ตอนที่ 333 มีอนาคตร่วมกันไหม
เหอหย่าหานหน้าบึ้งตึงทันทีที่เห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ ผ่านไปไม่กี่นาที เธอจึงฝืนยิ้มพูดเรียบๆ “คุณไป๋ก็มาด้วย”
แม้ว่าเสียงเธอจะไม่ดัง แต่ก็ทำให้พวกเขาได้ยินชัดเจน จากคำพูดที่พุดออกมาก็พอวิเคราะห์ได้ว่า เธอรู้สึกไม่มีความสุขเลย
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มอย่างสดใสเมื่อได้ยิน เธอก้มลงมองผ้าพันคอในมือ ยิ้มน้อยๆ “คุณเหอยัดผ้าพันคอไว้แน่นมาก ถ้าฉันไม่มา เกรงว่าลี่เชินก็คงหาไม่เจอ พวกเราจึงเอาผ้าพันคอมาคืนคุณ คุณเหอไม่ดีใจเลยหรือคะ?”
คำพูดง่ายๆ แต่ทำให้เหอหย่าหานถึงกับหน้าดำหน้าแดง เธอขมวดคิ้วเข้มจนในที่สุดก็ผ่อนคลายพร้อมกับคำพูด “ทำไมฉันจะไม่ดีใจ”
“ดีใจก็ดีแล้ว” ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม “ไม่อย่างนั้นฉันก็คงคิดว่าคุณเหอยังคงหมกหมุ่นอยู่กับเรื่องครั้งที่แล้ว”
“เรื่องครั้งที่แล้ว” ซึ่งก็คือเรื่องที่เหอหย่าหานพูดโกหกเพื่อบีบบังคับเผยลี่เชินให้รับผิดชอบในตัวเธอ
เรื่องนี้ทุกคนต่างเข้าใจดี แต่เพื่อรักษาหน้าของเหอหย่าหานจึงไม่พูดอะไร วันนี้ไป๋เสว่เอ๋อร์มาพูดแบบนี้ก็เท่ากับตบหน้าเธอชัดๆ
ทันใดนั้นสีหน้าของเหอหย่าหานดูหมองลง ยิ้มไม่ออก พูดเสียงเย็น “ในเมื่อมาถึงแล้ว พวกเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
พูดจบเธอก็ก้าวเท้าเดินไป ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
เมื่อเห็นเหอหย่าหานอึ้งพูดอะไรไม่ออก ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงยิ้มมุมปาก
หลังจากที่เกิดเรื่องกับตระกูลไป๋ ทุกคนต่างก็มองเธอว่าเป็นกระต่ายน้อยที่ไม่รู้ความอะไรเลย แต่กาลเวลาผ่านมาเนิ่นนาน อีกทั้งสูญเสียคนที่รักไป ก็ทำให้เธอโตเป็นผู้ใหญ่ เธอในตอนนี้แตกต่างจากไป๋เสว่เอ๋อร์คนเดิมที่ถูกรังแกแล้วได้แต่นิ่งเฉย
เผยลี่เชินสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของฝ่ายหญิง จิตใจจึงรู้สึกสับสน เขาจึงเอื้อมมือโอบไหล่เธอไว้ แต่ก็นิ่งไม่พูดอะไรออกมา
ทั้งสามคนเดินตามบริกรไปจนถึงที่ห้องพิเศษบาร์หลันกุ้ยฟัง ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งตรงข้ามกับเหอหย่าหาน จึงยิ้มให้ “คุณเหออยากกินอะไร สั่งตามสบายเลยคะ วันนี้ลี่เชินเลี้ยง”
เหอหย่าหานยกมุมปาก มือก็พลิกเมนูไปมา สั่งอาหารสองสามอย่าง “สลัดทะเล กระเจี๊ยบแดงผัด”
หลังจากสั่งเสร็จก็ปิดเมนู พูดเบาๆ “ที่เหลือพวกคุณก็สั่งเองละกัน”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ได้ยินเหอหย่าหานสั่งอาหารเป็นประเภทมังสสวิรัติ เธอจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณเหอไม่ต้องเกรงใจ ทุกคนต่างก็เป็นคนกันเอง ลี่เชินกับคุณก็โตมาด้วยกัน คิดว่าคุณเป็นเหมือนน้องสาว ไม่ต้องทำตัวสุภาพมากนัก มาบาร์หลันกุ้ยฟังไม่สั่งพิราบย่าง กับคากิแก้วก็เหมือนขาดสีสัน สั่งอาหารทะเลอื่น….”
เธอพูดแบบสบายๆ แต่กลับทำให้เหอหย่าหานรู้สึกอ่อนไหว ทันใดนั้นผู้หญิงที่นั่งตรงข้ามก็รู้สึกร้อนผ่าว ทำให้ใบหน้ากลายเป็นสีแดง
สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บปวดที่สุดคือการที่เผยลี่เชินเห็นเธอเป็นน้องสาว ทั้งๆ ที่เธอแอบรักเผยลี่เชินมาหลายปี แต่ก็ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ เลยสักนิด แล้วไป๋เสว่เอ๋อร์ยังมาพูดตอกย้ำอีก เธอเองก็สุดที่จะทน
เธอไม่ได้สนใจเผยลี่เชินที่นั่งอยู่ตรงข้าม อดไม่ได้ที่ยกมือแล้วตบลงบนโต๊ะ
ทันใดนั้นอุณหภูมิภายในห้องพิเศษก็ลดลงอย่างฉับพลัน บริกรที่ยืนจดอาหารอยู่ข้างๆ ยังตกใจ
การกระทำของเหอหย่าหานไม่ได้ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ประหลาดใจ อีกทั้งยังขมวดคิ้วถามเธอ “คุณเหอเป็นอะไรคะ ฉันพูดผิดหรือคะ?”
เหอหย่าหานถอนหายใจ คิดไม่ถึงว่าไป๋เสว่เอ๋อร์จะเปลี่ยนเป็นฉลาดและพูดเก่ง อีกทั้งยังทำหน้าไร้เดียงสา เธอกำหมัดแน่นแต่กลับไม่พูดอะไรออกมา
เผยลี่เชินยื่นมือมารับเมนูจากไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดเสียงธรรมดา “ฉันช่วยสั่งให้”
“คะ”
ทั้งสองดูเข้ากันได้ดีเหมือนแม่เหล็กที่ดึงดูดเข้าหากันจนไม่มีช่องว่างให้กระดาษเข้าไปสอดแทรกได้
มองทั้งสองคนอยู่ชั่วขณะ ความโกรธของเหอหย่าหานก็อันตรธานหายไปอย่างสิ้นเชิง เธอรู้สึกมาตลอดว่าเธอไม่สามารถอยู่กับเผยลี่เชินได้เพราะเธอพยายามไม่พอ แต่ตอนนี้มาเห็นเผยลี่เชินอยู่กับไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอไม่ต้องทำอะไรเลย เผยลี่เชินก็อยู่แนบชิดกับเธอ ความสัมพันธ์ของทั้งสองแม้จะรู้สึกแปลกๆ อยู่ แต่คนอื่นก็ไม่อาจแทรกแซงได้
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าตัวเองแพ้แล้ว
“ไม่เป็นไร” เหอหย่าหานหายใจลึกๆ สงบสติอารมณ์ ก้มหน้าด้วยสีหน้าเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง
หลังจากที่อาหารมาหมดแล้ว บริกรก็ไปแล้วไป๋เสว่เอ๋อร์มองไปที่เหอหย่าหาน แล้วพูดเบาๆ “คุณเหอ คุณลองชิมอาหารนี่ดูซิ นกพิราบย่างที่นี่รสชาติไม่เลว”
เหอหย่าหานยิ้มเย็นชา เธอไม่สามารถเก็บซ่อนคำพูดไว้ในใจได้อีกต่อไป เธอหายใจลึก มองไป๋เสว่เอ๋อร์แล้วพูดตรงๆ “คุณไป๋ ความสัมพันธ์ระหว่างเราไม่ต้องแกล้งทำอีกต่อไป”
ขณะพูดก็มองไปที่เผยลี่เชิน หายใจลึกก่อนพูดต่อ “เผยลี่เชิน คุณไม่เคยคิดว่าฉันจะชอบคุณมาก แต่คุณ…หลายปีมานี้ไม่เคยตอบรับรักฉันเลย ฉันรู้สึกมาตลอดว่าคุณเป็นคนเย็นชา แต่พอเห็นคุณอยู่กับไป๋เสว่เอ๋อร์ ฉันถึงได้รู้ว่าคุณเป็นคนอบอุ่น อ่อนโยนมากคนหนึ่ง!”
เหอหย่าหานดวงตาเป็นประกายขณะพูด เธอหายใจลึกแล้วถามว่า “ฉันอยากถามคุณ นอกจากความเป็นพี่น้องแล้ว คุณเคยคิดรักฉันบ้างไหม? แม้สักเสี้ยววินาทีหนึ่ง”
“ไม่มี” เผยลี่เชินตอบอย่างจริงจัง ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของเขา สีหน้าของเหอหย่าหานดูเศร้าหมอง เมื่อเห็นว่าน้ำตาใกล้จะไหลออกมาจากดวงตา เธอก็รีบลุกขึ้นหันไปทางเผยลี่เชิน
“เผยลี่เชิน!” เหอหย่าหานไหล่สั่นสะท้าน “ถือว่าฉันตาบอด หลายปีที่ผ่านมาถือว่าฉันไปมีใจให้ผิดคน!”
หลังจากพูดจบ เธอก็จากไป ไม่หันกลับมามอง ผลักประตูเดินออกจากห้องไป
ประตูกระแทกเสียงดัง “ปัง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอนหายใจ กำมือแน่นเล็กน้อยโดยไม่รู้ตัว
จริงๆ แล้วมันโหดร้ายมาก เหอหย่าหานไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนก็จะไม่ได้เรียนรู้อะไร ไป๋เสว่เอ๋อร์เคยเป็นคุณหนู ตัวเองพูดว่าลมเป็นฝนก็ยังได้ อยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่ตอนนี้เธอเข้าใจแล้วว่าชีวิตคนเราไม่ใช่แบบนั้น
ครั้งนี้เธอตั้งใจแสดงให้เหอหย่าหานได้เห็นต่อหน้า ก็เพื่อให้เธอได้เข้าใจเหตุผล
บรรยากาศภายในห้องเงียบไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่พูดอะไร แต่รู้สึกว่าที่ไหล่ของเธอ จึงหันไปมองก็พบว่าเป็นฝ่ายชายกำลังมองเธออยู่ด้วยสายที่ชัดเจน
“เป็นอะไรไป?”
ดวงตาของเผยลี่เชินสั่นไหวเล็กน้อย พูดเบาๆ “เธอรู้จักคนผิด แต่ฉันไม่”
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นไหว ตอนแรกอยากโอบกอดเขา แต่มีบางสิ่งทำให้เธอไม่สบายใจ
ในที่สุดเธอก็เอื้อมมือมากุมมือของฝ่ายชาย คิดอย่างเงียบๆ “หวังว่าฉันจะเป็นเหมือนกัน”
ถ้าเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับพ่อไม่เกี่ยวข้องกับเผยลี่เชิน ก็คงจะดีไม่น้อย แต่ถ้าผลมันเป็นตรงข้ามกันล่ะ? เธอเองก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่า เธอจะมีอนาคตร่วมกับเผยลี่เชินไหม…