ตอนที่ 315 คุณไม่โทษผมหรอ
หลังจากวางสายเสร็จ เผยลี่เชินยืนอยู่ที่หน้าประตู กำมือถือในมือไว้แน่น ยังคงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
คนที่ทำร้ายไป๋เสว่เอ๋อแอบซ่อนตัวอยู่ในที่ลับตา ถ้ามีเจตนาปิดบังหลบซ่อน พวกเขาคงไม่สามารถหาเจอได้ในพนักงานจำนวนมากมายบนเรือ แต่คนที่บงการเรื่องนี้ เป็นใครกันแน่? มีจุดประสงค์อะไร?
คำถามมากมายวนเวียนในหัวของเขา ไม่สามารถหาคำตอบได้ในเวลาอันสั้น
ทันใดนั้นมีเสียงแผ่วเบาดังขึ้นจากในห้อง เขารีบตั้งสติขึ้นมา ผลักประตูเข้าไปทันที
ไป๋เสว่เอ๋อตื่นขึ้นมานั่งอยู่บนเตียง หยิบน้ำขึ้นมาดื่ม จากนั้นถามขึ้น “หาเจอแล้วยังคะ?”
สายตาของเผยลี่เชินนิ่งขรึม เดินไปนั่งข้างหล่อน “ยังเลย ดังนั้นตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป คุณต้องอยู่ในสายตาผมตลอด ห้ามไปไหนเด็ดขาด”
มองดูท่าทีและสีหน้าที่จริงจังของเขา ไป๋เสว่เอ๋อจำต้องตอบลง “โอเคค่ะ ฉันจะทำตามคุณ”
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ช่างแปลกประหลาด ไม่มีลางบอกเหตุอะไรก่อนเลย และดูเหมือนไม่มีเหตุผลอะไร ไม่ว่ายังไงก็ตาม พวกเขาอยู่ในที่ชัดแจ้ง แต่คนร้ายกลับอยู่ในที่มืด หล่อนไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยของตนเองได้ วิธีที่ดีที่สุดคืออยู่ใกล้เผยลี่เชินเข้าไว้
หลังจากนั้นยี่สิบนาที เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงของฉีเฟิง “ประธานเผย ผมเองครับ”
ฉีเฟิงเดินเข้ามา พูดรายงานเหตุการณ์ด้วยสีหน้าจริงจัง “ผมตรวจสอบพนักงานทุกคนบนเรือดูแล้ว ยังหาคนร้ายไม่เจอ พวกเราเดินไปรอบๆในห้องโถง ก็ไม่เจอผู้ต้องสงสัย”
เผยลี่เชินขมวดคิ้ว เงียบไม่พูดอะไรอยู่นาน
ฉีเฟิงพูดต่อ “ประธานลู่คอยจัดการงานด้านนอกอยู่ แต่สามทุ่นจะมีการจุดพลุ ถึงตอนนั้นทุกคนจะขึ้นไปบนดาดฟ้าดูพลุ ถ้าคุณไม่อยู่ เกรงว่าจะดูไม่ค่อยดีนะครับ…”
“ฉันเข้าใจ” เผยลี่เชินจัดคอเสื้อ “นายไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
หลังจากฉีเฟิงเดินออกไป เผยลี่เชินหันหลังไปมองไป๋เสว่เอ๋อทางด้านข้าง พูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณโอเคไหม? ผมไม่วางใจให้คุณอยู่ตรงนี้คนเดียวเลย”
ไป๋เสว่เอ๋อก้มหน้าลง มองดูชุดที่สกปรกเลอะเทอะของตัวเอง ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที อีกอย่างท้ายทอยของหล่อนยังมีรอยแผลอยู่ ถ้าออกไปทั้งอย่างนี้ ผู้คนในงานคงพากันซุบซิบนินทาแน่นอน
หล่อนลังเลอยู่สักพัก พูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “คุณไปเถอะ ฉันขอไม่ไปดีกว่า คุณให้หวั่นหวั่นมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน ฉันรอให้คุณเสร็จงานแล้วเราค่อยกลับพร้อมกัน”
เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว คงไม่มีทางเลือกอื่นอีก แต่ถ้าเขาออกไป แม้ว่าจะให้หวั่นหวั่นมาอยู่เป็นเพื่อนไป๋เสว่เอ๋อ แต่เขาจะวางใจได้อย่างไร?
เมื่อเห็นฝ่ายชายสีหน้านิ่งขรึม ไม่มีท่าทีจะเอ่ยปากพูดอะไร ไป๋เสว่เอ๋อจึงยิ้มให้เขา “ฉันดีขึ้นเยอะแล้วจริงๆ คุณรีบไปเถอะ รีบทำงานให้เสร็จ พาฉันกลับบ้าน”
เมื่อเห็นสีหน้าอันเหนื่อยล้าของหญิงสาวดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา เผยลี่เชินรู้สึกเป็นห่วง เขาจับมือไป๋เสว่เอ๋อไว้ พูดขึ้น “โอเค ผมจะให้เจียงหวั่นหวั่นมาอยู่เป็นเพื่อนคุณ ให้ฉีเฟิงเฝ้าหน้าประตู ผมจะรีบไปจัดการธุระให้เสร็จแล้วพาคุณกลับบ้านนะ”
เมื่อได้ยินเผยลี่เชินพูดเช่นนั้น ไป๋เสว่เอ๋อออกแรงพยักหน้าลง “สบายใจได้ ฉันไม่เป็นไรค่ะ”
ไม่นานนัก หลังจากที่เจียงหวั่นหวั่นมาถึง เผยลี่เชินจึงจะเดินออกไป
เมื่อปิดประตูลง เจียงหวั่นหวั่นนั่งลงไปที่ข้างเตียง มองดูสีหน้าอันซีดเซียวของไป๋เสว่เอ๋อ ถามขึ้น “เสว่เอ๋อ เธอหิวไหม? ถ้าหิว ฉันจะไปหาของกินมาให้”
“ไม่ต้องจ้ะ” ไป๋เสว่เอ๋อส่ายหน้า สีหน้านิ่งขรึมขึ้น “หวั่นหวั่น เธอว่าใครเป็นคงบงการเรื่องที่เกิดขึ้นคืนนี้กันแน่?”
เมื่อได้ยินหล่อนถามเช่นนั้น สีหน้าของเจียงหวั่นหวั่นจริงจังขึ้นมาทันที “ฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนที่มีความขัดแย้งกับเธอช่วงนี้?”
หล่อนพูดจบ เหลือบมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อ ทั้งสองสบตากัน ราวกับคิดอะไรขึ้นมาได้ “หรือจะเป็นสวี่เยว่หรู!”
วันนี้พวกหล่อนมีปากเสียงกับสวี่เยว่หรูบนเรือสำราญ ดังนั้นบุคคลที่น่าสงสัยที่สุดคือหล่อน
ไป๋เสว่เอ๋อขมวดคิ้ว ส่ายหน้าพูดด้วยเสียงเบา “น่าจะไม่ใช่หล่อน”
ในความรู้สึกของหล่อน แม้ว่าสวี่เยว่หรูจะไม่ชอบหล่อน แต่หล่อนคงไม่กล้าวานคนมาทำร้ายไป๋เสว่เอ๋อ เพราะหล่อนเป็นผู้ช่วยของเผยลี่เชินมานานหลายปี คงรู้ดีว่าถ้าถูกตรวจเจอจะเกิดอะไรขึ้น
เจียงหวั่นครุ่นคิดไปมา ยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะมีใครอีก “งั้นจะเป็นใครได้ล่ะ?”
เดาอยู่สักพัก ไม่มีอะไรคืบหน้า ทั้งสองจึงเปลี่ยนเรื่องคุย เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมงกว่าอย่างรวดเร็ว ทั้งสองได้ยินเสียงโหวกเหวกจากด้านนอก คงเป็นเพราะจุดพลุกันแล้ว งานเลี้ยงใกล้ดำเนินมาถึงช่วงสุดท้ายแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อหมดเรี่ยวแรง หลับไปบนเตียงโดยไม่รู้ตัว เมื่อเผยลี่เชินกลับมาถึงห้อง เห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อนอนหลับไปแล้ว พร้อมกับเจียงหวั่นหวั่นที่นั่งหลับอยู่ข้างเตียงหล่อน
“อะแฮ่ม!”
เขากระแอมออกมาเบาๆ เจียงหวั่นหวั่นสะดุ้งตื่น ลุกขึ้นมาทันที เมื่อเห็นเผยลี่เชินที่ยืนอยู่ด้านข้าง หล่อนรู้สึกตื่นตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ประธานเผย!”
เผยลี่เชินกวาดสายตามองไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง พูดขึ้น “ผมพาหล่อนกลับบ้าน เดี๋ยวผมจะให้ลูกน้องไปส่งคุณที่บ้านอย่างปลอดภัย คุณไม่ต้องกังวล”
เจียงหวั่นเดินถอยหลังไป หลีกทางให้เผยลี่เชิน “รับทราบค่ะ”
แม้ว่าช่วงนี้หล่อนเจอกับเผยลี่เชินบ่อยๆ แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นประธานบริษัทที่หล่อนทำงาน หล่อนเป็นเพียงพนักงานตัวเล็กๆ เมื่อเจอเขาก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเป็นธรรมดา
หลังจากที่เจียงหวั่นหวั่นกลับไป เผยลี่เชินจึงเดินไปที่ข้างเตียงของหล่อน มองดูหญิงสาวหายใจเข้าออกด้วยความอ่อนโยน รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาทันที เขาโน้มตัวลง ค่อยๆอุ้มหล่อนออกไปด้านนอก
เมื่อลงจากเรือ เผยลี่เชินอุ้มไป๋เสว่เอ๋อขึ้นรถ ให้คนขับรถขับมุ่งตรงไปที่บ้าน
เมื่อเดินทางกลับได้ครึ่งทาง ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจึงตื่นขึ้นมา เมื่อลืมตาขึ้น หล่อนก็พบว่าตัวเองซบอยู่ในอ้อมอกของเผยลี่เชิน เมื่อเงยหน้ามองขึ้นไปเห็นใบหน้าอันดูดีของเขา หล่อนเขินจนหดคอลงไปทันที
หล่อนค่อยๆยกมือขึ้น ใช่นิ้วลูบไปที่บริเวณคอที่นูนเว้าของฝ่ายชาย
แม้ว่าหล่อนจะทำอย่างเบามือ แต่เผยลี่เชินก็รู้สึกได้ เขาก้มหน้าลงมา มองดูหญิงสาวที่ไม่ทันได้เก็บมือกลับไป เขาจึงยื่นมือออกมาจับมือหล่อนไว้แน่น
สีหน้าของหล่อนตกใจราวกับเด็กน้อยแสนดื้อที่ถูกจับได้ สายตาของเผยลี่เชินดูอ่อนโยนขึ้นมาก
แต่ต่อมาเขาก็รู้สึกทุกข์ใจ ลังเลอยู่สักพัก เอ่ยปากถาม “จับคนร้ายไม่ได้ คุณไม่ถือโทษโกรธผมหรอ?”
ได้ยินเช่นนั้น ไป๋เสว่เอ๋อยื่นมืออกมา โอบคอของเขาไว้แน่น พูดขึ้น “คุณพยายามเต็มที่แล้ว เรื่องนี้ไม่โทษคุณหรอกค่ะ”
“คุณเข้าใจถือเป็นเรื่องดีที่สุด” เผยลี่เชินเงียบไปครู่หนึ่ง ถามต่อ “ช่วงสองสามวันนี้ คุณไม่ต้องไปบริษัทนะ อยู่พักผ่อนที่บ้าน”
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ไป๋เสว่เอ๋อตื่นขึ้นมาทันที หล่อนรีบลุกขึ้นนั่งทันที ถามเขาด้วยความประหลาดใจ “ทำไมไม่ให้ฉันไปบริษัทล่ะคะ?