ตอนที่ 253 ฉันเขินมากเลย
แก้มทั้งสองของไป๋เสว่เอ๋อร์แดงก่ำด้วยสีสันของเลือดที่ไหลเวียนขึ้นมาที่ใบหน้า เธอแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่ชายหนุ่มพูดเลยสักนิดเดียว เธอไม่สบตาเขา และนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกไป
เมื่อเผยลี่เชินมองดูหญิงสาวที่เพิ่งถูกเขาพูดจาสองแง่สองง่ามใส่ เธอไม่ยอมโต้ตอบหรือพูดอะไรใดๆ กลับมา ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมาที่มุมปากทันที
หลังจากที่ชุดราตรีทั้งหมดถูกบรรจุลงกล่องของขวัญเรียบร้อยแล้ว พนักงานของร้านจำนวนหนึ่งต่างก็ช่วยกันถือกล่องของขวัญเต็มสองมือ และเดินตามเผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อร์ลงไปที่ชั้นล่างของอาคาร และนำกล่องของขวัญทั้งหมดใส่เข้าที่บริเวณด้านหลังรถจนเต็ม
เผยลี่เชินบอกให้คนขับรถออกรถได้ ทันทีที่รถสตาร์ทและเริ่มเคลื่อนตัวออกไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือออกมาและดึงตัวไป๋เสว่เอ๋อร์เข้ามาใกล้ๆ เขาอย่างเบามือ “ผมคิดว่าชุดนั้นต้องเหมาะกับคุณมากแน่นอน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง “ชุดไหนคะ”
เผยลี่เชินหัวเราะเบาะๆ จากนั้น เขาก็กระซิบบอกเธอออกไปว่า “ก็ชุดที่คุณเพิ่งเปิดดูในกล่องเมื่อกี้ไง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของเธอที่กลับมาเย็นเรียบแล้ว ก็กลับแดงเรื่อและร้อนขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เธอเขินจนตัวม้วน พร้อมกับขมวดคิ้ว และพูดว่า “คุณนี่……”
เผยลี่เชินยิ้มเบาๆ “ทำไมเหรอ”
ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็อาศัยจังหวะนั้นคว้าตัวไป๋เสว่เอ๋อร์เข้ามาอยู่ในอ้อมกอดของเขา
ใบหน้าอันเรียวเล็กของไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปซุกอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่มพอดี เธอไม่เงยหน้าขึ้นและยังคงซุกตัวอยู่เช่นนั้น “ฉันเขินมากเลยค่ะ……”
เผยลี่เชินหัวเราะเบาๆ เขาก้มศีรษะลงและกระซิบที่ข้างหูของเธอ พร้อมกับพูดทีเล่นทีจริงว่า “ถ้าอย่างนั้น พวกเราถึงบ้านและปิดประตูห้องแล้ว ค่อยมาว่ากันก็แล้วกัน”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินดังนั้น เธอยังคงนิ่งและซุกตัวของเธอไว้ในอ้อมกอดของชายหนุ่มเช่นเดิม ใบหน้าของหญิงสาวแนบชิดอยู่ที่หน้าอกของชายหนุ่มและไม่มีวี่แววว่าจะถอยห่างออกไปเลยแม้แต่สักนิดเดียว
ในตอนนั้นเอง ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของเผยลี่เชินก็สั่นครืดขึ้นมา เขาอาศัยจังหวะนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง และมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์ พร้อมกับยกมือขึ้นมาเพื่อที่จะกดรับสายที่กำลังโทรเข้ามา
“มีอะไรเหรอครับ พ่อ”
เมื่อได้ยินเขาพูดคำว่า “พ่อ” ออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ชะงักไปอยู่หนึ่ง และรีบยันตัวขึ้นมานั่งตัวตรงทันที
ไม่รู้ว่าทางฝั่งของคุณพ่อเผยพูดอะไรกับเขา จู่ๆ สีหน้าของเผยลี่เชินก็ดูจริงจังเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที จากนั้นไม่นาน เขาก็พูดออกไปด้วยเสียงเข้มว่า “ครับ ผมทราบแล้ว ผมจะจัดการเองครับ”
เมื่อเขาพูดจบ เขาก็กดวางสาย และเก็บโทรศัพท์มือถือของเขา
ไป๋เสว่เอ๋อร์รับรู้ได้ว่าบรรยากาศรอบตัวของชายหนุ่มนั้นดูกดดันและเคร่งเครียดมากขึ้นทีเดียว เธอขยับริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนที่จะเอ่ยปากถามเขาอย่างลังเลว่า “มีอะไรเหรอคะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นเหรอ”
“เปล่า ไม่มีอะไร” สีหน้าของเผยลี่เชินดูเย็นชาขึ้นมาก “เกี่ยวกับโครงการทางวิศวกรรมของรัฐวิสาหกิจน่ะ พ่อของผมท่านได้ข่าวเล็กๆ น้อยๆ มาว่าในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะไม่ได้มีแค่โครงการนี้โครงการเดียว เพราะฉะนั้นท่านอยากให้ผมคิดหาวิธีที่จะชนะโครงการนี้มาให้ได้ และได้เริ่มต้นทำงานร่วมกับพวกเขา”
ภายในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ดีว่ามาตรฐานของโครงการทางวิศวกรรมของรัฐวิสาหกิจหรือรัฐบาลประเภทนี้ ถึงแม้ว่าจะมีข้อกำหนดที่เข้มงวด แต่ก็สามารถสร้างกำไรให้ได้ไม่น้อยทีเดียว การที่ได้มีโอกาสร่วมงานกับทางรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นการโฆษณาชื่อเสียงของบริษัทอย่างเป็นรูปธรรมออกไป ถ้าหากประสบความสำเร็จได้ร่วมงานกันแล้วหนึ่งครั้ง ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลกับโครงการที่จะเกิดขึ้นในอนาคตตามมาแน่นอน
และนี่คือเหตุผลที่ทำไมการประมูลโครงการทางวิศวกรรมของรัฐบาลในครั้งนี้ถึงได้มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือดขนาดนี้
สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์จริงจังขึ้นเล็กน้อย ครู่ต่อมา เธอก็เอ่ยปากพูดออกมาเบาๆ ว่า “พรุ่งนี้ตอนเช้า ฉันต้องไปที่อสังหาริมทรัพย์หลินวู่ เพื่อพบกับผู้รับผิดชอบโครงการนี้ของทางฝั่งนั้น ถ้าเกิดเป็นไปได้ล่ะก็ ฉันอยากจะรีบตั้งทีมวางแผนขนาดย่อม เพื่อวางแผนและพัฒนาร่างข้อเสนอขึ้นมาค่ะ”
เผยลี่เชินพยักหน้า “ดีครับ พรุ่งนี้คุณไปที่นั่นเถอะ ผมยังมีโครงการอื่นๆ ที่ยังต้องจัดการอยู่อีก ผมจะให้โจ๋วฝันไปกับคุณ”
“โจ๋วฝันเหรอคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง “ทำไมต้องให้เขาไปด้วยล่ะคะ”
“ช่วงนี้คุณต้องวิ่งไปวิ่งมาระหว่างสองบริษัทเพื่อดำเนินงานเกี่ยวกับโครงการนี้อยู่บ่อยครั้ง ผมจะให้โจ๋วฝันไปเป็นเพื่อนคุณ คอยสนับสนุนดูแลคุณ ขับรถให้คุณ แบบนี้แล้ว คุณจะได้สะดวกขึ้นกว่าเดิม”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เข้าใจในทันที และการที่มีโจ๋วฝันไปเป็นเพื่อนนั้น ก็คงจะทำให้เธอไม่รู้สึกต้องเบื่อหน่ายมากเสียเท่าไร เธอจึงตกปากรับคำเขากลับไป “ได้ค่ะ”
นึกไม่ถึงว่า “ผู้ติดตามตัวน้อย” อย่างโจ๋วฝันจะขยันทำงานมากกว่าที่เธอคิด เผยลี่เชินเพิ่งจะมอบหมายให้เขาไปช่วยไป๋เสว่เอ๋อร์เมื่อวานเย็นนี้เอง พอเช้าตรู่วันต่อมา เขาก็ขับรถยนต์ของบริษัทมารับเธอถึงที่คฤหาสน์เสียแล้ว
ขณะที่ชายหนุ่มกำลังมองโจ๋วฝันที่นั่งอยู่ข้างๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับกินอาหารอย่างสำราญจนความรู้สึกนั้นทะลุออกมาผ่านใบหน้าของเขาอย่างชัดเจน เผยลี่เชินก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นมา
เขาถามออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันคิดว่าสาเหตุที่นายรีบมาที่นี่ตั้งแต่เช้าตรู่ ก็เพื่อมากินข้าวเช้าใช่ไหม”
ทันทีที่โจ๋วฝันยัดซาลาเปาหนึ่งลูกเข้าไปในปากเรียบร้อย เผยลี่เชินก็พูดออกมาเช่นนั้นพอดี เขาจึงเงยหน้าขึ้น และมองไปที่เผยลี่เชิน เขานิ่งเงียบไม่พูดอะไรออกไป เห็นได้ชัดว่าสีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย
ทันใดนั้น โจ๋วฝันก็รู้สึกสับสันทำตัวไม่ถูกขึ้นมา นัยน์ตาสีดำทั้งสองข้างของเขาแอบเหลือบมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาใช้ดวงตาทั้งสองข้างนั้นพยายามส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากหญิงสาวอย่างเงียบๆ
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์สังเกตเห็นถึงท่าทีของโจ๋วฝัน เธอก็พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้ เธอมองไปที่เผยเชินพร้อมกับหัวเราะขึ้นมาและพูดว่า “อย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะค่ะ คุณชอบฟังวิทยุระหว่างนั่งรถใช่ไหมล่ะคะ การที่หนุ่มน้อยโจ๋วฝันคนนี้มารับฉันที่บ้าน ฉันก็จะได้ไม่รบกวนคุณยังไงล่ะคะ”
โจ๋วฝันรีบพยักหน้าเออออในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มและพูดต่อไปอีกว่า “อีกอย่าง ทุกครั้งป้าจางเองก็จัดอาหารเช้าให้เราเต็มโต๊ะไปหมดเสมอ การที่เราได้หนุ่มน้อยโจ๋วฝันคนนี้มาช่วยพวกเราทาน ก็จะทำให้อาหารเช้าพวกนี้ไม่เสียของแล้ว ดีจะตายไปค่ะ”
โจ๋วฝันพยักหน้าเออออตามอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เผยลี่เชินเก็บความโกรธที่ปะทุขึ้นมาเอาไว้ภายในหัวใจ ไม่บ่อยนักที่เขากับไป๋เสว่เอ๋อร์จะได้ใช้เวลาทานอาหารเช้าร่วมกันอย่างเพลิดเพลิน แต่นึกไม่ถึงว่าทั้งหมดนี้จะถูกเด็กน้อยหัวทึ่มคนนี้เข้ามาขัดขวางเสียได้
เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ เผยลี่เชินก็ถือเอกสารข้อมูลทั้งหมดและเดินไปขึ้นรถในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ เปลี่ยนรองเท้าอยู่ที่ด้านหน้าประตูอย่างไม่รีบร้อน โจ๋วฝันที่ยืนอยู่ข้างๆ อึ้งไปครู่หนึ่ง เขาอดใจไม่ไหวจึงเอ่ยปากถามหญิงสาวออกไปว่า “พี่ครับ ท่านประธานไม่พอใจอะไรหรือเปล่าครับ ผมรู้สึกว่าเขาดูโกรธเล็กน้อย…”
“ไม่เป็นไรหรอก อย่าไปคิดมากเลย ขอแค่นายไม่ทำให้พี่สาวคนนี้โกรธ แค่นั้นก็พอแล้ว!”
ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์พลางยิ้มพลางยกมือขึ้นมาลูบหัวของโจ๋วฝัน จากนั้นเธอก็ก้าวเท้าเดินออกไปข้างนอก
เมื่อไปถึงที่บริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เข้าไปนำเอกสารข้อมูลทั้งหมดที่จัดเอาไว้เรียบร้อยแล้วออกมา จากนั้นเธอก็ออกจากบริษัทไป และสั่งให้โจ๋วฝันขับรถพาเธอไปยังบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลินวู่
โครงการก่อสร้างโครงการนี้คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในระยะเวลานี้ เธอได้จัดเตรียมข้อมูลทุกอย่างเอาไว้ล่วงหน้าในเบื้องต้น และจัดการสิ่งต่างๆ ที่จำเป็นเรียบร้อย พร้อมทั้งยังมีการตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นในขั้นตอนนี้ เพื่อเป็นการรับประกันว่าขอบเขตงานที่ตามมาในอนาคตนั้นจะสามารถดำเนินได้ตามปกตินั่นเอง
หลังจากที่นั่งรออยู่ในห้องประชุมได้ไม่นานนัก ก็มีใครบางคนเปิดประตูเข้ามา ผู้ช่วยคนหนึ่งก็เดินเข้ามาเสิร์ฟชาให้กับเธอ พร้อมกับพูดกับเธอเบาๆ ว่า “รอสักครู่นะคะ ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบโครงการนี้กำลังเดินทางมาค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หลังจากที่ผู้ช่วยคนนั้นเดินออกจากห้องไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เงยหน้าขึ้นและมองไปรอบๆ เพื่อสำรวจการตกแต่งของห้องประชุมห้องนี้ ที่นี่ถูกตกแต่งในสไตล์เรียบหรู มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สัมผัสได้ถึงความเอาใจใส่ และมีรสนิยมมากทีเดียว
“ขอโทษทีนะครับที่ให้พวกคุณรอเสียนานเลย”
เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาจากบริเวณประตูทางเข้า ไป๋เสว่เอ๋อร์อึ้งไปครู่หนึ่ง และรีบลุกขึ้นยืนในทันที เมื่อเธอได้เห็นหน้าของผู้ดูแลรับผิดชอบโครงการนี้แล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
“รุ่นพี่…ท่านประธานลู่” เมื่อเห็นว่าที่ด้านหลังของลู่เหยายังมีผู้ติดตามคนอื่นกำลังยืนอยู่ด้วย ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงรีบเปลี่ยนคำที่ใช้เรียกเขาในทันที
ลู่เหยายิ้มให้กับหญิงสาว และเอื้อมมือออกไปจับมือกับเธอด้วยตนเอง “สวัสดีครับ”
หลังจากที่ลู่เหยาพาผู้ติดตามที่ยืนอยู่ด้านหลังมาแนะนำให้รู้จักแล้ว เขาก็เชิญให้ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งลงเสีย
เมื่อทุกคนนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ส่งเอกสารที่นำมาด้วยให้กับลู่เหยาในทันที พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังว่า “ท่านประธานลู่คะ ดิฉันเป็นตัวแทนจากทางบริษัทเผยซื่อ ดิฉันมาที่นี่เพื่อมาพูดคุยเกี่ยวกับกระบวนการการทำงานที่แน่ชัดค่ะ พวกเราตัดสินใจที่จะจัดตั้งทีมวางแผนขนาดย่อมขึ้นมา เพื่อให้พนักงานจากทั้งสองบริษัทได้เข้ามามีส่วนร่วมในการดำเนินโครงการและวางแผนจัดทำแผนความเป็นไปได้ขึ้น เนื่องจากพนักงานของแต่ละบริษัทต่างคุ้นเคยดีกับสถานการณ์และเงื่อนไขของบริษัทตนเอง ซึ่งจะทำให้พวกเราทั้งสองฝ่ายปรับลดความไม่จำเป็นลงไป และทำให้งานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นค่ะ”
ลู่เหยาพยักหน้า พร้อมกับพูดอย่างสุภาพว่า “ครับ ทางเราเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ผมเลยพาหัวหน้าหลิว หัวหน้าแผนกการวางแผนของทางบริษัทมาที่นี่เป็นกรณีพิเศษ เพื่อให้พวกเราสามารถพูดคุยรายละเอียดร่วมกันได้โดยเฉพาะครับ……”
การเจรจาทางธุรกิจตลอดช่วงเช้านั้นประสบความสำเร็จอย่างมาก หลังจากพูดคุยเจรจากันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ลู่เหยาก็รับนัดแนะทั้งเวลาและสถานที่สำหรับการติดต่อสื่อสารของทีมวางแผนในทันที ทุกอย่างนั้นก็เหลือแต่รอให้เผยลี่เชินยอมตกลงเห็นด้วยเท่านั้น
หัวหน้าแผนกการวางแผนจึงพาโจ๋วฝันไปถ่ายเอกสารฉบับล่าสุดที่ได้พูดคุยตกลงกันเรียบร้อยแล้ว หลังจากพวกเขาทั้งสองคนออกไปนั้น ห้องประชุมก็เหลือเพียงแต่ลู่เหยาและไป๋เสว่เอ๋อร์สองคน
ลู่เหยาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชื่นชมหญิงสาวว่า “เสว่เอ๋อร์ พี่คาดไม่ถึงเลยนะว่าตอนนี้เธอจะมีความสามารถมากถึงขนาดนี้ การพูดของเธอในวันนี้ทำให้พี่รู้สึกประหลาดใจมากเลยล่ะ ทั้งการคิดที่ตระเตรียมมาอย่างรอบคอบ และเป็นลำดับชัดเจนอย่างมาก เธอโตขึ้นมากเลยทีเดียว ไม่เหมือนเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ในมหาวิทยาลัยเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไปแล้ว”