ตอนที่ 276 ไม่ต้อนรับผมมา
ได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของจินจิงจิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เดิมทีเธอยังคิดว่าจะสามารถให้เย่หรงชิวช่วยพูดโน้มน้าวเผยอี้ได้ คิดไม่ถึงว่าตัวเธอเองก็ยังติดต่อได้ไม่สำเร็จ
เย่หรงชิวถอนหายใจออกมา “เฮ้อ ฉันก็มาหาเขาเหมือนกัน คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กเวรนี่!แม้แต่เงาก็ยังไม่เห็น!”
“คุณแม่…มาหาเผยอี้ มีธุระอะไรหรอคะ?” จินจิงจิงเอ่ยปากถามขึ้นอย่างลองหยั่งเชิง
ถูกเธอถามเช่นนี้ สีหน้าของเย่หรงชิวก็อึมครึมขึ้นมาในทันที ดูเหมือนไม่ค่อยอยากจะตอบนัก แต่หลังจากที่พิจารณาดูแล้ว ก็ยังคงเอ่ยปากพูดออกมาว่า “จิงจิงอา เธอน่ะไม่รู้ว่า ช่วงนี้เหล่าคุณหญิงคุณนายทั้งหลายที่ชอบอยู่ด้วยกันกับฉัน พูดซุบซิบนินทาฉันไปทั่ว อะไรจริงหรือไม่จริงก็ใส่มาลงที่ฉันหมด ฉันเดาว่ามีคนจงใจชักใยอยู่เบื้องหลัง นี่ก็ อยากจะมาหาเผยอี้สืบข่าวดูสักหน่อย คิดไม่ถึงว่าเขาก็ไม่อยู่เหมือนกัน”
จินจิงจิงได้ฟังเธอพูดเช่นนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วขึ้น ลูกไม้แบบนี้ เธอราวกับจะเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
ช่วงก่อนหน้านี้ด้านมืดของเธอถูกเปิดโปงขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้บริษัทและผลิตภัณฑ์จำนวนไม่น้อยต่างก็ยกเลิกสัญญากับเธอกันหมด จนสุดท้ายยังทำให้เผยอี้โกรธ ทะเลาะกันจนไม่มีความสุข เธอตั้งใจส่งคนไปสืบโดยเฉพาะแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้หาพบอะไรออกมา
หรือว่า คนที่เปิงเผยข้อมูลเหล่านี้คือคนๆเดียวกัน?
จินจิงจิงความคิดหมุนวน เพียงครู่เดียวก็ล็อคตัวฝ่ายตรงข้ามที่น่าสงสัยเอาไว้ได้ เธอค่อนข้างที่จะตื่นเต้นเล็กน้อย มือข้างหนึ่งยื่นออกไปคว้ามือของเย่หรงชิวเอาไว้ในทันที “คุณแม่คะ หนูดูเหมือนจะเดาออกแล้วว่าใครเป็นคนทำ!”
พอเย่หรงชิวได้ฟัง ก็พลอยตื่นเต้นตามขึ้นมาด้วย รีบเอ่ยถามออกมาในทันทีว่า “เธอรู้ว่าเป็นใคร?”
“ช่วงก่อนหน้านี้ด้านมืดข่าวซุบซิบที่เกี่ยวข้องกับเรื่องชู้สาวต่างๆของหนูถูกเปิดเผยอย่างโกลาหลไปทั่ว หนูยังให้คนไปสืบหามาโดยเฉพาะแล้ว ก็ยังหาอะไรไม่พบ นี่แค่เท่าไรเอง เรื่องบางส่วนของคุณแม่ก็ถูกแฉตามมาติดๆ ส่วนนี้เห็นได้ชัดว่าจงใจจะจัดการพวกเรา!” จินจิงจิงหันหน้าไปหาเธออย่างมีความหมายอื่นที่ลึกซึ้ง “คุณแม่ว่า นอกจากคนของตระกูลเผยผู้นั้นแล้ว ยังสามารถเป็นใครได้อีก?”
ทั้งสองคนสบตากันอยู่ครู่หนึ่ง เข้าใจอย่างแจ่มแจ้งในทันที
พุ่งเป้ามาที่พวกเธอสองคนขนาดนี้ นอกจากเผยลี่เชินแล้วคาดว่าคงไม่มีใครเป็นที่สองอีก
สีหน้าของเย่หรงชิวเปลี่ยนไปในทันที เอ่ยอุทานออกมาอย่างประชดประชันว่า “เป็นลูกหมาป่าที่เลี้ยงไม่เชื่องจริงๆ!คิดถึงว่าปกติแล้วฉันก็ไม่เคยปฏิบัติต่อมันอย่างขาดความยุติธรรม คุณท่านเผยฉันก็ดูแลอย่างสุดความสามารถ ทำไมกลับดันไม่มีความดีแม้แต่น้อยในสายตาของมัน?”
จินจิงจิง ดูเหมือนยิ้มแต่ก็ไม่ได้ยิ้ม เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันว่า “หากเขาสามารถเห็นคุณแม่อยู่ในสายตาก็แปลกแล้วล่ะค่ะ คุณแม่เป็นแม่ของเผยอี้ ก็พุ่งตรงไปที่ทรัพย์สินของครอบครัว เขาก็คงไม่คิดถึงความดีของคุณแม่หรอกค่ะ”
“เฮอะ!” นัยน์ตาของเย่หรงชิวส่องประกายความโหดร้ายออกมาเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ งั้นก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่ออมมือ!ไม่ช้าก็เร็วซักวันฉันจะทำให้มันรู้ว่าขิงแก่ถึงจะมีรสเผ็ด!”
พอเห็นเย่หรงชิวโมโห จินจิงจิงก็รีบเติมน้ำมันลงบนกองไฟอยู่ข้างๆในทันที “นั่นสิคะ คุณแม่ อย่าให้มันมาดูถูกคุณแม่ได้!”
เย่หรงชิวได้สติกลับคืนมา หันหน้ากลับไปมองจินจิงจิงอีกครั้ง “แล้วนี่ทางนี้เกิดอะไรขึ้นอีกก? ทำไมเผยอี้สามวันแล้วยังไม่กลับบ้าน?”
บนใบหน้าของจินจิงจิงส่องสะท้อนความลำบากใจออกมาเล็กน้อย “คุณแม่ เรื่องที่หนูแกล้งท้องนั่น…เผยอี้เขารู้แล้วค่ะ”
เรื่องท้องหลอกๆนี้ เธอสารภาพต่อหน้าของเย่หรงชิวมาตั้งนานแล้ว ถึงอย่างไรก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน ต่อให้เธอเสแสร้งไปมากกว่านี้ ก็ปิดบังสายตาอันแหลมคมของคุณนายไม่มิด ยิ่งไปกว่านั้น ในธาตุแท้เดิมพวกเธอก็เป็นผู้หญิงจำพวกเดียวกัน เพื่อเป้าหมายแล้วยอมทำทุกวิถีทางเพื่อนำมาให้ได้
เย่หรงชิวรับรู้ความจริงแล้ว ก็ไม่ได้ตำหนิหรือกล่าวโทษเธอเท่าไรนัก กลับยังกำชับให้เธอต้องจัดการอย่างเรียบร้อยเสียด้วยซ้ำ
“เกิดอะไรขึ้น เธอไม่ใช่ปิดบังไว้อย่างดีหรอกหรอ? เคยบอกนานแล้วให้เธอระวังตัวขึ้น ไม่ฟังกันบ้างเลย!”
“นี่ยังไม่ใช่เพราะไป๋เสว่เอ๋อร์นังคนชั้นต่ำนั่น!” จินจิงจิงโมโหจนกัดฟันกรอด “เดิมทีหนูกำลังคิดว่าจะหาโอกาสจัดการมัน คิดไม่ถึงว่าลูกน้องสองคนโง่มากจนเกินไป ทำเรื่องแตกจนได้!ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ดันเห็นหนูยัดบัตรให้คุณหมออีก มันก็เลยเอาเรื่องนี้พูดโพล่งออกมา!”
เย่หรงชิวขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าไม่ค่อยจะพอใจกับจินจิงจิงเท่าไร “เอาล่ะ ฉันลองคิดหาวิธีดูก่อน แล้วเรื่องข่าวลือซุบซิบที่กระจายไปทั่วของฉันนี่ล่ะจะทำยังไงดี?”
“หนูจะหาคนลองควบคุมเรื่องนี้ให้เงียบลงไปก่อน น่าจะดีขึ้นนิดหน่อย” ในขณะที่จินจิงจิงพูดก็เอ่ยปากถามออกมาว่า “แต่เรื่องของเผยอี้ หนูควรจะเอาเขากลับคืนมายังไงดีคะ?”
เย่หรงชิวจิบน้ำชาคำหนึ่ง “ว่าเธอใจไม่เปิดกว้างเธอยังไม่ยอมรับ!ลูกชายของฉันทำงานแทบเป็นแทบตายอยู่ข้างนอกทุกวัน บางทีวันสองวันไม่กลับมาก็เป็นเรื่องปกติ เธอมีเวลาว่างในการอยู่บ้านนี่ สู้ไปช่วยเขาแก้ไขปัญหายากในการทำธุรกิจยังจะดีเสียกว่า ถึงเวลาการงานของเขาราบรื่นเป็นไปตามใจปรารถนา รู้ว่าเธอทำเพื่อเขามากมายขนาดนี้ ก็กลับมาเองเป็นธรรมดาล่ะ!”
ได้ฟังเย่หรงชิวพูดเช่นนี้ นัยน์ตาของจินจิงจิงก็ส่องสะท้อนแสงเปล่งประกายออกมา “จริงด้วยค่ะ!หากเขาทำงานอยู่ด้านนอกสามารถราบรื่นสมดังใจปรารถนาได้ กลับมาท่าทีที่มีต่อหนูก็จะต้องดีขึ้นมากอย่างแน่นอน!”
เย่หรงชิวพยักหน้าติดต่อกัน “ก็คือหลักเหตุผลนี้น่ะสิ!เธอคิดแทนผู้ชายให้มากหน่อย เขารู้สึกได้ถึงความดีของเธอ ก็ต้องรักและทะนุถนอมเธอขึ้นมาเป็นธรรมดาอยู่แล้ว!”
“คุณแม่ หนูเข้าใจแล้วค่ะ!” จินจิงจิงคิดคำนวณทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองได้ประโยชน์สูงสุดอย่างเบิกบานใจ ในใจมีวิธีการขึ้นมาแล้ว
รอจนกระทั่งเย่หรงชิวกลับไป จินจิงจิงก็ล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วกดโทรออกอย่างไม่รอช้าแม้แต่นาทีเดียว “เสี่ยวชวน พี่มีเรื่องอยากจะรบกวนเธอสักหน่อย เธอมีเวลาว่างไหม? พวกเราคุยกัน…”
เพิ่มความรวดเร็วของความคืบหน้าในการทำงาน ยุ่งตั้งแต่ต้นจนจบมาตลอดหลายวัน ในที่สุดกลุ่มวางแผนก็ได้ทำหนังสือแผนการฉบับสมบูรณ์แบบออกมา วันนั้นช่วงบ่าย หลังจากที่หนังสือแผนการแข่งขันประมูลผ่านสายตาและการตัดสินใจครั้งสุดท้ายของเผยลี่เชินแล้วนั้น ก็ได้นำส่งให้กับฝ่ายผู้เปิดการประมูลในทันที
ตึงเครียดกันมาหลายวัน ไป๋เสว่เอ๋อร์ในที่สุดก็สามารถถอนหายใจออกมาได้อย่างโล่งอก เธอสบตาเข้ากับลู่เหยาเล็กน้อย แล้วเอ่ยปากออกมาเบาๆว่า “ในที่สุดก็จบลงแล้วนะคะ”
ริมฝีปากของลู่เหยาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ “ใช่ ขั้นที่หนึ่งได้จบลงโดยสมบูรณ์แบบ คู่ควรแก่การเลี้ยงฉลอง”
แม้ว่าตอนนี้ยังไม่แน่ชัดถึงผลลัพธ์สุดท้ายของฝ่ายผู้เปิดการประมูล แต่ว่า หนังสือแผนการฉบับนี้ ก็เป็นผลสำเร็จที่พนักงานฝ่ายวางแผนของสองบริษัทร่วมแรงร่วมใจทำออกมากันจริงๆ ในนั้นรวบรวมความคิดใหม่ๆเอาไว้ไม่น้อย ทัศนคติและแผนการต่างก็ค่อนข้างที่จะล้ำสมัย
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเล็กน้อย “ใช่ค่ะ ในที่สุดสมาชิกในกลุ่มเล็กก็สามารถโล่งอกได้แล้ว”
มองเห็นรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมบนใบหน้าของหญิงสา มุมปากของลู่เหยาก็ยกขึ้นตามออกมาโดยไม่รู้ตัว เขาหันไปมองสมาชิกกลุ่มเล็กทั้งหลายที่กำลังตื่นเต้นดีใจแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากเสนอออกมาว่า “สู้เย็นนี้รวมตัวกับทุกคนสักหน่อยจะดีกว่าไหม ฉลองเล็กๆกันสักหน่อย ไม่แน่ต่อไปทุกคนอาจจะไม่มีโอกาสที่จะได้รวมตัวกันแบบนี้อีกแล้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าขึ้นมา “ได้สิคะ!ทุกคนรวมตัวทานข้าวด้วยกัน ทำให้มิตรภาพที่นอกเหนือจากการทำงานแน่นหนาสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
เธอพูดจบ อยู่ๆก็คิดอะไรขึ้นมาได้ ส่งยิ้มไปกับลู่เหยาเล็กน้อย “แต่ว่าเรื่องนี้ ฉันทำการตัดสินใจเองไม่ได้ ยังไงก็ต้องถามท่านประธานเผยสักหน่อย”
ได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยถึง “ท่านประธานเผย” สองคำนี้ บนใบหน้าของลู่เหยาก็ปรากฏความเยือกเย็นเล็กน้อยที่ไม่เด่นชัดขึ้นออกมา เขาพยักหน้าเบาๆ “สมควรอยู่แล้ว งั้นผมรอข่าวจากคุณ”
“ค่ะ”
พูดจบ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หมุนตัวออกจากห้องประชุม มุ่งตรงไปยังห้องทำงานของท่านประธานในทันที
เผยลี่เชินกำลังแจกจ่ายงานให้กับลูกน้อง ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ที่ด้านหน้าประตู รอพวกเขาเรียบร้อย ถึงได้ยกมือขึ้นเคาะไปที่บานประตูเล็กน้อย แล้วเดินเข้าไป
“ท่านประธานเผย งานของกลุ่มวางแผนเล็กได้จบลงโดยสมบูรณ์แบบแล้ว คุณว่าจะฉลองเล็กๆกันสักหน่อยดีไหมคะ หลังเลิกงานทานข้าวด้วยกันอะไรแบบนี้?”
“ได้ คุณจัดการ” เผยลี่เชินตอบรับ เงยหน้ามองมายังไป๋เสว่เอ๋อร์ ส่งยิ้มให้กับเธอเล็กน้อย “แต่ว่า ผมจะไปกับคุณ”
เพิ่งจะถึงเวลาเลิกงาน พวกเขาทั้งกลุ่มก็เดินทางไปที่ห้องรับรองพิเศษของโรงแรมที่จองเอาไว้ล่วงหน้าในทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชินมาถึงล่าช้า เพิ่งจะถึงหน้าประตูห้องรับรองพิเศษ ลู่เหยาก็เดินเข้ามาต้อนรับ “เสว่เอ๋อร์ มาแล้วหรอ?”
พอเห็นเผยลี่เชินที่ยืนอยู่ด้านหลังไป๋เสว่เอ๋อร์ สีหน้าของเขาก็เย็นชาขึ้นมาอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้
เผยลี่เชินเห็นการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกบนใบหน้าของลู่เหยาทั้งหมด เขาเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยถามย้อนกลับเบาๆว่า “ประธานลู่ไม่ต้อนรับผมมาที่นี่หรอครับ?”