ตอนที่ 277 ในฐานะที่เป็นแฟน คุณสอบตก
ทั้งสองคนเพิ่งจะพบหน้ากัน ความดุเดือดเลือดพล่านก็ปะทุขึ้นมาแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็กำลังลังเลว่าจะเอ่ยปากโน้มน้าวสักประโยคดีหรือไม่ ใครจะรู้ว่าลู่เหยายกมุมปากยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ได้ยังไงกันล่ะครับ ผมก็ต้องยินดีต้อนรับประธานเผยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว ขออภัยหากต้อนรับไม่ทั่วถึง อย่าได้ถือโทษ”
เผยลี่เชินยักคิ้วเล็กน้อย ยื่นมือออกไปกุมหัวไหล่ของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ ก้าวขาเดินไปทางด้านในในทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าน่าขัน เธอยังไม่เคยเห็นลักษณะท่าทางที่แฝงหนามไปทั่วทั้งตัวแบบนี้ของเผยลี่เชินมาก่อน แม้จะเป็นการเจอกับเผยอี้หรือเสิ่นหรูเฟิงก็ตาม เขาก็ไม่เคยเป็นแบบนี้
พอถึงห้องรับรองพิเศษ ก็มีคนจำนวนไม่น้อยเข้ามาทักทายกับพวกเขา ไม่ง่ายเลยที่จะมาถึงมุมที่เงียบสงบ ในที่สุดไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากออกมาว่า “ระหว่างฉันและรุ่นพี่ลู่ไม่มีอะไรกันจริงๆค่ะ ทำไมพวกคุณสองคนพอเจอหน้ากันก็ดูเหมือนอยากจะตีกันยังไงอย่างงั้น?”
“คนอื่นกำลังจ้องแฟนของผมตาเป็นมัน คุณว่าผมไม่ใส่ใจได้หรอ?”
ในขณะที่พูด เขาก็ยกมือขึ้น บีบไปที่ใบหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เบาๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที ทั้งน่าโกรธทั้งน่าขำ จากนั้นเอ่ยปากออกมาว่า “ท่าทางในตอนนี้ของคุณ ก็เหมือนเด็กคนหนึ่ง อ่อนต่อโลกจริงๆ!”
“งั้นหรอ?” เผยลี่เชินไม่โกรธกลับยังขำเสียด้วยซ้ำ เขาโน้มศีรษะเข้ามาใกล้เธอเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นเบาๆที่ข้างใบหูของเธอว่า “แต่ตอนกลางคืน คุณไม่เคยพูดว่าผมเหมือนเด็กมาก่อน…”
น้ำเสียงของเขามีความหมายลึกซึ้ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ฟังเข้าใจเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แก้มทั้งสองข้างร้อนผ่าวอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้ เธอยกมือขึ้นตีไปที่เขาเล็กน้อย จากนั้นก็หมุนตัวเดินไปอีกด้าน ไม่สนใจเขาอีกต่อไป
พออาหารมาถึงครบ งานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำก็เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ สถานการณ์งานเลี้ยงแบบนี้ หลีกเลี่ยงการดื่มเหล้าไม่ได้เป็นธรรมดาอยู่แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังทานอาหารได้เพียงแค่ไม่กี่คำ ก็มีคนลุกชนแก้วแสดงถึงความเคารพต่อเธอ
“คุณเลขาไป๋ หลายวันมานี้ทุกคนมุ่งมั่นพยายามด้วยกัน ความทุ่มเทของคุณพวกเราต่างก็เห็นอยู่ในสายตา คุณไม่เพียงปฏิบัติต่อพวกเราสมาชิกของอสังหาริมทรัพย์หลินวู่ทุกคนอย่างเสมอภาค ยังดูแลเรื่องอารมณ์ความรู้สึกของพวกเราอย่างเหมาะสม ดังนั้นแก้วที่หนึ่งนี้ ผมต้องชนแก้วกับคุณ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลำบากใจที่จะบอกปัดปฏิเสธแบบอ้อมๆ กำลังจะยกแก้วไวน์ขึ้นมา อยู่ๆก็มองเห็นนัยน์ตาของเผยลี่เชินปรากฏความเยือกเย็นขึ้น การเคลื่อนไหวของเธอหยุดชะงักลงเล็กน้อย เลื่อนมือหยิบแก้วน้ำส้มที่อยู่ข้างๆขึ้นมา จากนั้นส่งยิ้มบางๆให้กับทุกคน “ฉันดื่มเหล้าไม่ค่อยเป็นเท่าไร ดังนั้นวันนี้ก็ขอใช้น้ำส้มแทนเหล้า ชนแก้วกลับให้กับทุกคนนะคะ”
สุราถูกดื่มเวียนหลายต่อหลายรอบ บรรยากาศบนงานเลี้ยงรับประทานอาหารค่ำก็สนิทสนมกลมกลืนคึกคักกันขึ้นมา ทุกคนดื่มเหล้าพูดคุยกันอย่างเซ็งแซ่ ไม่มีข้อผูกมัดและประเพณีที่ยึดติดมากมายขนาดนั้น กลับสบายๆและมีความสุขด้วยซ้ำไป
“เสว่เอ๋อร์”
ด้านหลังของไป๋เสว่เอ๋อร์อยู่ๆก็ดังสะท้อนเสียงๆหนึ่งขึ้น พอเธอหันกลับไป ก็เห็นลู่เหยากำลังยืนอยู่ที่ด้านหลังของเธอ “รุ่นพี่”
ลู่เหยายิ้มเล็กน้อย “เมื่อครู่นี้เห็นคุณยุ่ง ก็เลยไม่ได้รบกวน เห็นว่าตอนนี้คุณมีเวลา ผมเลยมาชนกับคุณแก้วนึง หลายวันมานี้ลำบากคุณแล้ว”
“รุ่นพี่เกรงใจเกินไปแล้วจริงๆค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยกน้ำส้มขึ้น ชนแก้วเข้ากับเขาเบาๆ
ดื่มหมดหนึ่งแก้ว ลู่เหยาก็หมุนตัวหันไปชนแก้วกับคนอื่นอีก ด้านข้างอยู่ๆก็มีสมาชิกคนหนึ่งกระโดดออกมา ใบหน้าของเขาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าดื่มไปเยอะแล้ว เขามองดูลู่เหยากับไป๋เสว่เอ๋อร์ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะชอบใจออกมา “ประธานลู่ คุณไม่ใช่ว่ายังซื้อของขวัญให้กับคุณเลขาไป๋ด้วยหรอกหรอครับ? ทำไมไม่เห็นคุณถือออกมา?”
เสียงในคำพูดนี้ของเขาไม่สูงไม่ต่ำ กลับเพียงพอที่จะทำให้คนที่อยู่รอบด้านได้ยินอย่างชัดเจน คนที่แต่เดิมดื่มเหล้าพูดคุยกันอยู่ข้างๆ ต่างก็การเคลื่อนไหวหยุดชะงักลง หันกลับมามองพวกเขาที่อยู่ทางนี้ในทันที
แม้แต่เผยลี่เชินที่กำลังพูดคุยกับคนอื่นอยู่อีกด้านก็ยังเงยหน้ามองมาทางพวกเขาเช่นเดียวกัน
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นค่อนข้างที่จะน่าอึดอัดขึ้นมาในทันที ใครๆต่างก็รู้ว่าไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นแฟนของเผยลี่เชิน ตอนนี้สมาชิกที่ดื่มจนเมานั่นพูดประโยคเช่นนี้ออกมา ยังคงเป็นต่อหน้าของเผยลี่เชินอีก นี่ไม่ใช่การตบหน้าเขาอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งหรอกหรือ?
ด้านข้างมีสมาชิกที่ยังถือว่าพอจะมีสติอยู่รีบยื่นมือออกไปดึงแขนของคนที่เมาเอาไว้ จากนั้นก็ตำหนิออกมาว่า “แกดูแกซิ ดื่มเมาแล้ว พูดจาซี้ซั้วอะไรกัน ไม่ต้องมาขายหน้าตรงนี้แล้ว ฉันพาแกไปล้างหน้าล้างตาหน่อย!”
คนๆนั้นเมาจนไม่รู้จักกาลเทศะ ยังไม่ลืมที่จะแก้ต่างให้กับตัวเอง “ฉันไม่ได้พูดจาซี้ซั้วสักหน่อย…วันนี้ตอนเที่ยงฉันไปเลือกด้วยกันกับประธานลู่ เขาบอกฉันเองว่าจะมอบให้กับคุณเลขาไป๋!”
คราวนี้เสียงของเขาดังมากยิ่งขึ้น ทำให้ทุกๆคนในห้องรับรองพิเศษต่างก็หันหน้ามองมาทางลู่เหยากับไป๋เสว่เอ๋อร์ ในสายตามีความรู้สึกคาดเดาที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกเพิ่มเข้ามาสองสามระดับ
เผยลี่เชินขมวดคิ้วขึ้น ก้าวขาเดินเข้ามาในทันที มองดูลู่เหยาพลางเลิกคิ้วเล็กน้อย เอ่ยปากออกมาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ในเมื่อประธานลู่ซื้อของขวัญมาแล้ว ทำไมถึงไม่หยิบออกมาให้ทุกคนดูหน่อยล่ะครับ?”
ลู่เหยาขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย สายตาหยุดอยู่ที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ชั่วขณะ จากนั้นเขาก็ล้วงเอากล่องเล็กๆกล่องหนึ่งออกมาจากในกระเป๋ากางเกง ยื่นส่งเข้าไปด้วยการเคลื่อนไหวที่เชื่องช้า “ผมจำได้ว่าใกล้จะถึงวันเกิดของคุณแล้ว ดังนั้นเจอที่เหมาะสมก็เลยซื้อมา มอบให้กับคุณล่วงหน้า”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ยื่นมือออกไปรับกลับเข้ามาอย่างช้าๆ จากนั้นเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ชอบคุณค่ะรุ่นพี่”
เผยลี่เชินยืนอยู่ข้างๆ สีหน้ามืดมนจนดูไม่น่ามอง แต่ก็กลับพูดอะไรไม่ออก
ลู่เหยากวาดตามองทุกคนเล็กน้อย จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ทุกคนดื่มกันต่อเถอะ ผมยังมีธุระ ขอตัวออกไปก่อน”
พูดจบ เขาก็ก้าวขาออก เดินไปทางด้านนอกประตูในทันที
บรรยากาศในห้องรับรองพิเศษค่อนข้างประหลาด เผยลี่เชินยืนอยู่กับที่ สายตามองดูเงาร่างของลู่เหยากำลังจะหายไปจากด้านหน้าประตู อยู่ๆเขาก็ก้าวขาเดินตามเข้าไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ รีบยื่นมือออกไปดึงเขาเอาไว้ในทันที “คุณจะทำอะไรคะ?”
เธอรู้ดีว่า เผยลี่เชินกับลู่เหยาทั้งสองคนแต่เดิมก็ไม่ชอบหน้ากันเท่าไรนัก หากเป็นเพราะว่าของขวัญชิ้นเดียวทะเลาะกันจนแตกความสัมพันธ์ ก็ไม่มีประโยชน์ต่อการร่วมธุรกิจกันในอนาคตแม้แต่นิดเดียว
เผยลี่เชินหันหน้ากลับมามองเธอ เอ่ยขึ้นด้วยท่าทีที่จริงจังว่า “ผมก็แค่ไปพูดคุยกับเขาสองสามประโยค คุณวางใจเถอะ”
พอได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
เผยลี่เชินออกจากห้องรับรองพิเศษ ผ่านระเบียงทางเดิน ในขณะที่เดินมาถึงมุมบริเวณทางเลี้ยวนั้น ก็พบลู่เหยายืนอยู่ที่นั่น ราวกับกำลังรอเขาก็ไม่ปาน
“รอผม?” เผยลี่เชินหยุดฝีก้าวลง
“อื้ม” ลู๋เหยาเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ผมเดาออกว่าคุณจะต้องตามออกมา แต่ว่าเรื่องนี้ผมไม่มีอะไรจะต้องอธิบาย ของขวัญวันเกิดชึ้นนึงก็เท่านั้น ต่อให้เป็นเพื่อนธรรมดาก็เป็นสิ่งที่ควรจะทำ ไม่มีความจำเป็นต้องยึดจุดนี้เอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย”
เผยลี่เชินหัวเราะเบาๆออกมา “ผมก็ไม่ใช่ว่ามาหาคุณเพราะของขวัญชิ้นนี้ ผมมา เพราะอยากจะมาเตือนให้คุณเก็บความคิดที่มีต่อเธอสักหน่อย”
ได้ยินดังนั้น คิ้วของลู่เหยาก็ขมวดเข้าหากัน หลังจากหยุดชะงักอยู่นานถึงได้เอ่ยถามย้อนกลับว่า “หากผมบอกว่าไม่ล่ะ?”
สายตาของเผยลี่เชินอึมครึมลง ร่างกายแพร่กระจายความเยือกเย็นระลอกหนึ่งออกมา เขาเดินขึ้นไปข้างหน้าเล็กน้อย จ้องไปที่ดวงตาทั้งสองข้างของลู่เหยา “พูดขนาดนี้ คือคุณต้องการจะทำการแข่งขันกับผมอย่างเปิดเผย?”
ลู่เหยาเอ่ยออกมาทีละคำทีละประโยคว่า “ผมยอมรับว่าผมชอบเสว่เอ๋อร์ ผมก็หวังเหมือนกันว่าจะเห็นเธอมีความสุข หากคุณสามารถนำความสุขมาให้กับเธอได้ ผมไม่มีความคิดเห็นใดๆ แต่หากคุณไม่สามารถทำได้ ผมจะใช้การเคลื่อนไหวอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย”
คำพูดของเขาเพิ่งหลุดออกมาจากปาก เผยลี่เชินก็รู้สึกว่าเซลล์ทุกอณูทั่วทั้งร่างกายของตัวเองต่างก็เข้าสู่โหมดเตรียมรบ เขากำหมัดเอาไว้แน่น รู้สึกไม่ชอบหน้าลู่เหยามากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
มองเห็นความโมโหของเผยลี่เชินที่อยู่ตรงหน้า ลู่เหยาดูเหมือนจะไม่ได้ตกใจเลยแม้แต่นิดเดียว เขาเอ่ยขึ้นต่อไปราวกับจงใจจะยั่วยุอารมณ์โกรธของเผยลี่เชินยังไงอย่างงั้น “หากคุณเอาใจใส่เธอจริงๆ อย่างน้อยที่สุดจำวันเกิดของเธอ ความชอบของเธอเหล่านี้เอาไว้ให้ดี พูดประโยคนึงตามความเป็นจริงนะครับ คุณในตอนนี้ในฐานะที่เป็นแฟนของเธอ ยังสอบตก”
ประโยคสุดท้ายนั่น ราวกับคบเพลิงดุ้นหนึ่ง จุดความโมโหที่กำลังฝืนกลั้นเอาไว้ของเผยลี่เชินในทันที เขาก้าวขาไปข้างหน้า ยื่นมือออกไปกุมปกคอเสื้อของลู่เหยาเอาไว้แน่นอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย “คุณพูดอะไรนะ!”
คบกับไป๋เสว่เอ๋อร์มานานขนาดนั้น ตัวเขาเองคิดว่ายังนับว่ารู้จักเธอ เข้าใจเธอดี แต่ทำไมผ่านการพูดของลู่เหยาเช่นนี้ เขาดูเหมือนไม่มีอะไรที่ถูกเลยสักอย่าง!
ลู่เหยาไม่กระพริบตาแม้แต่น้อย หัวเราะออกมาอย่างประชดประชันคำหนึ่ง “ผมรู้สึกว่า ในฐานะที่เป็นแฟนของเสว่เอ๋อร์ คุณสอบตก”
ความโมโหของเผยลี่เชินปะทุขึ้น ยกหมัดขึ้นมาเตรียมจะกระแทกลงไป อยู่ๆ เสียงผู้หญิงเสียงหนึ่งก็ดังสะท้อนเข้ามา “เผยลี่เชิน!หยุดนะ!”