สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 260

ตอนที่ 260

ตอนที่ 260 เธอเป็นภาระของเขาใช่ไหม

เผยลี่เชินขมวดคิ้ว และปฏิเสธออกมาด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “เปล่าสักหน่อย ทำไมผมจะต้องหึงเขาด้วย”

เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีทีท่าปฏิเสธไม่ยอมรับ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยิ้มกว้างและได้แต่เออออตามที่ชายหนุ่มพูด “ไม่หึงก็ไม่หึงค่ะ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว พวกเราไปกินข้าวกันดีกว่านะ!”

จะว่าไปแล้ว ผู้ชายที่หึงแล้วแต่กลับปากแข็งไม่ยอมรับว่าหึงนี่ มันช่างน่ารักเหลือเกิน

เมื่อพวกเขาทานอาหารกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เผยลี่เชินก็อารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์ควงแขนของชายหนุ่ม พร้อมกับเดินออกมาจากร้านอาหาร เมื่อเธอเหลือบไปเห็นร้านขายของเล็กๆ ของชายคนหนึ่ง เธอก็ดึงแขนของเผยลี่เชิน และถามออกไปอย่างแผ่วเบาว่า “อยากช้อปปิ้งหน่อยไหมคะ”

เผยลี่เชินขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ค่อยเต็มใจเสียเท่าไร แต่เมื่อเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังของหญิงสาวเข้า ในที่สุด เขาก็พยักหน้าและตอบตกลง

ไป๋เสว่เอ๋อร์อารมณ์ดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน บาดแผลของเธอก็ไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดมากนัก เธอจึงลากเผยลี่เชินไปที่ร้านค้าที่ตั้งอยู่ข้างๆ ในทันที

ร้านค้าร้านนี้มีรูปแบบที่เน้นไปทางธุรกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งเหมาะสมกับนักธรุกิจชั้นนำอย่างเผยลี่เชินเป็นอย่างดี เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปรอบๆ และเลือกเสื้อเชิ้ตและเสื้อคลุมตัวนอกมาได้แล้วหลายตัวแล้ว เธอก็ถือมันกลับไปให้เผยลี่เชินเพื่อให้เขาลองสวมใส่ดูที่ห้องลองชุด

เมื่อเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งเสื้อผ้ามาให้เขาจำนวนไม่น้อย เผยลี่เชินก็เอ่ยปากถามเธอกลับไปด้วยความประหลาดใจว่า “ต้องลองหมดนี่เลยเหรอ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มพลางพยักหน้าให้กับเขา “ฉันไปเดินดูรอบๆ มาค่ะ และคิดว่าชุดพวกนี้เข้ากับคุณมากๆ เลย คุณไม่อยากลองใส่ดูหน่อยเหรอคะ”

เมื่อเห็นดวงตากลมโตของหญิงสาวทั้งสองข้าง เผยลี่เชินก็ยากที่จะปฏิเสธได้ เขาทำได้เพียงรับเสื้อผ้าทั้งหมดไป พร้อมกับหันหลังและเดินไปยังห้องลองชุด

เมื่อเผยลี่เชินเดินจากไป พนักงานขายที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็รีบเข้ามาเอ่ยปากชื่นชมในทันทีว่า “คุณคะ แฟนของคุณหล่อมากเลยค่ะ ทั้งยังเชื่อฟังแล้วก็เป็นไม้แขวนเสื้อเดินได้คอยช่วยถือของให้เราด้วย!”

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้ดีอยู่เต็มอกว่าพนักงานขายของที่อยู่หน้าร้านนั้นเก่งในการชื่นชมลูกค้าเป็นที่สุด แต่ถึงเธอจะรู้อย่างนั้น เธอก็ยังดีใจและมีความสุขอย่างมาก เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นอยู่ดี

เมื่อเธอหันกลับมา และเห็นเสื้อเชิ้ตตัวหนึ่งที่สวยเตะตาวางอยู่บนแผงหน้าร้านข้างๆ เธอ ทันทีที่เธอเดินไปที่หน้าร้านนั้น เธอก็ได้ยินเสียงแหลมสูงของผู้หญิงดังขึ้นมาจากข้างตัวเธอ “กำลังนึกอยู่ว่าใคร ที่แท้ก็คุณไป๋นี่เอง ไม่เจอกันเสียนานเลยนะคะ”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้น เธอก็มองเห็นเหอหย่าหานที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักจากเธอ เธอนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็มองไปที่เหอหย่าหานและยิ้มให้กับหญิงสาวผู้นั้น “ไม่เจอกันนานอย่างที่ว่าจริงๆ ค่ะ สวัสดีค่ะ คุณเหอ”

เหอหย่าหานเงยหน้าและมองไปที่ด้านหลังของเธอ เมื่อเธอมองไม่เห็นเงาของคนที่เธออยากเจอ เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเล็กน้อย

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มเบาๆ และเอ่ยปากถามออกไปเบาๆ ว่า “คุณเหอมาเดินที่ร้านขายสินค้าสำหรับผู้ชายคนเดียวเหรอคะ หรือว่าคุณเหอจะมีแฟนแล้วคะเนี่ย”

“จะมีหรือไม่มีแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเธอด้วย” ความเย็นชาปรากฏขึ้นภายในดวงตาของเหอหย่าหานเล็กน้อย “แต่ว่าคุณนี่สิ คอยแต่จะหาเรื่องให้เผยลี่เชินต้องวุ่นวายซ้ำแล้วซ้ำเล่า คุณรู้ไหมคะ ว่าเป็นเพราะคุณ เผยลี่เชินเลยต้องถูกผู้ถือหุ้นบริษัทหลายคนคัดค้านไม่เห็นด้วย ฉันล่ะไม่เข้าใจจริงๆ เลยว่าเขาเห็นอะไรในตัวของคุณกัน”

หลังจากที่หญิงสาวพูดประโยคที่เสียดแทงใจเหล่านี้ออกมา เหอหย่าหานก็เดินก้าวเข้ามาหาเธอ และเมื่อเธอเข้ามายืนที่ข้างๆ ไป๋เสว่เอ๋อร์ เหอหย่าหานก็ใช้ไหล่ของเธอกระแทกไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าให้อย่างรุนแรง

ไหล่ของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเจ็บขึ้นมา และแม้แต่แผลที่บริเวณหน้าอกก็เจ็บขึ้นมาด้วยเช่นกัน เธอหันหลังกลับไป และยืนมองร่างสูงโปร่งของเหอหย่าหานกำลังเดินจากไป เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผลทำให้เธอขมวดคิ้วขึ้นมา และทำให้เธอไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้เลย

เหอหย่าหานเมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นคือคุณหนูจากตระกูลที่เพียบพร้อมและร่ำรวย แต่กลับคาดไม่ถึงว่าเมื่อเธออยู่ลับหลังคนอื่นนั้น เธอก็ไร้หัวใจอย่างสิ้นเชิง ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอนสายตากลับมา และเหลือบไปเห็นเผยลี่เชินเดินออกมาจากห้องลองชุดพอดี เธอจึงรีบคลายคิ้วที่ขมวดกันแน่น และทำหน้าให้กลับไปเป็นเหมือนเดิมในทันที

ถึงแม้เธอจะพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่เผยลี่เชินก็ยังมองออกว่าสีหน้าของเธอมีบางอย่างที่ผิดแผกไป เขาจึงเอ่ยปากถามออกไปเบาๆ ว่า “เป็นอะไรไปน่ะ”

“ไม่มีอะไรค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้กับเขา และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันที “คุณสวมชุดนี้แล้วดูหล่อทีเดียวนะคะ”

เพราะความเจ็บปวดจากบาดแผล ทำให้ความอยากเดินเล่นของไป๋เสว่เอ๋อร์ลดลงมากทีเดียว เมื่อต้องเผชิญกับการถามย้ำซ้ำไปซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่าของเผยลี่เชิน เธอจึงตอบกลับไปอย่างแผ่วเบาว่า “แค่ง่วงนิดหน่อยเองค่ะ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว พวกเรากลับบริษัทกันเถอะค่ะ”

เผยลี่เชินตอบตกลง จากนั้นก็พาหญิงสาวออกไปจากห้างสรรพสินค้าในทันที

ระหว่างทางกลับไปยังบริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์คิดกลับไปกลับมาถึงคำพูดทั้งหมดของเหอหย่าหาน

เธอจับมืออันใหญ่โตของชายหนุ่มอย่างเบามือ และพิงเข้าไปที่บ่าของเขา จากนั้นเธอก็หลับตาลง

หรือว่าสำหรับเผยลี่เชินแล้ว เธอเป็นภาระของเขาจริงๆ ใช่ไหม

จากนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นอนหลับไปโดยไม่รู้ตัว

เมื่อรถยนต์เคลื่อนมาถึงหน้าประตูบริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตื่นขึ้นมา เมื่อกลับมาถึงยังห้องทำงานของเธอ เธอก็เห็นภาระงานที่กำลังกองพะเนินอยู่บนโต๊ะของเธอ เธอรีบตั้งสติในทันที และเริ่มลงมือจัดการกับภาระงานทั้งหมด

ถึงแม้หญิงสาวจะทำงานตลอดทั้งช่วงบ่ายวันนั้น และทำล่วงเวลาต่อไปอีกสองชั่วโมง ภาระงานที่อยู่ในมือของเธอก็ยังคงเหลืออยู่เต็มไปหมด

ดูเหมือนว่าคงทำได้แต่รอให้สวี่เยว่หรูมาทำงานในวันพรุ่งนี้ และช่วยกันจัดการกองงานพะเนินเหล่านี้ภายในพรุ่งนี้แทน

วันต่อมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำงานตัวเป็นเกลียวตลอดทั้งช่วงเช้า เมื่อเธอพอจะมีเวลาบ้าง เธอก็หยุดพักและดื่มน้ำสักครู่ จากนั้นก็มีหัวหน้าฝ่ายการเงินก็โทรศัพท์มาหาเธอ “เลขาไป๋คะ คุณได้ส่งเอกสารงบการเงินของทางฝ่ายเราให้ท่านประธานตรวจสอบดูหรือยังคะ มีเพื่อนร่วมงานของเราบางคนต้องออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ เลยมีความจำเป็นที่จะต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วนค่ะ ถ้าเกิดยังไม่ได้รับอนุมัติจากเบื้องบนล่ะก็ ทางเราเองก็ไม่สามารถอนุมัติต่อไปได้ค่ะ”

“รอสักครู่นะคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกมือขึ้นและหันหากองเอกสารที่ตั้งอยู่ข้างตัว พร้อมกับพลิกหาดูหนึ่งรอบ แต่เธอกลับหาเอกสารงบการเงินที่ว่านั้นไม่เจอ เธอชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าเอกสารงบการเงินนั้นอยู่ที่สวี่เยว่หรู เธอจะต้องทำรายงานสรุปงบการเงินและตรวจสอบให้เรียบร้อย ก่อนที่จะสามารถส่งต่อไปให้เผยลี่เชินตรวจสอบดูอีกที

“เอกสารอยู่ที่เลขาสวี่ค่ะ รอสักครู่นะคะ เดี๋ยวฉันจะไปเร่งทางนั้นให้ค่ะ ใช้เวลาไม่นาน เอกสารชิ้นนั้นก็จะได้รับการอนุมัติแล้วค่ะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น หัวหน้าฝ่ายการเงินก็โล่งใจอย่างมาก “โอเคค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”

เมื่อวางสายเรียบร้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ลุกขึ้นยืน และเดินไปยังห้องทำงานของสวี่เยว่หรูที่ตั้งอยู่ด้านข้าง เมื่อเธอเงื้อมือเคาะประตูห้อง กลับไม่มีใครตอบเธอกลับมา เธอจึงถือโอกาสผลักประตูเข้าไป และเธอก็เห็นว่าภายในห้องทำงานนั้นไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว

ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว จากนั้นเธอก็เดินออกมาจากห้องทำงานของสวี่เยว่หรู ระหว่างทางที่เธอกำลังเดินไปยังบริเวณห้องน้ำชา เมื่อเธอเดินมาถึงบริเวณหน้าห้องแล้ว เธอก็ได้ยินเสียงของคนพูดคุยกันดังขึ้นมาอย่างที่เธอคาดไว้ไม่มีผิด

“พี่เยว่หรู เสื้อโค้ทของพี่ตัวนี้สวยมากเลยค่ะ ราคาจะต้องแพงเอาเรื่องมากแน่เลยใช่ไหมคะ”

น้ำเสียงของสวี่เยว่หรูเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ และถามกลับไปว่า “ก็ของ Maxmara นี่ เธอว่าแพงไหมล่ะ”

เสี่ยวหลิวยังคงเอ่ยปากพูดต่อไปด้วยความประหลาดใจว่า “ขอหนูจับหน่อยได้ไหมคะ”

สวี่เยว่หรูยิ้ม “เอาสิ”

ทันใดนั้น ความโกรธจัดก็ปะทุขึ้นมาภายในก้นบึ้งหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอนึกไม่ถึงเลยว่า สวี่เยว่หรูไม่เพียงแต่จะไม่ยอมทำงานของตัวเองแล้ว แต่เธอกลับยังมาที่ห้องน้ำชาและแอบมานั่งพูดคุยซุบซิบแบบนี้ด้วย

เมื่อเธอเดินเข้าไปยืนอยู่ที่บริเวณหน้าประตู เธอก็เงื้อมือขึ้นและเคาะประตู “เลขาสวี่คะ คุณตรวจสอบเอกสารงบการเงินของฝ่ายการเงินเสร็จหรือยังคะ เมื่อครู่นี้ทางหัวหน้าฝ่ายการเงินโทรมาเร่งแล้วค่ะ”

เมื่อเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ ใบหน้าของสวี่เยว่หรูก็เต็มไปด้วยความเย็นชาราวกับน้ำแข็ง “ฉันรู้แล้ว เดี๋ยวฉันทำเสร็จแล้วฉันจะส่งไปให้ทางนั้นเอง”

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าลึกๆ “แต่ว่าทางหัวหน้าฝ่ายการเงินรีบใช้มากนะคะ คุณกลับไปทำให้เสร็จตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ เดี๋ยวจะได้ส่งไปให้ท่านประธานเผยอนุมัติต่อได้เลย”

ความเงียบเข้าปกคลุมอยู่ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นสวี่เยว่หรูก็ถอนหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น พร้อมกับมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์และยิ้มท้าทายเธอ “คุณกำลังสั่งฉันอยู่เหรอคะ ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณรู้ตัวไหมคะว่าพวกเราสองคนทำงานอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน แล้วคุณมีคุณสมบัติอะไรถึงได้มาสั่งฉันแบบนั้นเหรอคะ หรือว่าคุณจะใช้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับเผยลี่เชิน เพื่อมาสั่งฉันกันแน่”

เมื่อหญิงสาวได้ยินสวี่เยว่หรูพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเผยลี่เชินขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “คุณพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ”

สวี่เยว่หรูเดินมาหยุดที่ด้านหน้าของเธอ และจ้องมองเธอด้วยความเย็นชา “ก็อย่างที่พูดไปนั่นแหล่ะค่ะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากพูดออกไปด้วยน้ำเสียงเข้มอย่างไม่รีบร้อนว่า “คุณลาป่วยไปหนึ่งวัน และนำภาระงานทั้งหมดกองทิ้งไว้แบบนั้น แต่พอวันนี้คุณกลับมาทำงานแล้ว นอกจากจะไม่ทำงานแล้ว ยังจะมาแอบคุยเล่นกันอยู่ที่นี่ด้วย เลขาสวี่คะ คุณคิดว่าอย่างนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอคะ”

เมื่อได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์พูดออกมาเช่นนี้แล้ว ใบหน้าของสวี่เยว่หรูก็เปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโมโหทันที “ฉันจะเป็นยังไง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องของคุณ!”

ทันทีที่เธอพูดจบ ก็มีเสียงเข้มของชายหนุ่มดังขึ้นมาจากบริเวณด้านข้างในทันที “แล้วถ้าเป็นผมล่ะครับ”

เมื่อเธอมองไปยังที่มาของเสียงนั้น เธอก็เห็นเผยลี่เชินกำลังยืนอยู่ที่ด้านนอกของห้องน้ำชาพอดี สวี่เยว่หรูถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง และหมดคำพูดไปในทันที

เผยลี่เชินเดินเข้าไปยังบริเวณห้องน้ำชา “ฝ่ายการเงินโทรศัพท์มาหาผมแล้วนะ แล้วคุณคิดว่าคุณจะส่งเอกสารงบการเงินนั่นให้ผมได้เมื่อไรกัน”

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท