ตอนที่ 316 นานวันเข้า คุณยิ่งเพอร์เฟ็กต์มากขึ้นทุกที
เผยลี่เชินค่อยๆ เอ่ยปากอธิบายออกไปอย่างไม่รีบร้อนว่า “ช่วงนี้ทางบริษัทไม่ได้มีงานยุ่งขนาดนั้น คุณเองก็ทำงานหนักมาช่วงหนึ่งแล้ว คุณก็ควรจะต้องได้ไปพักผ่อนเสียบ้าง อีกอย่างคุณก็มีบาดแผลที่ศีรษะด้วย ผมเป็นห่วงคุณ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “แต่ว่าฉันยัง……”
เผยลี่เชินพูดขึ้นมาขัดจังหวะเธอเบาๆ ว่า “ไม่มีแต่ ผมไม่อยากเห็นคุณบาดเจ็บ แล้วยังต้องวิ่งไปทำงานที่บริษัทอีก ครั้งนี้เชื่อฟังผมหน่อยจะได้ไหม ไปพักผ่อนรักษาตัวให้แผลหายดีซะ แล้วอีกสักสองสามวัน ผมจะพาคุณออกไปเที่ยวข้างนอก”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีท่าทีที่แน่วแน่มั่นคง เห็นได้ชัดว่าภายในใจของเขานั้นตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไม่อาจจะอธิบายอะไรกลับไปได้อีก เธอจึงสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และทำได้เพียงพยักหน้าเท่านั้น “ฉันเชื่อคุณก็ได้ค่ะ”
“ต้องอย่างนี้สิ” รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของเผยลี่เชิน “”อีกสักสองสามวัน รอให้อาการของคุณหายดีขึ้นอีกสักหน่อย คุณค่อยกลับมาทำงานก็ยังไม่สายไปหรอก เพราะยังไงคุณก็สำคัญที่สุด”
เมื่อได้ยินชายหนุ่มพูดแบบนั้น หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที เธอพลางยิ้มพลางพยักหน้า จากนั้นเธอก็เอ่ยปากพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ได้ค่ะ ครั้งนี้ฉันจะเชื่อฟังคุณทั้งหมดเลย”
หลังจากได้พักผ่อนรักษาตัวอยู่ที่คฤหาสน์เป็นเวลา 5 วัน บาดแผลที่หลังศีรษะของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เริ่มตกสะเก็ดแล้ว ทำให้ทุกครั้งที่เธอคิดอยากจะสระผม เธอก็ต้องคอยรบกวนป้าจางให้ช่วยสระผมให้เธออยู่เสมอ นอกจากนั้นตรงบริเวณแผลที่กำลังตกสะเก็ดอยู่นั้น ก็มีผมขึ้นน้อยลงทุกที ถึงแม้ว่าพอดูเผินๆ ก็คงจะมองไม่เห็นถึงความแตกต่างสักเท่าไร แต่ทว่าภายในใจของเธอก็ยังคงรู้สึกแปลกๆ อยู่ดี
“ป้าจางคะ คุณป้าช่วยหนูดีทีค่ะว่าบาดแผลที่ศีรษะของหนูมองเห็นจากด้านหลังชัดมากไหมคะ”
เมื่อทานอาหารเช้าไปได้ครึ่งหนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ไหวที่จะเอ่ยปากถามป้าจาง ขณะที่ป้าจางกำลังยืนอยู่ข้างๆ และเก็บของอยู่นั้น เมื่อเธอได้ยินคำถามนี้ดังขึ้นมา เธอก็พลางยิ้มพลางตอบกลับไปว่า “คุณหนูไป๋คะ คุณวางใจเถอะค่ะ ผมของคุณหนูหนาขนาดนี้ ไม่มีใครเห็นบาดแผลที่ศีรษะของคุณหนูได้หรอกค่ะ”
เมื่อได้ยินป้าจางพูดเช่นนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาได้เสียที
หลังจากทำงานเสร็จเรียบร้อยแล้ว ป้าจางก็เดินมาไป๋เสว่เอ๋อร์พร้อมกับพูดต่อไปว่า “คุณหนูไป๋คะ ไว้รอพรุ่งนี้ตอนที่คุณหนูจะออกไปเที่ยว เดี๋ยวป้าจะทำผมให้คุณหนูเองค่ะ แบบนี้ผมของคุณหนูจะได้ไม่ดูยุ่งเหยิง แล้วก็จะได้ปกปิดบาดแผลของคุณหนูได้ด้วย คุณหนูคิดว่าอย่างไรคะ”
“ดีเลยค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตอบออกไปในทันทีโดยที่ไม่ต้องคิด จากนั้นเธอก็พยักหน้าตอบรับ แต่ทันใดนั้น เธอก็นึกอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา เธอจึงมองไปที่ป้าจางด้วยความประหลาดใจ พร้อมกับเอ่ยปากถามออกไปว่า “พรุ่งนี้เราจะออกไปเที่ยวเหรอคะ ไปเที่ยวที่ไหนคะ”
ทำไมตัวเธอเองถึงไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะต้องทำอะไรกันได้ล่ะ
เมื่อถูกหญิงสาวเอ่ยปากถามแบบนี้ ป้าจางถึงจะรู้ตัวและนึกขึ้นมาได้ ชั่วครู่หนึ่งนั้นป้าจางได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ และพูดอะไรออกมาไม่ถูกเลยทีเดียว “ก็ไป……”
เมื่อสังเกตเห็นได้ถึงความผิดปกติของป้าจาง ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็จับความรู้สึกและรับรู้ถึงบางอย่างได้มากขึ้นกว่าเดิม เธอจึงเอ่ยปากถามต่อไปว่า “คุณป้าเป็นอะไรไปคะ”
“คุณผู้ชายบอกป้าน่ะค่ะว่าพรุ่งนี้จะพาคุณหนูออกไปเที่ยวด้วยกัน ให้ป้าช่วยเตรียมเสบียงอาหารให้เล็กน่อย แล้วก็กำชับไม่ให้ป้าบอกคุณหนูด้วยค่ะ… แต่ว่าเมื่อกี้ป้าไม่ระวังเลยเผลอหลุดปากออกไปแล้วล่ะค่ะ”
เมื่อเห็นว่าป้าจางมีท่าทีระมัดระวังและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ “ป้าจางคะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยค่ะ อย่ากังวลไปเลยค่ะ”
หลังจากที่หญิงสาวเอ่ยปากปลอบโยนออกไป ป้าจางถึงจะค่อยๆ โล่งใจขึ้นอย่างช้าๆ จากนั้นเธอจึงไปทำงานของเธอต่อไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์อ่านหนังสือและดูโทรทัศน์อยู่ที่บ้าน เธอรู้สึกได้ถึงการพักผ่อนอย่างแท้จริง จนกระทั่งเมื่อใกล้ถึงเวลาอาหารเย็น เธอจึงรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมา เธอจึงเข้าไปในครัวพร้อมกับป้าจาง
หลังจากที่หญิงสาวขอร้องและออดอ้อนป้าจางอยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุด ป้าจ้างก็ยอมอนุญาตให้ไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปในห้องครัวเพื่อเป็นลูกมือ และภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง อาหารแบบโฮมเมดที่แสนอร่อยก็ถูกจัดวางแน่นเต็มโต๊ะไปหมด
ระหว่างที่ไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังเดินถือชามแกงจืดสาหร่ายใส่ไข่ออกมาจากในห้องครัว เผยลี่เชินก็กลับมาถึงบ้านพอดี และกำลังเปลี่ยนรองเท้าอยู่ที่หน้าประตู
“กลับมาแล้วเหรอคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ วางชามแกงจืดลงบนโต๊ะอย่างช้าๆ จากนั้นเธอก็หมุนตัวและเดินไปหาเผยลี่เชิน พร้อมกับเอื้อมมือไปรับเสื้อนอกที่เขาถอดออกมา จากนั้นเธอก็พูดต่อไปอย่างเบาๆ ว่า “คุณไปล้างมือก่อนเถอะค่ะ แล้วเดี๋ยวค่อยมาทานข้าวกัน”
เมื่อได้ยินดังนั้น เผยลี่เชินก็ยิ้มขึ้นมาที่มุมปาก ดวงตาของเขานั้นเต็มไปด้วยความรักที่แทบจะเอ่อล้นออกมา เขาก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าว พร้อมกับเอื้อมมือออกไปคว้าตัวหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “นานวันเข้า…คุณยิ่งเพอร์เฟ็กต์มากขึ้นทุกทีเลยนะ”
ขณะที่เขาพูดอยู่นั้น ชายหนุ่มก็ก้มศีรษะลง พร้อมกับประทับริมฝีปากลงบนหน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา จากนั้น ริมฝีปากของเขาก็เคลื่อนย้ายไปที่ข้างหูของหญิงสาว และกระซิบออกมาเบาๆ ว่า “คุณเริ่มมีรัศมีของคุณนายเผยจับมากขึ้นทุกทีแล้วนะ”
เมื่อรู้ว่าชายหนุ่มนั้นตั้งใจล้อเธอเล่น ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกบีบตัวขึ้นมาในทันที เธอเงื้อมือขึ้นมาและผลักหน้าอกของชายหนุ่มอย่างเบามือ พร้อมกับแกะมือที่กอดเธอเอาไว้ออก “พูดอะไรไร้สาระ”
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็รีบหันหลังและรีบยกมือขึ้นมาปัดแก้มที่ทั้งร้อนและแดงก่ำของตัวเอง
เผยลี่เชินเดินตามหญิงสาวไปด้วยรอยยิ้ม พร้อมกับคว้าตัวเธอเข้ามากอดไว้แน่นจากทางด้านหลัง และยังคงแซวเธอต่อไปว่า “ไร้สาระตรงไหน หรือว่าคุณไม่อยากเป็นคุณนายเผยของผมกันแน่”
แก้มทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์ร้อนขึ้นมาอีกครั้ง ขณะที่เธอกำลังจะอ้าปากพูดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นป้าจางกำลังหยิบอุปกรณ์บนโต๊ะอาหารออกมาจากภายในห้องครัว ซึ่งป้าจางกับพวกเธอนั้นสบตากันเข้าอย่างพอดี
บรรยากาศภายในห้องเงียบสงัดลงครู่หนึ่ง เกิดเป็นความเขินอายเล็กน้อยที่ไม่อาจอธิบายได้ขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงรีบแกะตัวเองออกจากอ้อมกอดของเผยลี่เชินด้วยความสับสนอย่างรวดเร็ว จากนั้นเธอก็รีบวิ่งไปที่โต๊ะอาหาร พร้อมกับถือถ้วยแบ่งน้ำแกงและเริ่มตักแบ่งแกงจืด ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณหนูไป๋ ให้ป้าทำดีกว่าค่ะ” ป้าจางรีบเดินมาที่โต๊ะ พลางยิ้มพลางวางอุปกรณ์ทานอาหารลงบนโต๊ะ จากนั้นเธอก็รับช้อนและถ้วยแบ่งน้ำแกงมาจากมือของไป๋เสว่เอ๋อร์
เผยลี่เชินเดินมาที่โต๊ะอาหารและนั่งลงที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะ เขานั่งมองดูใบหน้าอันเรียวเล็กที่แสนแดงก่ำของหญิงสาว และใบหน้าที่แฝงไปด้วยรอยยิ้มของป้าจางที่ยืนอยู่ข้างๆ ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาอย่างมากโดยไม่รู้ตัว
ขณะที่หญิงสาวยังคงรู้สึกเขินอายอยู่เล็กน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงหยิบยกเอาเรื่องงานขึ้นมาพูดคุย “แผนการดำเนินการก่อสร้างโครงการทางวิศวกรรมได้กำหนดวันหรือยังคะ จะเริ่มก่อสร้างเมื่อไร”
“เพิ่งสรุปเสร็จวันนี้เอง จะเริ่มก่อสร้างอาทิตย์หน้า ทั้งบริษัทของพวกเราและบริษัทอสังหาริมทรัพย์หลินวู่ได้จัดหาคนให้ไปดำเนินการควบคุมดูแลงานเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่นดี”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า เธอก้มหน้าซดน้ำแกงไปหนึ่งคำ พร้อมกับฟังชายหนุ่มพูดต่อไปอีกว่า “พรุ่งนี้คุณพ่อนัดพวกเราไปทานมื้อค่ำที่คฤหาสน์หลังเก่า แต่ว่าผมปฏิเสธไปแล้วล่ะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ทำไม่ถึงปฏิเสธไปล่ะคะ”
เผยลี่เชินเหลือบมองขึ้นมา ความเย็นชาเข้าปกคลุมใบหน้าของเขามากขึ้นทีเดียว “การที่พ่อเรียกให้พวกเราเข้าไปหา ยังไงซะก็ต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องราวในครั้งก่อนอย่างแน่นอน ครั้งก่อนนั้นเผยอี้ยืนกรานว่าจะหย่า ไม่มีอะไรที่จะต้องพูดคุยกันอีกต่อไป แต่ครั้งนี้ไม่รู้ว่เกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เผยอี้ก็ตกลงไม่หย่าแล้ว ผมไม่อยากจะยื่นมือเข้าไปมีส่วนร่วมในเรื่องนี้ด้วย ผมเลยหาข้ออ้างปฏิเสธไปแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น มือของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สั่นเทิ้มขึ้นมา ช้อนที่อยู่ในมือของเธอนั้นเกือบจะร่วงลงบนโต๊ะทานอาหาร
เป็นไปได้ไหมว่าที่เผยอี้ตัดสินใจไม่หย่าแล้วนั้น เป็นเพราะคำพูดของเธอที่พูดกับเขาบนดาดฟ้าเมื่อครั้งก่อน
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว เธอไม่ได้บอกเรื่องราวในครั้งนั้นให้เผยลี่เชินรู้ จนกระทั่งในวันนี้ สิ่งที่เธอพูดก็ได้พูดไปแล้ว สิ่งที่เธอทำก็ได้ทำไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าหากบอกเรื่องให้เผยลี่เชินรู้ มีแต่จะทำให้เขาโกรธมากขึ้นเท่านั้น สู้เก็บเรื่องนี้เอาไว้ไม่พูดออกไปเสียยังจะดีกว่า
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูไม่ค่อยสนใจกับเรื่องนี้และมีท่าทีเหม่อลอยเล็กน้อย เผยลี่เชินจึงเลิกคิ้วขึ้น และเอ่ยปากถามออกไปว่า “เป็นอะไรไปเหรอ”
“เปล่าค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกปากตอบรับออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว “คุณทานน้ำแกงให้มากหน่อยสิคะ วันนี้ฉันเป็นคนลงมือทำน้ำแกงเองเลยนะ”
ระหว่างที่เธอพูดอยู่นั้น เธอก็ตักน้ำแกงเพิ่มให้เผยลี่เชินอีกหนึ่งถ้วย พร้อมกับนำไปวางไว้ที่ด้านหน้าของชายหนุ่มทันที
เผยลี่เชินหรี่ตามองน้ำแกงที่อยู่ในถ้วยแบ่ง หน้าตาดูใช้ได้ทีเดียว แต่ไม่รู้ว่ารสชาติของน้ำแกงนั้นจะเป็นอย่างไร
ชายหนุ่มยังจำได้ดีว่าไป๋เสว่เอ๋อร์นั้นเข้าครัวไม่บ่อยนัก และผลลัพธ์ที่ออกมาในทุกครั้งนั้นก็ไม่ค่อยเป็นที่พอใจเท่าไร ชายหนุ่มยังคงแคลงใจในฝีมือการทำอาหารของหญิงสาวเสียจริงๆ
ขณะที่หญิงสาวกำลังจับจ้องไปที่ชายหนุ่ม เผยลี่เชินก็หยิบช้อนขึ้นมา พร้อมกับชิมน้ำแกงเข้าไปหนึ่งคำ ทันใดนั้น คิ้วที่เคยขมวดเข้าหากันก็ค่อยๆ คลายออกอย่างช้าๆ ขึ้นมาเล็กน้อย
รสชาติ… ไม่เลวทีเดียวเลยนะ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับชายหนุ่ม เธอคอยเฝ้าสังเกตทุกความเคลื่อนไหวของชายหนุ่มด้วยสีหน้าที่จริงจัง “รสชาติเป็นอย่างไรบ้างคะ”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวดูตื่นเต้นเล็กน้อย ทันใดนั้น เผยลี่เชินก็รู้สึกสนใจขึ้นมาเล็กน้อย “อยากรู้เหรอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าอย่างไม่ลังเล
เผยลี่เชินแสร้งทำเป็นขมวดคิ้วและครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เข้าจะค่อยๆ พูดออกมาอย่างไม่รีบร้อนว่า “ถึงแม้ว่าฝีมือจะเทียบป้าจางไม่ได้เท่าไรนัก แต่ว่า……”
เขาตเจตนาลากเสียงพูดของเขา และหยุดนิ่งไปพักหนึ่งเพื่อสร้างความอยากรู้ จากนั้นเขาก็ยิ้มขึ้นที่มุมปาก “แต่ว่าก็ได้มาตรฐานตามแบบฉบับของคุณนายเผยแล้วล่ะ”