ตอนที่ 269 ฉันคิดจะจัดการเอง
ได้ยินเสียงของเผยลี่เชิน เจียงหวั่นหวั่นเงียบลงสักครู่ เธอหายใจลึกแล้วเล่าเรื่องที่เกิดเมื่อคืน
“ตอนแรกฉันก็รอเธอที่ประตูหน้าบ้าน รออยู่สักพักพอถึงเวลายังไม่เห็นเธอจึงโทรหา แต่แล้วจู่ๆ ก็มีรถมาจอด ชายสองคนก็ถามว่าฉันจะไปไหน? จะไปรถอะไร? ฉันรีบปฏิเสธ แต่คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะลากฉันขึ้นรถ แล้วจับฉันมาที่สวนดอกไม้ หยิบโทรศัพท์มือถือของฉันโทรหาไป๋เสว่เอ๋อร์…..”
เผยลี่เชินถามต่อ “เธอได้ยินพวกเขาพูดอะไรบ้าง?”
เจียงหวั่นหวั่นคิดแล้วคิดอีก “ฉันได้ยินพวกเขาพูดถึงพี่ใหญ่ แล้วพูดชื่อเสว่เอ๋อร์ เรื่องอื่นนอกจากนี้ฉันก็ไม่รู้….”
เผยลี่เชินดูเหมือนอยากจะถามเพิ่ม แต่โทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขามองดูหน้าจอ สีหน้าดูเคร่งเครียด รับสายโดยไม่ลังเล “เป็นไงบ้าง?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กุมมือเจียงหวั่นหวั่น พยายามปลอบใจเธอ จู่ๆ ก็ได้ยินเผยลี่เชินเปิดสปีกเกอร์โฟน จึงได้ยินเสียงอีกฝ่ายดังชัดเจน “สองคนนั้นยอมรับสารภาพแล้ว พี่ชายใหญ่ของเขาชื่อหลี่เซียว ทุกคนเรียกเขาว่าพี่เซียว รู้จักคนไม่กี่คน แต่เขาไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมายเลย”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว “พวกเขายอมรับว่าหลี่เซียวเป็นผู้บงการแล้วใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ พวกเขาบอกว่าให้พวกเขาทำตามคำสั่งของผู้หญิงที่ชื่อ ซูซู”
“ซูซู?” เผยลี่เชินถามกลับจากนั้นก็หันมาหาไป๋เสว่เอ๋อร์
สองคนสบตากัน ตะลึงไปชั่วขณะจากนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มีปฏิกิริยาตอบกลับ “จินจิงจิง!”
ในความทรงจำ เธอไม่เคยรู้จักผู้หญิงที่ชื่อซูซู มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เชื่อมโยงกับชื่อนี้คือ จินจิงจิง!
ยิ่งกว่านั้น จินจิงจิงมีเหตุผลพอมีความสามารถพอที่จะหาคนมาลักพาตัวเธอ
ได้ยินชื่อจินจิงจิง สีหน้าเผยลี่เชินดูเคร่งเครียด เขาสั่งด้วยเสียงเย็นชากับคนในโทรศัพท์ “ถามต่อไป ดูว่าจะได้ข้อมูลอะไรได้อีก ยังมีหลี่เซียว ไปสืบด้วยนะ”
เผยลี่เชินวางสาย ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบยืนขึ้น น้ำเสียงแสดงความแน่ใจ “ต้องเป็นจินจิงจิงแน่”
เผยลี่เชินกล่าวอย่างรอบคอบ “ตอนนี้อย่าเพิ่งแน่ใจ รอก่อน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ระงับความโกรธ เงียบไปไม่พูด เจียงหวั่นหวั่นเอื้อมมือมาตบไหล่เธอเบาๆ พูดปลอบใจ “เสว่เอ๋อร์ เธออย่ากังวลใจ เรื่องนี้ประธานเผยจัดการเอง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้ามองดูเวลา ถามเบาๆ “เธอหิวหรือยัง? ฉันจะไปซื้ออาหารเช้าให้เธอนะ”
ขณะเธอพูดก็ได้ยินเสียงผู้ชายจากด้านหลัง “ฉันให้คนไปซื้อมาแล้ว”
ขณะพูด เขาก็ผลักประตูเดินออกไป ตอนกลับมาในมือถือถุงมาหลายไป “พวกเธอกินข้าวไปก่อน ได้เรื่องอย่างไร ฉันจะมาบอกพวกเธออีกที”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รับถุงมา แต่ยังไม่หิว เจียงหวั่นหวั่นพูดแล้วพูดอีก เธอถึงจะยอมกินซาลาเปาไปสองลูก
ไม่นานโทรศัพท์ของเผยลี่เชินก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาถือโทรศัพท์เดินออกไปจากห้องเพื่อรับโทรศัพท์
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเล แล้วเดินตามเขาออกจากห้องวอร์ด รอจนเผยลี่เชินวางสายเธอก็เดินมาข้างหน้า “ได้เรื่องว่าไงบ้างคะ? ตกลงเป็นใคร?”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว “สืบเรื่องของหลี่เซียวแล้ว เขายอมรับว่า จินจิงจิงมาหาเขาบอกว่าต้องการคน เขาเองก็ปฏิเสธไม่ได้ อีกทั้งกลัวว่าจะเกิดเรื่อง จึงเลือกคนที่โง่ เซอซ่าให้กับเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึง กำหมัดแน่น ในใจร้อนรุ่มเป็นไฟ “เป็นเธอจริงๆ ด้วย”
เธอถามตัวเองเธอไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับจินจิงจิง แต่เธอจินจิงจิงกลับไม่เคยปล่อยเธอ ทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ถ้าหลี่เซียวส่งคนที่มีประสบการณ์ เป็นอาชญากรฆ่าคนเป็นว่าเล่น เธอไม่อยากคิดถึงผลที่จะเกิดขึ้นเลย
ยังดีที่ไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นกับเจียงหวั่นหวั่น ถ้าเจียงหวั่นหวั่นได้รับบาดเจ็บเพราะเธอ เธอคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต
ไป๋เสว่เอ๋อร์สะอื้น พยายามกลั้นน้ำตาไว้เงยหน้ามองเผยลี่เชิน “คุณช่วยพาฉันไปหาเธอที ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
เผยลี่เชินก้าวไปยืนตรงหน้าเธอ เอื้อมมือไปโอบกอดเธอ “เรื่องนี้ให้ฉันจัดการเองเถอะ”
เขาไม่ยอมให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ไปเจอหน้าจินจิงจิง เรื่องนี้ให้เขาจัดการนะดีที่สุด
“ไม่คะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันอยากจัดการด้วยตัวเอง คุณพาฉันไปพบเธอ ได้ไหม?”
เผยลี่เชินก้มหน้ามองดวงตาที่มีน้ำตาซ่อนอยู่แต่ก็มีความแน่วแน่ จึงลังเลสักครู่ ก่อนจะรับปาก “ได้ ฉันจะพาเธอไป”
หลังจากออกจากโรงพยาบาลไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งนิ่งอยู่ในรถ แต่เผยลี่เชินก็เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอตัวสั่นไปทั้งตัว
เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าครั้งที่แล้วที่เขาจับคนที่จินจิงจิงส่งไปสะกดรอยตามไป๋เสว่เอ๋อร์ อีกทั้งยังเตือนเธอ คิดไม่ถึงว่าเธอยังไม่เข็ดหลาบ ยังหาคนมาคอยตามจอบลางจองผลาญจนกระทั่งถึงขั้นลักพาตัวไป๋เสว่เอ๋อร์
ถ้าวันนี้เขาไม่กลับจากญี่ปุ่นก่อนกำหนด แล้วเกิดเรื่องแบบนี้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ เกรงว่าเขาอยากกลับมาก็มาช่วยไม่ทัน
แม้ว่าวันนี้ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่เต็มใจจะไปหาจินจิงจิง แต่คืนนี้เขาก็ต้องไปคิดบัญชีกับจินจิงจิงให้สาสม
หลังจากครึ่งชั่วโมงผ่านไป พวกเขาก็มาถึงจุดหมาย รถจอดที่หน้าคฤหาสน์สามชั้นสไตล์อเมริกัน เผยลี่เชินลงจากรถพร้อมไป๋เสว่เอ๋อร์
เดินมาถึงประตูใหญ่หน้าบ้าน เผยลี่เชินกดกริ่งไม่นานก็มีแม่บ้านเดินออกมา
รอจนแม่บ้านเห็นชัดเจนว่าเป็นใครก็ถึงกับตะลึง “คุณ….คุณชายใหญ่”
เผยลี่เชินสั่งด้วยน้ำเสียงเข้ม “เปิดประตู”
แม่บ้านลังเลสักครู่ แต่ด้วยสายตาเย็นชาของฝ่ายชาย ก็รีบเอื้อมมือเปิดประตู
“คุณชายใหญ่…ฉันจะไปแจ้งคุณชายรองก่อนนะคะ”
พูดจบแม่บ้านก็รีบเดินเข้าไปในคฤหาสน์
เผยลี่เชินจูงมือไป๋เสว่เอ๋อร์เดินเข้าไปข้างใน กวาดสายตามองรอบห้องนั่งเล่น ไม่เห็นแม้แต่เงาของเผยอี้และจินจิงจิง เขาสั่งแม่บ้านด้วยเสียงเย็นยะเยือก “รีบไปเรียกทั้งสองคนมาที่นี่ เดี๋ยวนี้”
แม่บ้านไม่กล้าขัดขืน รีบขึ้นไปชั้นสองเคาะประตูที่ห้องนอน “คุณชายรอง คุณผู้หญิงคะ”
จินจิงจิงกำลังหยิบเสื้อผ้าที่หาให้เผยอี้จากในตู้เสื้อผ้า ได้ยินแม่บ้านเคาะประตูเรียกอยู่ด้านนอก จึงขมวดคิ้ว “จะเคาะอะไรกันนักหนา เงียบได้แล้ว”
แม่บ้านด้านนอกได้ยินเธอพูดเช่นนี้ ตกใจจนไม่กล้าพูดอะไรอีก
เผยอี้เดินออกมาจากห้องน้ำ มองไปที่จินจิงจิงแล้วถาม “มีอะไรเหรอ?”
จินจิงจิงกระพริบตา “แม่บ้านไม่รู้จักเวล่ำเวลามายืนตะโกนเสียงดัง อาจจะมาเรียกพวกเราไปกินข้าว ไม่ต้องไปสนใจหรอกคะ”
ขณะที่เธอพูด ร่างกายที่ดูอ่อนปวกเปียกของเธอค่อยๆ นัวเนียร่างของเผยอี้พูดด้วยน้ำเสียงออดอ้อน “เผยอี้ วันนี้พวกเราไปช้อปปิ้งกันดีไหม? คุณรับปากฉันแล้วไม่ใช่หรือ?”
“ได้ ฉันจะไปกับเธอ” เผยอี้เปลี่ยนเสื้อผ้าพูดเสียงเรียบๆ
“คุณใจดีที่สุดเลย” จินจิงจิงเอื้อมมือคล้องคอเผยอี้ด้วยความสุข เขย่งปลายเท้าจูบเขาที่แก้เบาๆ
หลังจากที่จินจิงจิงแท้งลูก ท่าทางของเผยอี้ก็ดีต่อเธอมากขึ้น ชีวิตของทั้งสองยากนักที่จะอยู่แบบสงบ
“ก๊อก…ก๊อก…”
มีเสียงเคาะประตูจินจิงจิงขมวดคิ้ว หมดความอดทนจึงเดินไปที่ประตู เปิดประตูกำลังอยากจะต่อว่าแม่บ้าน แต่แม่บ้านพูดด้วยสีหน้าหวาดกลัว “คุณผู้หญิง…คุณชายใหญ่มาคะ กำลังรออยู่ข้างล่างคะ”
“อะไรนะ?” จินจิงจิงได้ยินถึงกับหน้าซีด “เธอพูดถึง….เผยลี่เชิน?