยมืดสนิทก็พลันสว่างขึ้นมาทันตาเห็น ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักเล็กน้อย เธอหันหลังกลับไปมองที่สวิตช์ไฟบริเวณทางเข้าห้องในทันที และเธอก็มองเห็นร่างที่สูงใหญ่ของใครบางคนกำลังยืนอยู่ที่ประตู

เผยลี่เชินจ้องมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขบขัน เขาเลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับเอ่ยปากถามว่า “ทำตัวเหมือนโจรแบบนี้ คุณคิดที่จะทำอะไรเหรอ”

“ฉัน……” ไป๋เสว่เอ๋อร์อ้ำอึ้งไปครู่หนึ่ง “คุณยังไม่นอนเหรอคะ”

“อืม” เผยลี่เชินก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย ทันทีที่เขาเอื้อมมือของเขาออกมา เขาก็คว้าตัวหญิงสาวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขา เขาก้มหน้ามองไปที่เธอด้วยสายตาอันลึกซึ้ง พร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ผมรอคุณอยู่”

คำไม่กี่คำที่แสนเรียบง่าย ทำให้หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ถูกจู่โจมด้วยความอบอุ่นจากชายหนุ่มในทันที เธอเอื้อมมือออกไป และกอดคอของเผยลี่เชินเอาไว้ พร้อมกับเอียงคอเล็กน้อยและถามออกไปว่า “จริงเหรอคะ”

“จริงสิครับ” เมื่อได้ฟังคำถามที่ถามกลับมาของหญิงสาว เผยลี่เชินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาเบาๆ เขายกมือขึ้นและลูบศีรษะน้อยๆของหญิงสาว “เมื่อเย็นสนุกไหมครับ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า “หนังสนุกมากเลยค่ะ คราวหน้าพวกเราไปด้วยกันดีไหมคะ”

เผยลี่เชินมักไม่ชอบสถานที่ที่มีคนพลุกพล่านเต็มไปหมด โดยฉพาะโรงหนังซึ่งเป็นสถานที่ที่เขาไม่ชอบเอาเสียเลย เขานิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง แต่แล้วเขาก็พยักหน้าตอบตกลง

ดูเหมือนว่าการแสดงออกของเผยลี่เชินนั้นดูแปลกๆ ไปจนสามารถสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงอดไม่ได้ที่จะถามกลับไปว่า “ไม่ชอบเหรอคะ”

เผยลี่เชินตอบหญิงสาวกลับไปอย่างตรงไปตรงมาว่า “ผมไม่เคยไปที่นั่น”

ไป๋เสว่เอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง “พูดจริงพูดเล่นคะเนี่ย”

คนระดับซีอีโอของบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเขา กลับไม่เคยไปดูหนังในโรงหนังมาก่อนเนี่ยนะ

“อืม ถ้าอยากดูหนังล่ะก็ ก็ให้คนมาติดตั้งทำห้องดูหนังส่วนตัวที่คฤหาสน์นี้เลยก็ได้แล้ว ไม่เห็นต้องออกไปดูข้างนอกเลย อีกอย่างถ้าเกิดอยากดูจริงๆ ล่ะก็ ผมอยากไปดูกับคุณแค่สองคนมากกว่า แบบนั้นดูจะได้อารมณ์มากกว่าเยอะ”

คำพูดในครึ่งแรกเมื่อสักครู่นั้นสามารถรู้สึกได้ถึงความจริงจังที่ซ่อนอยู่ แต่เมื่อฟังคำพูดในครึ่งหลังทีเหลือแล้ว กลับทำให้จินตนาการของเธอเตลิดไปไกลอย่างมาก

แก้มของไป๋เสว่เอ๋อร์ร้อนขึ้นมา และทันใดนั้น ใบหน้าของเธอก็ดูแปลกๆ ไปในทันที

เมื่อชายหนุ่มสังเกตเห็นว่าแก้มของหญิงสาวแดงก่ำขึ้นมา เผยลี่เชินก็เลิกคิ้วขึ้น พร้อมกับหวนย้อนนึกไปถึงคำพูดที่ตัวเองพูดไปเมื่อครู่นี้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก พร้อมกับแซวเธอกลับไปว่า “เสว่เอ๋อร์ คุณคิดอะไรอยู่เหรอ”

เดิมทีแค่เรื่องที่เขาพูดไปเมื่อครู่นี้นั้น ก็ทำให้ใบหน้าของเธอแดงก่ำได้แล้ว แถมตอนนี้เขายังจะมาเรียกชื่อของเธอด้วยน้ำเสียงที่ดูคลุมเครือแบบนั้นอีก ใบหน้าของเธอยิ่งแดงก่ำมากขึ้นกว่าเดิม และหัวใจของเธอก็เต้นแรงจนไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย

“ฉัน…ฉันไปอาบน้ำก่อน……”

ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบผลักชายหนุ่มออกไป และหันหลังเพื่อที่จะหนี แต่แล้วทันใดนั้น เผยลี่เชินก็เอื้อมมือออกมา และคว้าตัวเธอกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง เขากอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง และกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูของเธอว่า “เสว่เอ๋อร์ ผมรู้สึกว่ายิ่งนานวันเข้า คุณก็ยิ่งซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ หรือว่าผมตาฝาดไปแล้วเนี่ย”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ทั้งโกรธทั้งยิ้มในเวลาเดียวกัน การที่เธออยู่เคียงข้างเขาและได้รับอิทธิพลมาจากเขานานขนาดนั้น จะให้เป็นคนที่เรียบง่ายและไม่ซับซ้อนได้ยังไงกันล่ะ!

“เมื่อเทียบกับคุณแล้ว ฉันก็แค่ลูกศิษย์ตัวน้อยที่กำลังต่อกรกับปรมาจารย์ผู้เก่งกาจต่างหากล่ะคะ”

ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดอยู่นั้น เธอก็ดึงมือของเขาออกไปอีกครั้ง และรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

เมื่อเผยลี่เชินเห็นร่างเล็กๆ ของหญิงสาวรีบวิ่งหนีและหายตัวเข้าไปในห้องน้ำแล้ว เขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก

รอให้ช่วงเวลานี้ผ่านไปเสียก่อน และเมื่อเขาจัดการกับโครงการก่อสร้างทางวิศวกรรมที่กำลังรับผิดชอบอยู่เรียบร้อยแล้ว จากนั้น ก็ถึงเวลาที่ทั้งเขาและเธอจะต้องมานั่งลงเปิดอกพูดคุยกันถึงเหตุการณ์ครั้งสำคัญของชีวิตเสียที

เช้าวันรุ่งขึ้น มีการจัดการการประชุมระดับสูงขึ้น เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์กลับไปยังห้องทำงานและเรียบเรียงบันทึกการประชุมเรียบร้อยแล้ว เธอส่งเนื้อหาทั้งหมดไปที่อีเมลของเผยลี่เชิน เมื่อทำงานทั้งหมดเสร็จเรียบร้อย เธอก็นำตารางนัดหมายไปที่ห้องทำงานของเผยลี่เชิน เพื่อเตือนเขาถึงการนัดหมายที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต

“ท่านประธานคะ คุณต้องเข้าร่วมประชุมในอีก 30 นาทีต่อจากนี้ เป็นการประชุมเจรจาร่วมธุรกิจขั้นสุดท้ายกับทางอสังหาริมทรัพย์หลินวู่ ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของเราค่ะ”

“ครับ ผมทราบแล้วครับ”

อสังหาริมทรัพย์หลินวู่เป็นบริษัทของลู่เหยา ซึ่งเป็นรุ่นพี่ของมหาวิทยาลัยที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เรียนจบมา กลุ่มบริษัทลู่ซื่อของตระกูลของเขาตั้งอยู่ที่เขตใกล้เคียง และได้รับการพัฒนาบริหารเป็นอย่างดี อสังหาริมทรัพย์หลินวู่เป็นบริษัทย่อยของทางตระกูลที่มาขยายกิจการและตั้งอยู่ที่เขตไห่เฉิง มีผู้ให้การสนับสนุนที่แข็งแกร่งคอยประคับประคองอยู่ ทำให้เขาไม่อาจที่จะประเมินความสามารถของอสังหาริมทรัพย์หลินวู่ต่ำเกินไปได้

เผยลี่เชินเอ่ยปากพูดออกไปว่า “การร่วมมือกันระหว่างบริษัทของเรากับทางบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลินวู่เกือบจะได้ข้อสรุปทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ยังเหลือรายละเอียดอีกเล็กน้อยที่ต้องสรุปกันให้จบ เมื่อถึงเวลานั้นเราจะประมูลโครงการทางวิศวกรรมของรัฐวิสาหกิจ เราจะร่วมมือกับบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลินวู่ในการคิดเรื่องแผนการให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นก็เข้าร่วมการประมูล แต่ว่าตอนนี้มีปัญหาอยู่ข้อหนึ่ง….”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากถามกลับไปว่า “ปัญหาอะไรคะ”

“ทางเราจำเป็นจะต้องแต่งตั้งบุคคลให้มารับผิดชอบในการติดต่อสื่อสารกับทางบริษัทนั้น ต้องทำครอบคลุมไปถึงทุกด้านที่อาจเกิดขึ้นทั้งในส่วนของการประสานงานและการติดต่อสื่อสาร แต่ว่าตำแหน่งหน้าที่นี้ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นตัวแทนของบริษัททั้งหมด คุณเองก็เข้าใจดี การร่วมมือกันของพวกเราไม่ได้แปลว่าเราจะชนะการประมูลโครงการของรัฐวิสาหกิจครั้งนี้ได้ และยิ่งเผยอี้ก็เป็นคนที่มีปฏิกิริยาที่ไวกับเรื่องพวกนี้มาก เพราะฉะนั้นการเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้นั้นค่อนข้างยากมากทีเดียว”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจเป็นอย่างดี ครั้งนี้ทั้งเผยลี่เชินและเผยอี้ต่างตามหาบริษัทอื่นเพื่อมาร่วมงานเป็นหุ้นส่วน ซึ่งไม่ใช่ในฐานะหุ้นส่วนของบริษัท แต่เป็นในฐานะหุ้นส่วนของพวกเขาแต่ละคน ดังนั้น เรื่องราวในครั้งนี้กับการทำงานก่อนหน้านี้ที่ผ่านมานั้นไม่เหมือนกันเสียทีเดียว

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และแล้วเธอก็เลือกที่จะเสนอตัวเอง “ให้ฉันทำเถอะค่ะ หนึ่ง ฉันเป็นเลขาของคุณ ฉันสามารถเป็นตัวแทนให้คุณได้อย่างแน่นอน สอง ฉันกับรุ่นพี่ลู่ต่างคุ้นเคยกันดี ทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันสะดวกมากขึ้นด้วยค่ะ”

เผยลี่เชินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายเขาก็พยักหน้าตอบรับ “ตกลง จะให้คนอื่นมาทำหน้าที่นี้ ผมเองก็กังวล ถ้าอย่างนั้นผมให้คุณทำหน้าที่นี้ก็แล้วกัน”

“ตกลงค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า

เมื่อเดินออกมาจากห้องทำงาน ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ได้ยินเสี่ยวจางและเสี่ยวหลิวกำลังคุยอะไรกันบางอย่างที่บริเวณด้านหน้าของแผนกต้อนรับ

“ใครจะไปรู้ล่ะ แต่ฉันว่าภาพพวกนั้นดูไม่เหมือนถูกตัดต่อมาเท่าไรนะ…”

“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน อีกอย่างภาพถ่ายตั้งเยอะขนาดนั้น จะให้ทุกรูปถูกตัดต่อทั้งหมดก็คงไม่ไหวมั้ง เดิมทีฉันก็ว่าจินจิงจิงโตมาก็สวยใช้ได้ทีเดียว แต่เมื่อเรื่องนี้ถูกเปิดโปงออกมาก็รู้สึกไม่ค่อยประทับใจเท่าไรแล้วสิ!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับเดินเข้าไปถามพวกเธอว่า “พวกเธอสองคนคุยอะไรกันอยู่เหรอ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท