สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 318

ตอนที่ 318

ตอนที่ 318 คุณไม่มีคุณสมบัติพอ

เมื่อพวกเขาทั้งหมดเดินไปได้สักพักหนึ่งนั้น กู้หลี่เหลียงก็เอ่ยปากพูดออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “ลี่เชิน ฉันจะบอกอะไรให้นะ นายห้ามพลาดห้องเก็บไวน์ของที่นี่เด็ดขาด! ที่นี่เก็บไวน์ชั้นดีเอาไว้ไม่น้อยเลยทีเดียวล่ะ!”

เผยลี่เชินกึ่งยิ้มกึ่งหน้านิ่ง เขาไม่ได้สนใจในเรื่องที่กู้หลี่เหลียงพูดเท่าไรนัก เขาคอยแต่หันหลังไปดูอยู่บ่อยครั้ง และชะลอความเร็วของการเดินเพื่อรอให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามเขามาได้ทัน

การที่เจียงหวั่นหวั่นถูกกู้หลี่เหลียงจ้องเขม็งไปเมื่อครู่นี้ ดูเหมือนว่านั่นจะทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาเล็กน้อย เธอดึงเสื้อผ้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้อย่างเบามือ และจงใจค่อยๆ เดินอย่างช้าๆ

“โครก…..”

เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างผิดที่ผิดเวลา และเสียงที่ว่านั้นก็ดังใช้ได้เสียด้วย เจียงหวั่นหวั่นเอามือมากุมท้องของเธอเอาไว้ เธอมองไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเขินอาย “วันนี้พอดี…ฉันตื่นเช้าไปหน่อย ก็เลยกินข้าวไม่ทันน่ะ”

เมื่อได้ยินว่าเพื่อนรักยังไม่ได้กินข้าวเช้า ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงรีบเอ่ยปากพูดขึ้นมาทันทีว่า “เดี๋ยวฉันพาเธอไปหาอะไรองท้องสักหน่อยที่ร้านอาหารก่อนก็แล้วกัน”

นอกจากไป๋เสว่เอ๋อร์จะเข้าใจสถานการณ์นี้เป็นอย่างดีแล้ว ถ้าเกิดบอกให้บรรดาชายหนุ่มไปที่ร้านอาหารกับพวกเธอด้วยกัน เจียงหวั่นหวั่นคงจะต้องเขินอายเป็นอย่างมากแน่นอน เธอจึงเอื้อมมือออกมาและดึงเผยลี่เชินเบาๆ พร้อมกับกระซิบบอกเขาว่า “ฉันจะพาเจียงหวั่นหวั่นไปหาอะไรรองท้องก่อนนะ พวกคุณไปที่ห้องเก็บไวน์กันก่อนเลย ดีไหมคะ”

เผยลี่เชินกวาดสายตามองไปรอบๆ และเมื่อเขาเห็นสีหน้าที่แสนเขินอายของเจียงหวั่นหวั่น เขาก็คิดคำนวณบางอย่างขึ้นภายในใจ และบังเอิญกับที่เขาอยากจะหาโอกาสปลีกตัวเพื่อพูดคุยบางอย่างกับกู้หลี่เหลียงด้วย เขาจึงตกปากรับคำหญิงสาวไป “ได้ ผมจะให้โจ๋วฝันไปกับพวกคุณด้วย ไว้พวกคุยทานอะไรเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราค่อยไปเที่ยวเล่นด้วยกัน”

ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น เขาก็มองไปที่โจ๋วฝันที่คอยเดินติดตามพวกเขาอยู่ที่ด้านหลังอย่างเงียบๆ พร้อมกับโบกมือเรียกโจ๋วฝัน “นายมีหน้าที่ดูแลพวกเธอให้ปลอดภัยนะ”

โจ๋วฝันรีบพยักหน้าตอบรับในทันที

หลังจากที่เผยลี่เชินและกู้หลี่เหลียงเดินจากไปแล้วนั้น เจียงหวั่นหวั่นก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้เสียที เธอทักทายโจ๋วฝันด้วยท่าทีที่แสนร่าเริง “ไงจ๊ะ น้องโจ๋วฝัน เจอกันอีกแล้วนะ!”

โจ๋วฝันยิ้มให้กับหญิงสาวทั้งสองคน พร้อมกับพูดเบาๆ ว่า “พี่สาวทั้งสองคนจะไปไหนกันเหรอครับ เดี๋ยวผมพาพวกพี่ไปเอง”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ถามเขากลับไปด้วยรอยยิ้มว่า “เธอคุ้นเคยกับที่นี่ไหม”

โจ๋วฝันพยักหน้าและพูดออกไปตามความจริงว่า “ผมเคยมากับคุณชายกู้ครั้งหนึ่งครับ”

เมื่อได้ยินคำว่า “คุณชายกู้” สามคำนี้ เจียงหวั่นหวั่นเหลือบมองไปที่บรรดากลุ่มคนที่เดินจากไปไกลได้สักพัก จากนั้นเธอก็เอ่ยปากถามขึ้นมาว่า “ใช่คนที่แต่งตัวดูดีที่กำลังเดินอยู่หน้าสุดคนนั้นหรือเปล่า”

โจ๋วฝันลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็พยักหน้า “ใช่ครับ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงหวั่นหวั่นก็เบ้ปากขึ้นมาในทันที “เป็นอย่างที่ฉันคิดจริงๆ ด้วย เขาเป็นพวกลูกคุณหนู เสว่เอ๋อร์ บอกฉันหน่อยสิว่าผู้ชายดีๆ อย่างเผยลี่เชิน ทำไมถึงได้ไปคบค้าสมาคมกับคนแบบนั้นกันได้”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้มและเข้าใจชัดเจนดีว่าเจียงหวั่นหวั่นกำลังเริ่มเข้าใจกู้หลี่เหลียงผิดเข้าอย่างเต็มเปาแล้ว เมื่อพูดถึงกู้หลี่เหลียงแล้ว เขาเป็นคนที่มีนิสัยสะเพร่าและดูเหลวไหลจริง ดูเผินๆ นั้นเหมือนกับพวกลูกคุณหนูที่แสนร่ำรวยแต่กลับโง่เขลาและช่างไร้ความสามารถ และเมื่อรวมกับเมื่อครู่นี้ที่เขาพูดจาแซวเล่นอย่างไม่อ้อมค้อมแบบนั้นด้วยแล้ว จึงไม่น่าแปลกใจที่เจียงหวั่นหวั่นจะรู้สึกอคติกับเขาขึ้นมาเสียแล้ว

“ผู้ชายอย่างกู้หลี่เหลียง บางครั้งเขาก็เป็นคนสบายๆ ไม่สนใจอะไรหยุมหยิมเท่าไร แต่ถ้าพูดถึงเรื่องการทำธุรกิจขึ้นมาแล้วล่ะก็ เขาเป็นคนที่เก่งมากทีเดียว บาร์โยวหลันที่ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองนั่นก็ได้เขาเข้ามาช่วยบริหารดูแลจัดการร้านให้อยู่”

เมื่อได้ยินไป๋เสว่เอ๋อร์พูดแบบนั้นแล้ว เจียงหวั่นหวั่นก็ไม่ได้คิดอะไรอีกต่อไป เธอได้แต่ลูบท้องของเธออย่างเหม่อลอย พร้อมกับเอ่ยปากถามออกไปว่า “ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว เราไปหาอะไรกินกันเถอะนะ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ้ม และมองไปที่โจ๋วฝันที่ยืนอยู่ข้างๆ “ได้สิ โจ๋วฝัน เธอช่วยพาเราไปหาอะไรทานหน่อยสิ”

ทั้งสามคนพลางพูดคุยพลางหัวเราะระหว่างเดินไปที่ร้านอาหารด้วยกัน ที่นี่คือสถานที่จำหน่ายทั้งอาหารและเครื่องดื่มของคฤหาสน์ส่วนตัวแห่งนี้ ที่นี่มีขนาดใหญ่มาก และมีอาหารให้เลือกมากมายละลานตาไปหมด พวกเขาเดินเข้ายังบริเวณบริการตนเอง เจียงหวั่นหวั่นรีบหยิบจานขึ้นมาตักอาหารด้วยความตื่นเต้นในทันที

“พี่เสว่เอ๋อร์ พี่ไม่กินเหรอครับ” โจ๋วฝันมองดูไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะ และอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามออกมา

“เมื่อเช้าพี่ทานข้าวเช้ามาแล้วล่ะ เธอช่วยยกกาแฟมาให้พี่สักแก้วก็พอแล้วล่ะ”

เมื่อโจ๋วฝันได้ยินดังนั้น เขาก็รีบทำตามโดยทันที

หลังจากนั้นไม่นาน เจียงหวั่นหวั่นก็เดินถือจานสองใบใหญ่ที่มีอาหารเรียงรายอยู่เต็มมาวางลงบนที่โต๊ะ พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นว่า “เสว่เอ๋อร์ ฉันขอบอกเธอไว้ตรงนี้เลยนะว่าฉันสามารถอยู่ที่นี่ได้ทั้งวันเลยล่ะ!”

เมื่อได้ยินเจียงหวั่นหวั่นพูดเช่นนั้นแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา “เธอนี่มันนักกินทีมชาติของแท้เลยล่ะ!”

ทันทีที่เธอพูดจบนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นโจ๋วฝันกำลังเดินถือจานสองใบใหญ่มาที่โต๊ะ เขามีสีหน้าที่ตื่นเต้นเป็นอย่างมากเหมือนกับเจียงหวั่นหวั่นไม่มีผิดเลยแม้แต่นิดเดียว!

ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหัวและยิ้มออกมาอย่างช่วยไม่ได้ สงสัยว่าวันนี้เธอคงจะต้องอยู่กับหนุ่มสาวนักกินทีมชาติทั้งสองคนนี้ไปตลอดทั้งวันอย่างแน่นอน!

“พวกเธอสองคนเนี่ย ถ้าอายุเท่ากันแล้วล่ะก็ คงจะต้องเหมาะสมกันอย่างไม่มีที่ติแน่นอน!”

เจียงหวั่นหวั่นหยิบครีมพัฟฟ์ใส่เข้าไปในปาก จากนั้นเธอก็ตะโกนออกมาว่า “ฉันไม่มีทางชอบเด็กอมมือหรอกน่า!”

เมื่อโจ๋วฝันที่นั่งอยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้น เขาก็ขมวดคิ้ว และโต้ตอบกลับไปอย่างไม่ไว้หน้าว่า “ผมเองก็ไม่ชอบผู้หญิงที่กินจุมากขนาดนี้หรอก! ใครจะไปเลี้ยงไหว!”

ทันทีที่เจียงหวั่นหวั่นได้ยินโจ๋วฝันพูดแบบนั้น เธอก็รู้สึกไม่ยอมแพ้ขึ้นมาในทันที ทั้งสองคนใช้วาจาโต้ตอบกันกลับไปกลับมา ราวกับเป็นเด็กประถมที่กำลังทะเลาะกันไม่มีผิด สงครามน้ำลายที่ไม่มีใครยอมใครยังคงดำเนินต่อไป

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ขณะที่เธอกำลังมองดูเด็กน้อยสองคนทะเลาะกันอยู่นั้น เธอก็รู้สึกอยากที่จะหัวเราะขึ้นมา

“เสียงใครกันเนี่ย! ยังจะมาทะเลาะกันไม่หยุดในสถานที่แบบนี้อีก ไม่มีมารยาทเอาซะเลย ไหน ขอฉันดูหน้าหน่อยสิ! อ้อ พวกเธอนี่เอง!”

เสียงที่ดังฟังชัดของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นมา เสียงที่ว่านั้นทำให้การทะเลาะกันของทั้งสองคนนั้นหยุดลงในทันที พวกเขาทั้งหมดหันไปมองต้นตอของเสียงนั้นอย่างพร้อมเพรียง จากนั้น พวกเขาก็เห็นจินจิงจิงที่ยืนอยู่ไม่ไกลจากพวกเขา กำลังยืนเอามือทั้งสองข้างกอดไว้ที่อก สายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความเย้ยหยันอย่างเห็นได้ชัด

อะไรจะบังเอิญขนาดนี้ พวกเขาได้มาพบกับจินจิงจิงที่นี่ด้วย

สีหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย ขณะที่เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรออกไปนั้น จินจิงจิงก็ยังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกเย้ยหยันว่า “ไป๋เสว่เอ๋อร์ หัดดูแลลูกน้องของเธอซะบ้างนะ อย่าปล่อยให้พวกเขามาเอะอะโวยวายที่นี่ ทำบรรยากาศเสียหมด! นานๆ ทีฉันจะออกมาเที่ยว ก็ดันต้องมาเจอกับพวกเธอเข้าเสียได้ โชคร้ายชะมัด!”

น้ำเสียงเยาะเย้ยของเธอนั้นชัดเจนเป็นอย่างมาก สีหน้าของเจียงหวั่นหวั่นและโจ๋วฝันนั้นเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว ถึงแม้จะมองข้ามเรื่องตัวตนของเธอไป การที่ถูกเธอพูดแบบนี้เข้า ก็ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าจะตอบโต้กลับไปอย่างไรเหมือนกัน

จินจิงจิงกวาดสายตามองดูพวกเขา จากนั้น เธอก็เชิดคางขึ้นอย่างภูมิใจ และหันหลังเดินไปทางอื่น

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ลังเล จากนั้นก็ตะโกนด้วยเสียงที่เย็นชาว่า “จินจิงจิง!”

จินจิงจิงชะงักไปครู่หนึ่ง เธอหันหลังกลับมามองหญิงสาว ใบหน้าของเธอยังเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “มีอะไร หรือว่าเธออยากจะมีเรื่องกับฉันงั้นเหรอ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ พูดทีละคำทีละประโยคอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ถึงจะมีเรื่อง ฉันก็คงสู้คุณไม่ได้ ฉันแค่อยากจะเตือนคุณสักหน่อยว่า ที่นี่ไม่ใช่ที่ของคุณ คุณมาที่นี่ได้ พวกเราก็มาที่นี่ได้เหมือนกัน ไม่ต้องมาทำตัวสูงส่งหรูหราดูมีราคาและมองพวกเราแบบนี้หรอกค่ะ คุณไม่มีคุณสมบัตินั้นเลยสักนิดเดียว”

น้ำเสียงของเธอไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตนแต่ก็ไม่ได้แข็งกร้าวเกินไปนัก เธอพูดความรู้สึกที่มีทั้งหมดให้จินจิงจิงได้รับรู้ เมื่อแขกคนอื่นที่กำลังทานอาหารอยู่ในร้านอาหารนั้นได้ยินเข้า ทุกคนต่างก็หันมามองจินจิงจิงเป็นสายตาเดียวกัน

ทันใดนั้น จินจิงจิงก็หัวร้อนและโกรธจัดขึ้นมาในทันที เธอก้าวไปข้างหน้าและจ้องไป๋เสว่เอ๋อร์ พร้อมกับพูดเสียงดังว่า “ฉันไม่มีคุณสมบัติอย่างนั้นเหรอ แล้วเธอมันดีอย่างไรถึงได้มาพูดกับฉันแบบนี้ อาศัยว่าได้ขึ้นเตียงกับเผยลี่เชินแล้ว เธอก็เลยกล้ามาต่อปากต่อคำกับฉันสินะ”

เพื่อทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอับอาย จินจิงจิงจึงพูดออกมาด้วยที่ดังฟังชัด ทุกๆ คำในประโยคนั้นสามารถได้ยินชัดเจน รวมไปถึงชื่อของ “เผยลี่เชิน” ด้วย

บรรดาแขกคนอื่นที่อยู่ในร้านอาหารแห่งนี้ต่างเป็นคนที่มีหน้ามีตาของเขตไห่เฉิงทั้งสิ้น เมื่อได้เห็นซีนแสดงอารมณ์ระหว่างผู้หญิงสองคนแบบนี้แล้ว พวกเขาก็ยากที่จะทำเป็นไม่สนใจได้ บางคนถึงกับคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาและถ่ายรูปสถานการณ์นี้เอาไว้อย่างเงียบๆ

เมื่อโจ๋วฝันเห็นสถานการณ์ท่าไม่ค่อยดีแล้ว เขาจึงกลัวว่าจินจิงจิงจะเข้าไปทำร้ายไป๋เสว่เอ๋อร์ โจ๋วฝันจึงก้าวเข้าไปยืนขวางที่ข้างหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ และกันให้เธออยู่ด้านหลังของเขา

เขาจ้องมองไปที่จินจิงจิง และพูดอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “คุณจินครับ ช่วงระวังคำพูดของคุณด้วยนะครับ”

เผยลี่เชินสั่งให้เขาดูแลปกป้องไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นอย่างดี ในเมื่อเจ้านายสั่งมาแล้ว เขาก็ต้องทำตามให้ดีที่สุด

สีหน้าของจินจิงจิงเปลี่ยนไปในทันที สายตาของเธอเปล่งประกายด้วยความโกรธอย่างรุนแรง “คุณพูดอะไรของคุณ! ให้ฉันระวังคำพูดอะไรกัน!”

ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น หญิงสาวก็เงื้อมือขึ้น และตบเข้าไปที่ใบหน้าของโจ๋วฝันอย่างจังในทันที

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท