ตอนที่ 272 ยอมรับว่าหึงแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ หันไปมองรอบด้านด้วยความตื่นตะลึง นี่อยู่ตรงหน้าประตูใหญ่ของโรงพยาบาล เป็นที่ที่คนเดินผ่านไปผ่านมา เผยลี่เชินอุ้มเธอขึ้นมาแบบนี้ ดึงดูดสายตาของคนที่อยู่รอบข้างขึ้นมาไม่น้อย
เพียงชั่วขณะ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกเก้อเขินขึ้นมาในทันที เธอตบไปบนหน้าอกของเผยลี่เชินเบาๆ ทั้งเขินทั้งอายพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาว่า “รีบปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้นะคะ!รอบข้างมีคนมากมายขนาดนั้นกำลังมองดูอยู่!ฉันเดินเองได้ค่ะ!”
เผยลี่เชินอุ้มเธอด้วยท่าทีที่นิ่งเฉย หน้าไม่แดง หัวใจไม่เต้นเร็วเดินลงบันไดไป ได้ยินเธอพูดเช่นนี้ อดไม่ได้ที่จะยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ผมอุ้มแฟนของผม ช่างคนอื่นจะพูดว่ายังไง”
ประโยคนี้ของเขาแฝงไปด้วยความกล้าหาญไม่กลัวอะไรทั้งนั้น กลับฟังจนไป๋เสว่เอ๋อร์หน้าแดงขึ้นมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่ ไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
เผยลี่เชินนำเธออุ้มขึ้นไปบนรถ ตัดขาดจากโลกภายนอกแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้แอบถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จากโรงพยาบาลรีบกลับมายังคฤหาสน์ พวกเขาเพิ่งจะเดินเข้าประตูมา ป้าจางก็เข้ามาต้อนรับ เอ่ยถามขึ้นอย่างเป็นห่วงเป็นใยในทันที “คุณผู้ชาย คุณหนูไป๋ พวกคุณไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ?”
เมื่อคืนนี้ทั้งสองคนไม่ได้กลับมาทั้งคืน เธอก็พลอยเป็นกังวลและหวาดกลัวไปด้วย นอนหลับไม่ค่อยจะสบายนัก
“ไม่เป็นอะไรครับ” เผยลี่เชินเอ่ยขึ้นเบาๆ “ป้าจาง พวกเรายังไม่ได้ทานอะไรมาเลย ป้าเตรียมของเล็กน้อยมาส่งให้ที่ห้องนอนหน่อยนะครับ”
“ค่ะ ป้าจะไปเตรียมเดี๋ยวนี้” ป้าจางรีบตอบรับ หมุนตัวเดินเข้าไปยังห้องครัวในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนเป็นรองเท้าที่สวมใส่ภายในบ้าน เดินไปยังปากทางขึ้นบันไดอย่างไร้เรี่ยวแรง ยังเดินได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ด้านหลังก็ดังสะท้อนเสียงของชายหนุ่มขึ้น “ให้ผมอุ้มคุณขึ้นไปไหม?”
ฟังการหยอกเย้าที่แฝงอยู่ในน้ำเสียงของเขาออก เธอยิ้มออกมาอย่างจนปัญญา รีบส่ายหน้าปฏิเสธในทันที “ไม่ต้องค่ะ”
กลับมาถึงห้องนอน ไป๋เสว่เอ๋อร์ล้มตัวไปบนเตียงในทันที อยากจะพักผ่อนสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าเตียงบริเวณด้านข้างอยู่ๆก็ยุบลงมาเล็กน้อย จากนั้น เสียงของเผยลี่เชินก็ดังขึ้นที่ข้างกายของเธอ “ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลืมตาขึ้นมองไปยังเขา เอ่ยถามขึ้นอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า “คุณอยากจะพูดอะไรคะ?”
“เรื่องเมื่อคืนนี้ คือความผิดของผม” เสียงของเผยลี่เชินทุ้มต่ำลงไปหลายระดับ “ผมยอมรับ เป็นเพราะผมไม่อยากให้คุณกับลู่เหยาติดต่อกันมากจนเกินไป ถึงได้คิดเอาเรื่องของกลุ่มวางแผนมอบให้กับฉีเฟิงไปทำ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากย้อนถามโดยจิตใต้สำนึกในทันที “ดังนั้นจะบอกว่า คุณกำลังยอมรับว่าหึงแล้ว?”
“อือ” เผยลี่เชินโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนเบาๆ เสียงที่ตั้งใจกดให้ต่ำลงแหบพร่าขึ้นมาเล็กน้อย “ผมยอมรับ ผมหึงแล้ว”
เธอทำไมจะไม่ใช่ไม่ชัดเจนกับความมุ่งหมายที่แท้จริงของเขา ทว่าตอนนี้ได้ฟังคำสารภาพที่จริงใจของเขา อารมณ์นั้นที่แต่เดิมอัดอั้นอยู่ในส่วนลึกในจิตใจของเธอ ก็สลายหายไปภายในชั่วพริบตา
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จากมุมของเธอสามารถเห็นลูกกระเดือกที่กำลังเคลื่อนไหวขึ้นๆลงๆของชายหนุ่มได้พอดี ทันใดนั้น คิดไม่ถึงว่าเธอจะราวกับมีอะไรมาดลใจก็ไม่ปาน ยกมือขึ้นโอบรอบคอของเขาเอาไว้ เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย จูบลงบนลูกกระเดือกของเขาในทันที
เผยลี่เชินตัวแข็งทื่อ รู้สึกเพียงแค่ความร้อนระอุระลอกหนึ่งทะลักขึ้นมาภายในจิตใจในชั่วขณะ เขาก้มศีรษะลงอย่างยากที่จะเชื่อ สบเข้ากับดวงตาที่เปล่งประกายคู่นั้นของไป๋เสว่เอ๋อร์พอดี
ชั่วพริบตา การควบคุมและความลังเลทั้งหมดต่างก็หายไปจากข้างในสมอง เผยลี่เชินประคองใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ จูบลงไปอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
ในความไม่รู้เนื้อรู้ตัว เขาก็ได้คร่อมอยู่บนตัวของเธอ มองเห็นหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้ารับมือไม่ไหว แทบจะหายใจไม่ทัน เขาถึงได้คลายเธอออก รอเธอได้พักถ่ายเทอากาศ เขาก็ประกบไปบนริมฝีปากของเธออย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อยอีกครั้ง นำความสดชื่นหอมหวานของเธอ ทีละนิด ทีละนิด กลืนกินจนหมดเกลี้ยง
เดิมทีไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัวอยู่แล้ว ตอนนี้มาถูกเขากระทำซ้ำไปซ้ำมาเช่นนี้อีก ยิ่งทำให้ทั่วทั้งร่างกายละลายเป็นน้ำเข้าไปกันใหญ่ ภายในสมองเลือนลางไปหมด
มือใหญ่ที่ร้อนระอุของเขาทาบลงไปบนปกคอเสื้อของเธอ เพียงแค่ครู่เดียวก็ปลดกระดุมสองสามเม็ดที่อยู่ด้านบนสุดอย่างง่ายดาย ทันใดนั้น หน้าประตูก็ดังเสียงเคาะประตูสองสามทีขึ้น จากนั้นเสียงของป้าจางก็ดังสะท้อนตามมา
“คุณผู้ชาย คุณหนูไป๋ ป้านำอาหารมาส่งให้ค่ะ”
เผยลี่เชินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่กลับท้ายที่สุดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ทำได้เพียงลุกขึ้นไปเปิดประตู
อาหารนี่เป็นเขาที่ให้ป้าจางมาส่งเอง ก็โทษไม่ได้ที่เธอจะมารบกวนเรื่องดีของเขา
รับถาดอาหารมาจากป้าจางแล้ว เผยลี่เชินก็นำอาหารวางลงไปบนโต๊ะ ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของอาหาร คิดไม่ถึงว่าจะลุกขึ้นมาจากเตียงด้วยท่าทางที่คล่องแคล่วว่องไว สายตาทั้งสองข้างเป็นประกายขึ้นมาในทันที
เห็นท่าทางเช่นนี้ของเธอ รอยยิ้มที่มุมปากของเผยลี่เชินก็กว้างขึ้นไม่หยุด เขานำตะเกียบส่งให้กับเธอ แล้วเอ่ยปากพูดขึ้นเบาๆว่า “ทานอิ่มแล้วถึงจะมีเรี่ยวแรงทำงาน”
เขาจงใจเน้นสองคำหลังให้หนักขึ้น แน่นอนว่าไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าใจความหมายในคำพูดของเขาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว เธอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ เอาอาหารเข้าปากไปหนึ่งคำแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฉันคงไม่ทำงานหรอกค่ะ ทานเสร็จแล้วฉันก็จะนอน”
เผยลี่เชินหัวเราะขึ้นมาเบาๆ “ “นอน” ก็ได้”
ทานอาหารเสร็จ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยังคงหนีไม่พ้น “ถูกบีบบังคับให้ออกกำลังกาย” เผยลี่เชินราวกับเติมเต็มไปด้วยพละกำลังที่ใช้ไม่มีวันหมด กระทำเธอซ้ำไปซ้ำมาจนหมดเรี่ยวหมดแรง แขนขาทั้งสองข้างอ่อนปวกเปียกไปหมด ถึงได้ยอมเลิกรา
รุ่งเช้าวันที่สอง ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นขึ้นมา ก็พบว่าเก้าโมงกว่าแล้ว เธอรีบลุกจากที่นอน ล้างหน้าแปรงฟันแล้วรีบลงมาชั้นล่างอย่างตะลีตะลาน ก็ไม่เห็นเงาของชายหนุ่ม
“ป้าจาง เผยลี่เชินล่ะคะ?”
ป้าจางตอบกลับด้วยสีหน้าที่แย้มยิ้มอย่างสดชื่นราวกับลมในฤดูใบไม้ผลิว่า “คุณผู้ชายออกจากบ้านไปแล้วค่ะ เขาตั้งใจกำชับป้าเป็นพิเศษว่า วันนี้ให้คุณหนูพักผ่อนเยอะๆหน่อย ไม่ต้องรีบร้อนเข้าบริษัท ป้ายังตั้งใจตุ๋นน้ำซุปบำรุงร่างกายให้กับคุณหนูโดยเฉพาะด้วยนะคะ ป้าจะไปตักมาให้คุณหนูตอนนี้เลย”
น้ำซุปบำรุงร่างกาย? คิดไม่ถึงเลยว่าเผยลี่เชินจะกำชับให้ป้าจางตุ๋นน้ำซุปบำรุงร่างกายให้กับเธอ?
ไป๋เสว่เอ๋อร์ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาในทันที ไม่รู้ว่าจะควรจะเผชิญหน้ากับป้าจางอย่างไรดีไปชั่วขณะ
ป้าจางส่งน้ำซุปถ้วยหนึ่งมาให้ด้วยใบหน้าที่ยิ้มจนตาหยี ไม่ลืมที่จะกำชับไป๋เสว่เอ๋อร์ว่า “น้ำซุปนี้จะต้องทานตอนร้อนๆ จะวางไว้จนเย็นไม่ได้นะคะ!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าติดต่อกันหลายครั้ง ก้มศีรษะลงดื่มน้ำซุปไปคำหนึ่งอย่างระมัดระวัง
เดิมทีตามตารางงานที่เธอได้วางเอาไว้ วันนี้ตอนบ่ายเธอยังจะต้องไปจับจ้องดูโปรเซสงานของกลุ่มวางแผน ยังมีการประชุมที่จะต้องเปิด เธอจำเป็นต้องกลับไปยังบริษัทให้ไวมากที่สุด
ทานอาหารจนเสร็จอย่างเร่งรีบ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มุ่งหน้าไปยังบริษัทอย่างไม่รอช้าแม้แต่วินาทีเดียว กลับมาถึงห้องทำงานยังไม่ทันจะพักผ่อน ก็ไปยังโซนทำงานชั่วคราวของกลุ่มวางแผนเล็กในทันที
“พวกคุณนำตัวเลขของแผนดำเนินงานโครงการทำให้เสร็จ ต้องใช้กราฟหลากหลายรูปแบบปรากฏให้เห็นออกมา” ลู่เหยายืนอยู่ตรงกลางของโซนทำงาน เปิดดูรูปกราฟตัวเลขส่วนหนึ่ง จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย “นี่เกรงว่ายังไม่ค่อยจะได้ อย่างน้อยที่สุดครอบคลุมตัวเลขภายในห้าปี อีกสักครู่ผมจะไปถามตัวเลขที่บริษัทเผยซื่อต้องการ คุณทำตัวเลขที่มีอยู่ตอนนี้ให้เสร็จก่อน”
ลู่เหยาเพิ่งพูดจบ เงยหน้าขึ้นอย่างไม่ทันระวัง มองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าประตู เขาอึ้งไปก่อนเล็กน้อย จากนั้นนัยน์ตาก็ปรากฏรอยยิ้มออกมาอย่างมากมาย
“คุณมาแล้วหรอ?” ลู่เหยาเดินเข้ามา “ทำไมเมื่อวานไม่มาบริษัท?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่งยิ้มให้กับเขา “มีธุระนิดหน่อยค่ะ ตอนนี้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว”
ได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์พูดเช่นนี้ บนใบหน้าของลู่เหยาก็สะท้อนความเป็นกังวลออกมาเล็กน้อย เขาสูดหายใจเข้าเต็มปอด เอ่ยปากถามขึ้นอย่างไม่ค่อยจะสบายใจนักว่า “เป็นเพราะผมใช่ไหม?”
เย็นวันนั้นพวกเขาทานข้าวด้วยกกันถูกเผยลี่เชินพบเข้า วันต่อมาไป๋เสว่เอ๋อร์และเผยลี่เชินทั้งสองคนต่างก็ไม่มาที่บริษัท ยังคงเป็นฉีเฟิงที่มาต้อนรับเขากับสมาชิกกลุ่มวางแผนแทน นี่ทำให้เขาอดคิดเชื่อมโยงไปถึงไม่ได้ว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาหรือเปล่า
ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งยิ้มอย่างสบายใจให้กับเขาเล็กน้อย “ไม่ใช่ค่ะ เกิดปัญหาเรื่องอื่นนิดหน่อย ตอนนี้ได้แก้ไขเสร็จแล้ว”
ฟังน้ำเสียงทื่ยืนยันของไป๋เสว่เอ๋อร์ ลู่เหยาถึงได้ไม่เอ่ยถามอะไรต่อไปอีก
“ตอนนี้โปรเซสงานเป็นยังไงบ้างคะ?”
ลู่เหยาเอ่ยปากขึ้นอย่างสุภาพนุ่มนวลว่า “ยังพอใช้ได้ครับ ก็แค่เอกสารบางตัวข้อมูลไม่ค่อยครบ ยังต้องการให้คุณไปโยกย้ายมาสักหน่อย”
“อย่างไหนบ้างคะ? ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้”
“แผนการคาดเดาตัวเลขโดยประมาณบางส่วนของการคำนวณรายรับล่วงหน้ารวมไปถึงระดับการแผ่ขยายทางเศรษฐกิจ
ได้ฟังดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ “ตัวเลขเหล่านี้ฉันได้เตรียมเสร็จตั้งนานแล้วนะคะ คงจะอยู่บนโต๊ะของฉันลืมหยิบให้กับพวกคุณ ฉันจะไปหยิบมาเดี๋ยวนี้”
พูดจบ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หมุนตัว มุ่งหน้าไปยังห้องทำงานของตัวเองในทันที
ประตูของห้องทำงานปิดแง้มเอาไว้ เธอเพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็ได้ยินเสียงสะท้อนมาจากข้างใน
ไป๋เสว่เอ๋อร์ผลักประตูให้เปิดออกอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย มองเห็นสวี่เยว่หรูกำลังเปิดหาอะไรอยู่หน้าโต๊ะทำงานของเธอ
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์บีบตัวเข้าหากันแน่น ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย รีบเอ่ยปากถามขึ้นในทันทีว่า “เลขาสวี่ คุณกำลังทำอะไรคะ!