ตอนที่ 257 คุณหนีไม่พ้นหรอก
เย่หรงชิวรู้สึกเสียหน้าขึ้นมาอย่างรุนแรง เธอทำได้เพียงก้มหน้าและเดินเงียบๆ ออกจากห้องไป
เมื่อเสียงประตูปิดดัง “ปัง” ขึ้น บรรยากาศภายในห้องก็กลับมาเงียบสงบขึ้นอีกครั้ง
คุณพ่อเผยกวักมือเรียกไป๋เสว่เอ๋อร์ น้ำเสียงของเขาเมื่อเทียบกับเมื่อครู่นี้แล้ว ฟังดูอ่อนโยนขึ้นมากทีเดียว “หนูไป๋ หนูรับนี่ไว้สิ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าและมองไปที่เผยลี่เชิน เมื่อเห็นว่าใบหน้าของเขาไม่มีสัญญาณคัดค้านอะไร เธอจึงเอื้อมมือออกไปและรับกล่องกำมะหยี่สีแดงใบนั้นจากคุณพ่อเผย
ไป๋เสว่เอ๋อร์เปิดกล่องกำมะหยี่สีแดงใบนั้นขึ้น และก็พบกับกำไลหยกที่แสนประณีตมันวาววางอยู่บนผ้าไหมกำมะหยี่สีแดง แค่เพียงแวบเดียว เธอก็สามารถแยกออกได้ในทันทีว่านี่คือกำไลหยกเหอเถียนชั้นดี
คุณพ่อเผยพูดอย่างแผ่วเบาว่า “นี่คือกำไลที่แม่ของลี่เชินเขาทิ้งไว้ให้พ่อตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ แม่บอกพ่อว่าเมื่อไรก็ตามที่พ่อได้พบกับผู้หญิงที่เหมาะสมกับลี่เชินแล้ว ก็ให้มอบกำไลวงนี้ให้กับเธอเสีย ในตอนนี้พ่อขอมอบกำไลวงนี้ให้กับหนู พ่อฝากหนูดูแลมันให้ดีก็แล้วกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้ว และปฏิเสธคุณพ่อเผยออกไปโดยอัตโนมัติ “คุณลุงคะ กำไลวงนี้มันราคาแพงเกินไป หนูรับมันเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ”
แม้แต่เผยลี่เชินเองก็คาดไม่ถึงว่าคุณพ่อเผยจะหยิบเอาของที่ระลึกถึงคุณแม่ของเขาตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ออกมา
เมื่อเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังปิดกล่องใบนั้นและส่งกลับมาให้เขา คุณพ่อเผยก็ไอออกมาหลายครั้ง “หนูไป๋ หนูไม่อยากใช้ชีวิตอยู่กับพวกเราตระกูลเผยอีกต่อไปแล้วอย่างนั้นหรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ เพียงแต่ว่าของขวัญชิ้นนี้มันมีค่ามากเกินไป ตอนนี้ พวกเราสองคนยังไม่เหมาะสมที่จะ……”
ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รีบลุกขึ้นยืนโดยอัตโนมัติในทันที เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรตอบกลับออกไปดี
เมื่อเผยลี่เชินที่ยืนอยู่ข้างๆ นั้นได้ยินหญิงสาวพูดเช่นนี้ ทันใดนั้น สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย
คุณพ่อเผยพูดออกมาอย่างมั่นใจว่า “หนูไม่ต้องกังวลไป พ่อดูคนไม่ผิดหรอก พ่ออยากให้หนูเป็นคนคอยดูแลกำไลวงนี้ในตอนนี้ ถ้าเกิดว่านภายภาคหน้าจะมีอะไรเปลี่ยนไปแล้วล่ะก็ เราค่อยมาว่ากัน แต่ว่าถ้าเกิดวันนี้หนูไม่รับมันเอาไว้แล้วล่ะก็ พ่อก็จะถือว่าหนูไม่อยากเข้ามาใช้ชีวิตอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันร่วมกับพวกเราตระกูลเผย”
เมื่อเห็นว่าคุณพ่อเผยไม่ได้มีท่าทีล้อเล่น หลังจากที่เธอลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ทำได้เพียงพยักหน้าตอบกลับไปเท่านั้น “ถ้าอย่างนั้น หนูก็จะขอรับกำไลวงนี้เอาไว้นะคะ ขอบคุณคุณลุงที่เชื่อมั่นในตัวหนูมากนะคะ”
เมื่อเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์รับกำไลวงนั้นไปแล้ว ใบหน้าของคุณพ่อเผยก็ปรากฏให้เห็นรอยยิ้มพิมพ์ใจขึ้นมา
จากนั้นไม่นาน คุณหมอจ้าวก็เดินเข้ามาเพื่อแนะนำคุณพ่อเผย “คุณเผย ได้เวลาพักผ่อนแล้วล่ะครับ ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องเร่งด่วนอะไรในตอนนี้ ก็ไว้ค่อยมาพูดคุยกันใหม่จะดีกว่านะครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงไม่อยากรบกวนคุณพ่อเผยอีกต่อไป เธอกับเผยลี่เชินจึงกล่าวคำลาคุณพ่อเผย และเดินทางออกจากคฤหาสน์ไป
ทันทีที่รถยนต์เคลื่อนเข้าสู่ถนนสายหลัก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หยิบกล่องของขวัญใบนั้นออกมามอบให้กับเผยลี่เชินที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอ “กล่องใบนี้ ฉันให้คุณค่ะ”
สายตาของเผยลี่เชินมองดูกล่องใบนั้นด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาอดไม่ได้ที่จะถามหญิงสาวกลับไปว่า “คุณไม่อยากรับมันเอาไว้เหรอ หรือว่าคุณไม่เคยคิดเรื่องอนาคตของเราสองคนมาก่อนเลยสักนิดเดียว”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ดูไม่ค่อยพอใจของชายหนุ่ม ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เข้าใจความรู้สึกของเขาดีและตอบเขากลับไปว่า “แต่นี่เป็นของที่ระลึกถึงแม่ของคุณ…ฉันคิดว่าให้คุณเป็นคนคอยดูแลมันจะดีกว่านะคะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น เผยลี่เชินก็ขมวดคิ้วแน่น และนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน
ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ เขามักจะคิดถึงอนาคตระหว่างเขากับไป๋เสว่เอ๋อร์เสมอ แต่ทว่าเมื่อได้เห็นทัศนคติของหญิงสาวที่แสดงออกไปต่อหน้าคุณพ่อเผย และปฏิกิริยาที่หญิงสาวเพิ่งตอบกลับมาเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยคิดถึงเรื่องอนาคตของพวกเขาสองคนเลยแม้แต่น้อย
ความรู้สึกกระวนกระวายใจก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของชายหนุ่ม เผยลี่เชินมองไปที่เจิงหง พร้อมกับสั่งเขาด้วยเสียงเข้มว่า “พากลับคฤหาสน์”
ตลอดระหว่างทางนั้น ทั้งสองคนต่างนั่งนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร บรรยากาศภายในรถนั้นเกิดอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ไป๋เสว่เอ๋อร์เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเผยลี่เชินถึงได้โกรธขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้
รถยนต์จอดสนิทอยูที่หน้าประตูใหญ่ของคฤหาสน์ เผยลี่เชินผลักประตูรถเปิดออก และรีบสาวเท้าเดินเข้าไปในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังจะลงจากรถ ทันใดนั้น เธอก็ถูกเจิงหงที่นั่งอยู่ในรถเรียกให้หยุด “คุณไป๋ครับ ผมไม่รู้ว่าผมควรจะบอกเรื่องนี้กับคุณดีไหม”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้น เธอก็เอ่ยปากพูดเบาๆ ว่า “คุณลุงหงคะ คุณลุงอยากพูดอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ”
“ผมได้มีโอกาสมารับใช้ท่านประธานเผยมานานหลายปีแล้ว ผมรู้ดีว่าเขาเป็นคนที่ดูเย็นชา แต่ภายในนั้นเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีมาก และบางครั้งก็เป็นคนที่แสดงความรู้สึกได้ไม่เก่งนัก เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ท่านประธานเผยเอ่ยปากถามผมว่าผมขอภรรยาของผมอย่างไรตอนที่ผมจะแต่งงาน เขาขอให้ผมช่วยเล่าประสบการณ์ในตอนนั้นให้ฟังหน่อย ผมเชื่อว่าผมคงไม่ต้องพูดอะไรมากกว่านี้ คุณเองก็คงจะเข้าใจดีว่าทำไมเขาถึงเอ่ยปากถามผมออกมาเช่นนั้นครับ……”
เมื่อได้ยินเจิงหงพูดเช่นนั้นแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็นิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมาเป็นเวลานาน และเมื่อนึกถึงบรรดาคำพูดที่ชายหนุ่มพูดกับเธอเมื่อสักครู่นี้ ทุกอย่างก็ดูชัดเจนขึ้นมาทีเดียว ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อเธอคืนกำไลวงนั้นกลับไปให้กับเขา เขาถึงได้โมโหขนาดนั้น
ความกลัวผสมกับความดีใจกลายเป็นความรู้สึกที่แสนซับซ้อนที่กำลังเกิดขึ้นภายในหัวใจของเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นและมองไปที่เจิงหง เธออดไม่ได้ที่จะขอบคุณเขากลับด้วยความรู้สึกตื้นตัน “คุณลงหง ขอบคุณคุณลุงมากนะคะที่เตือนสติหนู”
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็รีบผลักประตูและลงจากรถ พร้อมกับเดินเข้าไปภายในคฤหาสน์อย่างรวดเร็ว
เมื่อเข้าไปภายในคฤหาสน์แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็พบกับป้าจางที่มายืนรอต้อนรับเธออยู่ เธอจึงเอ่ยปากถามป้าจางไปว่า “ป้าจางคะ เผยลี่เชินล่ะคะ”
ป้าจางพูดกลับมาอย่างอ่อนโยนว่า “คุณผู้ชายพอกลับมาถึงก็ขึ้นไปยังข้างบนทันทีเลยค่ะ สีหน้าดูไม่ค่อยดีเท่าไร แถมยังถือไวน์นอกหนึ่งขวดขึ้นไปด้วยค่ะ เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้กับป้าจาง “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณป้าอย่ากังวลไปเลย หนูขึ้นไปดูเขาก่อนนะคะ”
เมื่อพูดจบ เธอก็เดินตรงขึ้นไปยังชั้นสองในทันที
เมื่อผลักประตูเปิดเข้าไปภายในห้องนอน เธอก็ได้ยินเสียงน้ำไหลรินดังออกมาจากบริเวณห้องน้ำ เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้าไปภายในห้องนอน เธอก็มองเห็นขวดไวน์และแก้วหนึ่งใบตั้งวางอยู่บนโต๊ะ
เธอยกมือขึ้น และนำไวน์นอกขวดนั้นเข้าไปวางซุกซ่อนไว้ในตู้เสื้อผ้า จากนั้น เธอก็เดินไปที่บริเวณห้องน้ำ และค่อยๆ ผลักประตูเข้าไปอย่างเบามือ
เผยลี่เชินกำลังนอนแช่ตัวอยู่ในอ่างอาบน้ำ พร้อมกับหลับตาราวกับว่าเขากำลังนอนหลับอยู่ ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ ย่องเดินผ่านเขาไปอย่างระมัดระวัง จากนั้น เธอก็ใช้มือของเธอค่อยๆ เช็ดฟองสบู่ที่ติดอยู่บนแก้มของชายหนุ่มออกไป
เมื่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เผยลี่เชินก็ลืมตาของเขา และใช้ดวงตาสีดำขลับของเขามองตรงไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ “คุณเข้ามาทำอะไรที่นี่”
“ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้คุณดูล้ากว่าปกติน่ะค่ะ ฉันก็เลยว่าจะเข้ามานวดให้คุณสักหน่อย” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มให้กับชายหนุ่ม จากนั้นเธอก็ดึงเก้าอี้ที่วางอยู่ข้างๆ มาหาตัวและนั่งลง พร้อมกับยกมือขึ้นและเริ่มบีบนวดบริเวณไหล่ของเผยลี่เชิน
มืออันเรียวเล็กทั้งสองข้างของเธอราวกับว่ามีเวทมนตร์อะไรบางอย่างแฝงอยู่ ทันทีที่เธอเริ่มสัมผัสตัวของเผยลี่เชิน ความรู้สึกโกรธของเขาที่เคยมีก็มลายหายไปในทันที คำพูดที่อยากจะปฏิเสธหญิงสาวของชายหนุ่มเอ่อล้นขึ้นมาภายในหัวใจ แต่สุดท้ายแล้ว เขาก็กลับไม่ได้พูดอะไรออกไปสักนิดเดียว
ไหล่ของชายหนุ่มนั้นทั้งแน่นและแข็งแรง หลังจากบีบนวดให้กับเขาไม่กี่ครั้ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกว่านิ้วมือของเธอเริ่มอ่อนแรงและเจ็บปวดขึ้นมา แม้แต่แขนของเธอก็เริ่มที่จะไม่มีแรงขึ้นมาแล้วเช่นกัน
เธอวางมือจากการนวด จากนั้นก็โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย พร้อมกับกระซิบเบาๆ ว่า “ฉันขอพักก่อนนะ”
ทันทีที่เธอโน้มตัวไปข้างหน้า เผยลี่เชินก็สัมผัสได้ถึงลมหายใจที่อบอุ่นของหญิงสาวที่กำลังรดต้นคอของเขาได้ในทันที ทันใดนั้น บริเวณลำคอของเขาก็รู้สึกจั๊กจี้เล็กน้อย และทั่วทั้งร่างก็พลันรู้สึกชาขึ้นมา
หลังจากนั้น เขาก็ได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์กระซิบที่ข้างหูของเขาต่อไปว่า “ความจริงแล้ว ฉันรู้ค่ะว่าคุณหมายถึงอะไร”
ขณะที่เขายังไม่ทันได้ยันตัวขึ้นนั้น ที่ข้างหูของเขาก็มีเสียงกระซิบของหญิงสาวดังขึ้นมาอีกครั้ง “ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งค่ะว่าพวกเราสองคนจะมีโอกาสได้ใช้ชีวิตในอนาคตร่วมกัน ถ้าเกิดวันนั้นมาถึงเมื่อไร ฉันจะต้องตอบตกลงแน่นอนค่ะ”
หญิงสาวไม่ได้พูดอะไรมากนัก แต่คำพูดที่แสนธรรมดาไม่กี่คำของเธอ ก็ทำให้เผยลี่เชินรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาภายในหัวใจ เขาชันตัวขึ้นและเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของหญิงสาว สายตาของเขาเป็นประกายด้วยความเบิกบานใจอย่างเห็นได้ชัด “คุณจะตอบตกลงงั้นเหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าและยิ้มขึ้นที่มุมปาก ทันใดนั้น สายตาของเธอก็มืดสนิท เธอถูกใครบางคนคว้าตัวเข้าไปกอดเอาไว้ในอ้อมแขนเสียแล้ว
ทั่วทั้งร่างกายของชายหนุ่มนั้นเต็มไปด้วยน้ำ เมื่อเธอถูกชายหนุ่มกอดเข้าให้แบบนี้แล้ว เสื้อผ้าครึ่งหนึ่งของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เลยเปียกโชกไปด้วย เธอตกใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้มือผลักเขาออกไป “เสื้อผ้าฉันเปียกไปหมดแล้ว……”
ทันใดนั้น เผยลี่เชินก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก และสายตาของเขาก็แฝงไปรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย “ไม่ต้องกลัวไปหรอก”
ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็ค่อยๆ ดึงตัวไป๋เสว่เอ๋อร์ให้เข้ามาในอ่างอาบน้ำอย่างเบามือ
เมื่อเสียง “ป๋อม” ดังขึ้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตกลงไปในอ่างอาบน้ำและเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของชายหนุ่ม ตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายของหญิงสาวก็เลยเปียกปอนตั้งแต่หัวจรดเท้าเสียแล้ว
โชคดีที่อ่างอาบน้ำที่นี่นั้นมีขนาดใหญ่มากพอที่จะรองรับคนสองคนได้ แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับคาดไม่ถึงว่าเผยลี่เชินจะกล้าทำแบบนี้ สีหน้าของเธอจริงจังขึ้นมาเล็กน้อย “คุณนี่……”
ขณะที่เธอกำลังขยับตัวด้วยความโกรธอยู่นั้น ทันใดนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่อยู่บนร่างกายของเขา
อะไรบางอย่างที่ว่านั้น…. ทันทีที่เธอรู้ตัวว่าสิ่งที่เธอเพิ่งไปสัมผัสมานั้นคืออะไร ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำขึ้นมาในทันที
เผยลี่เชินจับคางของหญิงสาวเงยขึ้น และจุมพิตเข้าไปอย่างแผ่วเบาที่บริเวณใบหูของเธอ “ครั้งนี้ คุณหนีผมไม่พ้นหรอก…”
ความจริงแล้ว ถึงแม้ครั้งนี้เธอจะอยากหนีมากแค่ไหน แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็หนีเขาไม่พ้นอยู่ดี.