ตอนที่ 280 นับถือในความกล้าหาญของเธอ
มองดูเงาร่างของจินจิงจิงหายไปในบริเวณทางเลี้ยว เจียงหวั่นหวั่นก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
แต่ว่า สิ่งที่ทำให้เธอคิดไม่ถึงก็คือ เธอในฐานะที่เป็นพนักงานเล็กๆของบริษัทคนหนึ่ง มีงานที่ยังทำไม่เสร็จ มีโครงการที่ยังเจรจาไม่เรียบร้อยกำลังรอเธออยู่ เธอต้องดื่มเหล้าเป็นเพื่อนลูกค้า คิดไม่ถึงว่าจินจิงจิงดาราใหญ่คนหนึ่ง ก็ต้องทำเช่นนี้เหมือนกัน…
เจียงหวั่นหวั่นส่ายหน้าเล็กน้อย เดินเข้าไปข้างในห้องน้ำ รีบล้างหน้าด้วยความรวดเร็ว พอเดินออกมาอีกครั้ง ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดส่งข้อความสองสามข้อความไปหาไป๋เสว่เอ๋อร์ในทันที
“เธอลองเดาดูว่าฉันบังเอิญพบใครที่ห้องรับรองพิเศษทางนี้?”
“เธอต้องคิดไม่ถึงอย่างแน่นอน!”
“คือจินจิงจิง!”
ข้อความทั้งหลายเหล่านี้ตู้มเข้าไป รออยู่หลายนาที คิดไม่ถึงว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะไม่มีการตอบสนองกลับมา
ในขณะเดียวกัน ในห้องทำงานของอาคารใหญ่บริษัทเผยซื่อ ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน จัดตารางงานของเผยลี่เชินในอาทิตย์หน้า
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นติดต่อกันอยู่หลายครั้ง ในที่สุดเธอก็ละสายตาไปจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ เห็นเจียงหวั่นหวั่นส่งข้อความติดต่อกันมาหลายข้อความ เธอจึงถือโอกาสหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเปิดดู
พอเห็นข้อความที่เธอส่งมา เธอก็หัวเราะขึ้นเล็กน้อยอย่างทำใจ ส่งข้อความตอบกลับไปว่า “นี่มีอะไรน่าแปลก ฉันยังเห็นเขาอยู่ทุกวัน ป้ายโฆษณาข่าวหน้าจอโทรทัศน์อะไรก็เห็นได้หมดทุกที่”
เจียงหวั่นหวั่นตอบกลับข้อความอย่างรวดเร็วในทันที “ฉันคือมองเห็นตัวเป็นๆน่า!คิดไม่ถึงว่าเขากำลังดื่มเหล้าเป็นเพื่อนคนอื่น!รอเย็นนี้พวกเราเจอกันฉันค่อยเล่าให้เธอฟังอย่างละเอียด!”
มองดูเจียงหวั่นหวั่นส่งเครื่องหมายตกใจติดต่อกันเป็นชุดด้วยความตื่นเต้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ส่ายศีรษะเล็กน้อยอย่างจนปัญญา ไม่ได้ใส่ใจกับข้อความที่เธอส่งมา ทำงานที่อยู่ในมือของตัวเองต่อไป
ชั่วพริบตาก็ถึงเวลาเลิกงาน ไป๋เสว่เอ๋อร์เดิมทีคิดอยากจะทำงานล่วงเวลาเพิ่มอีกสักครึ่งชั่วโมง คิดไม่ถึงว่าการโทรจิกอย่างต่อเนื่องของเจียงหวั่นหวั่นก็ได้เริ่มระเบิดขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์ทำได้เพียงเก็บข้าวของเล็กน้อยแล้วออกจากบริษัทไป
มาถึงร้านปิ้งย่างที่สองคนนัดหมายกันเอาไว้ เจียงหวั่นหวั่นได้รอจนร้อนรนจนแทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว “เสว่เอ๋อร์!ในที่สุดเธอก็มาถึงแล้ว!”
ในขณะที่พูด เธอก็รีบยื่นมือออกไปจูงไป๋เสว่เอ๋อร์เดินไปทางเตาปิ้งย่างที่อยู่ด้านข้างในทันที “เมื่อครู่นี้ฉันได้ดูแล้ว พวกเซี่ยงจี๊เอย ปลาหมึกเอยต่างก็เหลือแค่ไม่กี่ไม้ พวกเราต้องรีบไปหยิบ ไม่เช่นนั้นจะอดกินแล้วนะ!”
มาถึงสถานการณ์แบบนี้ เจียงหวั่นหวั่นได้กลายร่างเป็นนักกินโดยสมบูรณ์แบบ และก็ไม่ได้สนใจถึงภาพลักษณ์อะไรเลยแม้แต่น้อย มองเห็นเซี่ยงจี๊สองไม้สุดท้ายในถาดปิ้งย่าง ก็ยื่นมือออกไปหยิบในทันที ไม่ได้สังเกตเห็นว่าด้านหน้ายังมีคนๆหนึ่งยืนอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
ไป๋เสว่เอ๋อร์เพิ่งคิดจะดึงเธอเอาไว้ แต่ใครจะรู้ว่าศีรษะของเธอก็ได้ชนเข้ากับแผ่นหลังของคนๆนั้นที่อยู่ด้านหน้าไปเต็มๆเสียแล้ว เธอร้องโอ๊ยออกมา ยกมือขึ้นลูบไปที่ศีรษะของตนเอง พอเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นผู้ชายที่อยู่ด้านหน้ากำลังหันตัวกลับมา
เจียงหวั่นหวั่นเดิมทียังคิดอยากจะบ่นอีกซักสองสามประโยค แต่ใครจะรู้ว่าพอเห็นใบหน้าของชายหนุ่มชัด สีหน้าก็ถูกปัดเป็นสีแดงขึ้นมา ตะลึงงันอยู่กับที่ไปชั่วขณะ แล้วก็พูดอะไรไม่ออก
ผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าของเธอรูปร่างสูงใหญ่ สวมแว่นตากรอบเงิน บุคลิกสง่า สุภาพอ่อนโยน มองดูเจียงหวั่นหวั่นพลางโน้มศีรษะลงมา เอ่ยถามด้วยเสียงเบาๆว่า “คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”
ทันใดนั้น เจียงหวั่นหวั่นก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นเร็วอย่างบ้าคลั่ง ตื่นเต้นจนแม้แต่คำพูดก็พูดไม่ออก
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างเห็นท่าทีเช่นนี้ของเจียงหวั่นหวั่น ทั้งยังหันไปมองผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ก็เข้าใจขึ้นมาในทันที เธอยื่นมือออกไปผลักเธอเบาๆ จากนั้นเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบาว่า “เขาถามเธอนะ!”
เจียงหวั่นหวั่นได้สติกลับคืนมา เอ่ยขึ้นอย่างกระมิดกระเมี้ยนด้วยใบหน้าที่แดงก่ำว่า “ฉันไม่เป็นไร…ขอโทษค่ะ ชนคุณเข้าหน่อย”
ชายหนุ่มก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ไม่เป็นไรครับ คุณต้องการจะหยิบอะไร? หากไม่ถึงผมช่วยคุณหยิบ”
แก้มทั้งสองข้างของเจียงหวั่นหวั่นแดงก่ำ ชี้ไปยังเซี่ยงจี๊ที่อยู่ในถาดอย่างค่อนข้างเกรงใจและเก้อเขิน
ชายหนุ่มคนนั้นยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือออกไปยกถาดนั้นนำมาส่งให้กับเธอ
เจียงหวั่นหวั่นรับเอาไว้ด้วยท่าทีที่เขินอาย เอ่ยขอบคุณด้วยเสียงที่ราวกับยุงก็ไม่ปาน “ขอบคุณค่ะ…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้างมองเห็นฉากนี้ทั้งหมด อดไม่ได้ที่อยากจะหัวเราะออกมา ที่แท้เจียงหวั่นหวั่นที่ปกติแล้วเรื่อยเปื่อยไม่สนใจอะไร คิดไม่ถึงว่าจะเขินอายเป็นเหมือนกัน
ชายหนุ่มคนนั้นเห็นเจียงหวั่นหวั่นรับถาดไปแล้ว ก็หมุนตัวกลับเดินไปข้างหน้าต่อไป เจียงหวั่นหวั่นหมุนตัวกลับมาอย่างกะทันหัน มองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์แล้วเอ่ยออกมาทีละคำทีละประโยคว่า “ทำยังไงดี? เสว่เอ๋อร์ ฉันดูเหมือนจะรักแรกพบกับเขาเข้าแล้ว…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง หัวเราะพร้อมเอ่ยถามว่า “เธอจริงจัง?”
เจียงหวั่นหวั่นออกแรงพยักหน้าอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย นัยน์ตาสะท้อนประกายของความแน่วแน่และจริงจังขึ้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากแนะนำว่า “งั้น…ก็ไปขอช่องทางการติดต่อสิ”
“แต่ว่า…”
“มีคำว่าแต่มากมายขนาดนั้นที่ไหนกัน ในเมื่อชอบ ก็รีบไปสิ!” ไป๋เสว่เอ๋อร์ผลักเจียงหวั่นหวั่นเบาๆ
เจียงหวั่นหวั่นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ได้ทำงานตัดสินใจ พยักหน้าขึ้นเล็กน้อย “ใช่ เธอพูดถูก!ช่วยฉันถือหน่อย ฉันจะไปเดี๋ยวนี้!”
เจียงหวั่นหวั่นนำเซี่ยงจี๊ที่อยู่ในมือยัดเข้าไปในมือของไป๋เสว่เอ๋อร์ รีบก้าวขาตามชายหนุ่มคนนั้นไปในทันที
ไม่นานนัก เจียงหวั่นหวั่นก็กลับมาถึงหน้าโต๊ะ มองไปยังไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างค่อนข้างที่จะขวยเขิน โบกโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือไปมาพร้อมกับยิ้มแล้วเอ่ยขึ้นมา “ได้มาแล้ว!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองดูเจียงหวั่นหวั่นที่ยิ้มอย่างบริสุทธิ์ไร้เดียงสา ก็นับถือในความกล้าหาญของเธอออกมาจากใจจริง
หากวันนี้เปลี่ยนเป็นเธอ ไม่แน่เธอก็คงไม่ได้มีความกล้าเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้นในด้านของความรู้สึก เธอเป็นฝ่ายที่ได้รับอิทธิพลมาโดยตลอด ก็แม้แต่การถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกก็ยังไม่ถนัด แต่ในด้านนี้เจียงหวั่นหวั่นกลับทำได้ดีมาก สุขเศร้าเหงาโกรธ ก็เป็นไปตามใจของตนเอง
วินาทีนั้น คิดไม่ถึงว่าเธอจะคิดถึงเผยลี่เชินเป็นอย่างมากขึ้นมา หากเขาอยู่ข้างๆ เธอจะต้องยื่นมือเข้าไปกอดเขาและสารภาพความในใจที่ข้างหูของเขาโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อยอย่างแน่นอน
“ใช่แล้วเสว่เอ๋อร์!มีเรื่องนึงยังไม่ได้เล่าให้เธอฟังแหนะ!” เจียงหวั่นหวั่นเอ่ยปากขึ้นมาอย่างกะทันหัน “วันนี้ฉันไปเจรจาโครงการกับลูกค้า พบเข้ากับจินจิงจิงในห้องน้ำ…”
เจียงหวั่นหวั่นนำทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองเห็นและได้ยินบรรยายซ้ำให้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ฟังไปหนึ่งรอบอย่างตื่นเต้น ในขณะที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ฟังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
หากเธอเดาไม่ผิดแล้วล่ะก็ “โครงการงานก่อสร้าง” นั่นที่ออกมาจากปากของจินจิงจิง ก็คือหมายถึงโครงการงานก่อสร้างของรัฐบาลที่เผยลี่เชินจะทำการแข่งขันประมูล แต่การแข่งขันประมูลระหว่างเผยลี่เชินกับเผยอี้ จินจิงจิงทำไมจะต้องแทรกมือเข้าไป? คิดไม่ถึงว่ายังจะยอมละทิ้งความหยิ่งทะนงไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนคนอื่นอีก…
แต่เมื่อวาน เธอกับเผยลี่เชินยังพบเผยอี้อยู่กับผู้หญิงคนอื่น นี่คือเกิดอะไรขึ้นกันแน่…
ในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์เต็มไปด้วยข้อสงสัย และก็ไม่มีกระจิตกระใจฟังเจียงหวั่นหวั่นพูดเยอะขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว รีบทานปิ้งย่างให้เสร็จอย่างรวดเร็ว แล้วรีบเรียกรถกลับบ้านไปในทันที
เพิ่งจะเข้ามาในประตูบ้าน ไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนรองเท้าเสร็จ ก็เอ่ยถามขึ้นมาในทันทีว่า “ป้าจางคะ เผยลี่เชินกลับมาหรือยังคะ?”
“คุณผู้ชายเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน เพราะว่างานเลี้ยงสังสรรค์ดื่มเหล้าเข้าไปไม่น้อย ป้ากำลังคิดจะเอาน้ำซุปแก้เมาที่เพิ่งต้มเสร็จขึ้นไปส่งให้พอดีเลยค่ะ”
เห็นถาดที่ป้าจางถืออยู่ในมือ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ยื่นมือออกไป “ส่งมาให้กับฉันเถอะค่ะ ฉันถือโอกาสยกขึ้นไปข้างบน”
“ค่ะ งั้นคุณระวังหน่อยนะคะ อย่าลวกมือเข้าล่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รับถาดมา กลับไปยังห้องนอนที่อยู่ชั้นสองในทันที
ดันประตูเปิดออก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เห็นเผยลี่เชินได้อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้ว กำลังนั่งคุยโทรศัพท์อยู่บนโซฟา
“อืม พวกนี้คุณเตรียมล่วงหน้าสักหน่อย ยังมีดอกเบญจมาศข้าวของเซ่นไหว้อะไรต่างๆ”
ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดาออกว่าเขากำลังจัดการเรื่องที่จะไปเซ่นไหว้เป็นเพื่อนกับเหอหย่าหานในวันพรุ่งนี้
เธอเดินมาถึงหน้าโต๊ะ นำถาดที่อยู่ในมือวางลงไปเบาๆ หมุนตัวกำลังจะออกจากที่นี่ไป แต่ใครจะรู้ว่าชายหนุ่มยื่นมือออกมาจับข้อมือของเธอเอาไว้แน่น ดึงมาเบาๆ ก็ทำให้เธอไม่สามารถที่จะขยับได้แล้วล้มลงในอ้อมแขนของเขา
“ที่เหลือคุณจัดการเอา เท่านี้ล่ะ” เผยลี่เชินพูดจบ ก็วางสายลงไปในทันที ถือโอกาสนำโทรศัพท์มือถือวางเอาไว้อีกด้าน มืออีกข้างหนึ่งโอบรอบเอวของหญิงสาวเอาไว้
เขายิ้มพร้อมเอ่ยถามเบาๆว่า “มาก็มาแล้ว ยังคิดจะไปที่ไหนอีก?”