ตอนที่ 321 ขอแต่งงาน
พวกเขารีบมุ่งตรงไปยังสวนดอกไม้เยว่กวังในทันที แต่ทว่าไป๋เสว่เอ๋อร์นั้นกลับรู้สึกแปลกๆ เล็กน้อย เพราะว่าบรรยากาศของสวนดอกไม้ทั้งหมดนั้นช่างดูสวยงามมากทีเดียว ไม่มีใครสักคนยืนอยู่ในสวนเลย และสิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกแปลกใจมากขึ้นไปอีกก็คือ เมื่อครู่นี้ตอนที่โจ๋วฝันโทรมาหานั้น เขาบอกกับเธอว่าเจียงหวั่นหวั่นจมน้ำ แต่ทว่าสวนดอกไม้แห่งนี้กลับไม่ได้ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับทะเลสาบเลยสักนิดเดียว
ยิ่งเธอคิดมากเท่าไร เธอก็ยิ่งรู้สึกแปลกขึ้นเท่านั้น เธอรู้สึกลังเลเล็กน้อย เธอจึงหันหลังกลับไปมองเผยลี่เชินที่ยืนอยู่ที่ด้านหลังของเธอ พร้อมกับเอ่ยปากถามชายหนุ่มว่า “ทำไมถึงไม่มีใครเลยล่ะคะ”
“ลองเดินเข้าไปข้างในสิ” ขณะที่เผยลี่เชินพูดอยู่นั้น โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมา “คุณลองเข้าไปข้างในหาพวกเขาดู เดี๋ยวผมขอรับสายนี้ก่อนนะ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า ความกังวลภายในใจของเธอนั้นมีมากกว่าความสงสัยที่เกิดขึ้นในหัวใจ เธอจึงก้าวเท้าและเดินไปบนถนนสายเล็กๆ เพื่อเข้าไปยังด้านใน
สวนดอกไม้เยว่กวังไม่ใหญ่มากนัก จากจุดที่เธอยืนอยู่นั้นสามารถมองเห็นทั้งหมดของสวนนี้ได้ ถนนสายเล็กนั้นมีความคดเคี้ยวมากทีเดียว ทั้งสองข้างทางมีต้นไม้นานาชนิดถูกปลูกเอาไว้ ดูเหมือนว่าเป็นเพราะอากาศที่ค่อนข้างเย็นในช่วงนี้ ทำให้ไม่มีดอกไม้บานเท่าไรมากนัก
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินวนไปรอบๆ ถนนสายเล็กนี้อีกครั้ง แต่ก็ไม่เห็นเงาของใครสักคนเลยแม้แต่สักนิดเดียว เธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและกดโทรออกหาโจ๋วฝัน แต่ไม่ว่าเธอจะโทรหาเขาสักกี่รอบ ทุกรอบนั้นก็เข้าสู่บริการฝากข้อความทุกครั้งไป
เกิดอะไรขึ้นน่ะ หรือว่าเธอจะฟังที่อยู่ที่โจ๋วฝันบอกผิดกัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสับสนอย่างมาก เธอจึงทำได้เพียงเดินไปข้างหน้าอย่างไม่มีทางเลือก พลางเดินไปข้างหน้าพลางกดโทรศัพท์หาโจ๋วฝัน
เมื่อเลี้ยวไปตามถนนสายเล็กนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สัมผัสได้ถึงแสงสว่างที่สาดเข้ามาโดนตาของเธอ ที่ด้านข้างของสายตาเธอนั้นเต็มไปด้วยสีสันแสนสดใส เธอถอนสายตาออกจากโทรศัพท์มือถือ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นมานั้น เธอก็เห็นว่าทั้งสองข้างทางของถนนสายเล็กๆ เส้นนี้มีแต่ดอกไม้เต็มไปหมด ทั้งหมดนั้นคือดอกมาร์กาเร็ต มีทั้งสีแดงสด สีขาวนวล และสีชมพูม่วง ทันทีที่เธอกวาดสายตามองไปทั่วนั้น ราวกับว่าเธอกำลังยืนอยู่ท่ามกลางทะเลดอกไม้
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกตะลึง เธอแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เธอกำลังมองเห็นอยู่ตรงหน้าในขณะนี้ เธอไม่เคยเห็นทะเลดอกไม้แบบนี้มาก่อน แสงของดวงดาราสะท้อนเข้ามาภายในดวงตาของเธอ ใบหน้าของเธอนั้นก็ยิ้มแย้มออกมาอย่างมีชีวิตชีวา
ดอกไม้ที่เธอโปรดปรานมากที่สุด ก็คือดอกมาร์กาเร็ต นึกไม่ถึงว่า…จะได้มาเห็นทะเลดอกไม้ที่เต็มไปด้วยดอกมาร์กาเร็ตแบบนี้ที่นี่
ขณะที่เธอกำลังตกตะลึงกับภาพความสวยงามที่อยู่เบื้องหน้า ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบก้าวไปข้างหน้าทันที ทันใดนั้น เธอก็เห็นการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ท่ามกลางดงดอกไม้ที่ตั้งอยู่ทางด้านขวามือ เธอโน้มตัวลงไป และก็มองเห็นชื่อของตัวเองเขียนอยู่บนนั้น “ไป๋เสว่เอ๋อร์ สิ่งนี้คือส่วนหนึ่งของความงดงามของคุณ”
ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์นั้นบีบรัดแน่นขึ้น หัวใจของเธอเต้นนั้นเร็วขึ้นแทบจะในทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และมองไปรอบๆ ด้วยความประหลาดใจ และก็ยังคงไม่เข้าใจถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้
หรือว่าสิ่งที่เธอเห็นอยู่นี้ มีใครบางคนแอบเตรียมเอาไว้เป็นพิเศษให้เธอหรือเปล่านะ
หรือว่าจะเป็นเผยลี่เชิน
เธอหยิบการ์ดใบนั้นขึ้นมา จากนั้นก็หันกลับไปมองที่ถนนสายเล็กที่อยู่ด้านหลัง และพบกับความว่างเปล่า เผยลี่เชินที่เคยยืนอยู่ด้านหลังของเธอไม่ไกลนั้น ตอนนี้กลับมองไม่เห็นเขาเสียแล้ว
เธอหมุนตัวหันกลับมา จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ยิ่งเธอเดินไปข้างหน้ามากเท่าไร พื้นที่ของทะเลดอกไม้ก็ยิ่งใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ จนในท้ายที่สุดแล้ว ทุกสถานที่ที่สายตาของเธอมองเห็นนั้น กลับถูกตกแต่งไปด้วยดอกมาร์กาเร็ตเต็มไปหมด จนกลายเป็นทะเลดอกไม้ขนาดใหญ่แห่งนี้
การที่เธอมีโอกาสได้เห็นภาพที่แสนงดงามของดอกไม้เช่นนี้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว สำหรับเธอแล้วนั้น มันช่างน่าประหลาดใจมากเหลือเกิน
เมื่อเริ่มเดินไปตามเส้นทางที่คดเคี้ยวนั้นอีกครั้ง เมื่อเธอเดินผ่านพุ่มไม้ไปแล้ว ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็มองเห็นเงาของใครบางคน เขาคนนั้นสวมเสื้อโค้ทสีดำ และสวมเสื้อกันหนาวคอเต่าสีเบจ ใบหน้าที่แสนนิ่งและเย็นชา แต่ภายในดวงตาทั้งสองข้างของเขากลับเต็มไปด้วยความยิ้มแย้ม ถ้าหากว่าไม่ใช่เผยลี่เชินแล้วจะเป็นใครไปได้กัน
แต่ว่าเมื่อกี้…เขายังยืนอยู่ข้างหลังเธออยู่เลยไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมจู่ๆ ถึงได้มาปรากฏตัวที่นี่ได้ล่ะ
ถึงแม้ว่าเธอจะรู้สึกสับสนอย่างมาก แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ไม่อาจอดกลั้นความรู้สึกตื่นเต้นที่ปรากฏขึ้นมาภายในหัวใจได้ เธอก้าวเดินไปข้างหน้ามุ่งตรงไปหาชายหนุ่มอย่างช้าๆ
เผยลี่เชินอ้าแขนทั้งสองข้างของเขาออกมา พร้อมกับยิ้มด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน “เสว่เอ๋อร์ คุณชอบไหมครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกตะลึงและประหลาดใจอย่างมาก “ทั้งหมดนี้…เป็นฝีมือของคุณเหรอคะ”
เผยลี่เชินยิ้มเบาๆ พร้อมกับพูดออกมาว่า “ผมซื้อดอกมาร์กาเร็ตจากร้านดอกไม้ทั้งหมดในเขตไห่เฉิง เพื่อให้คุณได้ลองมาเห็นทะเลดอกไม้ยามฤดูหนาวสักครั้งหนึ่งในชีวิต”
จมูกของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแน่นขัดขึ้นมา เธอรู้สึกอยากร้องไห้ เดิมทีเผยลี่เชินไม่ใช่คนที่โรแมนติกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว นอกจากนั้น เธอเคยเอ่ยปากพูดว่าอยากเห็นทะเลดอกมาร์กาเร็ตก่อนหน้านี้ แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะมอบทะเลดอกมาร์กาเร็ตนั้นให้เธอได้จริงๆ
“ถ้าเกิดว่าคุณยินยอมล่ะก็ ผมจะพาคุณไปดูทะเลดอกไม้พวกนั้นตอนฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนในทุกๆ ปี เลยล่ะ ดอกไม้ในช่วงฤดูนั้น จะต้องสวยงามกว่าตอนนี้อย่างมากแน่นอน” หลังจากเขาเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ยังคงพูดต่อไปว่า “อันที่จริงแล้ว ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าคุณอยากจะทำอะไรหรือไปที่ไหน ผมจะไปกับคุณเสมอ”
“ตลอดเวลาที่พวกเราเดินเคียงข้างกันมา ผมคงไม่ต้องพูดอะไรมาก เพราะคุณเองก็รู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่ผ่านมาด้วยกันนั้นมันมีมากน้อยแค่ไหน แต่ว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป ผมไม่อยากให้คุณต้องไปยืนอยู่ข้างหน้าคอยเผชิญกันทุกอย่าง ผมอยากให้คุณคอยหลบซ่อนอยู่ภายในอ้อมกอดของผม และผมจะปกป้องคุณเอง”
ทันใดนั้น ก็มีลูกโป่งลูกหนึ่งลอยขึ้นมาจากพุ่มไม้ที่อยู่ด้านข้าง กล่องเล็กๆ ที่ผูกติดไว้ที่ปลายเชือกช่วยสร้างสมดุลไม่ให้ลูกโป่งลอยหลุดไป และไม่ทำให้กล่องใบน้อยนั้นหล่นลงพื้นอีกด้วย
เผยลี่เชินเดินก้าวไปข้างหน้า เขาเอื้อมมือไปแกะกล่องใบน้อยนั้นออกมา พร้อมกับเปิดกล่องใบนั้นอย่างเบามือ ปรากฏให้เห็นภาพของแหวนเงินส่องประกายสาดแสงอย่างแวววาว
เผยลี่เชินเดินกลับมา และหยิบแหวนเงินวงนั้นออกมาอย่างระมัดระวัง เขาถอยหลังไปครึ่งก้าว และคุกเข่าลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งตรงกับท่าทางมาตรฐานของการขอแต่งงานในทันที
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น ดวงตาสีดำขลับทั้งสองข้างของเขาเปล่งประกาย “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณยินยอมที่จะให้ผมคอยปกป้องคุณไหมครับ”
ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกบีบแน่นขึ้นมา เธอแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเองว่าเรื่องทั้งหมดนี้กำลังเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้าเธอ
ผู้ชายที่เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอย่างเผยลี่เชิน ผู้ชายคนนั้น ตอนนี้กำลังปฏิบัติกับเธอเช่นคนปุถุชนธรรมดาทั่วไป ด้วยการคุกเข่าลงเพื่อขอเธอแต่งงาน และอวยพรให้เราทั้งสองคนมีแต่ความสุขนิรันดร์
หัวใจของเธอรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อย เธอมองไปที่เผยลี่เชิน ผู้กำลังคุกเข่าขอเธอแต่งงานและท่าทีของเขานั้นก็ไม่มีใครกล้าที่จะปฏิเสธได้ลงคอ หัวใจของหญิงสาวนั้นเอ่อล้นไปด้วยความรู้สึกที่แสนซาบซึ้ง
เธอยังคงจำการพบกันครั้งแรกระหว่างพวกเขาทั้งสองคนได้ดี พวกเราเริ่มต้นจากการเป็นคนแปลกหน้าของกันและกัน และพัฒนามาสู่จุดที่เริ่มไว้วางใจในตัวของกันและกันอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ ช่วงเวลาที่ผ่านมาด้วยกันทั้งหมดนี้ หัวใจของหญิงสาวนั้นเข้าใจทุกอย่างอย่างชัดเจน
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวยืนนิ่งไม่ยอมตอบรับอยู่สักพักใหญ่ ริมฝีปากที่เคยเต็มไปด้วยรอยยิ้มของเผยลี่เชินก็เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาเล็กน้อย เขาเอ่ยปากถามหญิงสาวออกไปอย่างใจเย็นว่า “เสว่เอ๋อร์ คุณจะยินยอมไหมครับ”
บรรดาผู้ชมที่กำลังแอบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ต่างอดทนรอไม่ไหว โดยเฉพาะเจียงหวั่นหวั่น ที่กำลังสวมแจ็คเก็ตขนาดใหญ่ยักษ์อยู่ จมูกของเธอนั้นแข็งและแดงก่ำเพราะความหนาวไปหมด แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนเชียร์ออกมาด้วยเสียงที่ดังฟังชัด และเร่งให้ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบตอบกลับไป “เสว่เอ๋อร์! รีบตอบตกลงสักทีสิ!”
เมื่อเธอตะโกนออกมาแบบนี้ โจ๋วฝันที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ร่วมตะโกนออกไปอย่างเบาปัญญาว่า “พี่เสว่เอ๋อร์! พี่ต้องตอบตกลงนะครับ!”
อีกด้านหนึ่ง เมื่อกู้หลี่เหลียงเห็นว่าสองคนนี้กำลังทำลายบรรยากาศที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เขาก็อดไม่ไหวที่จะขมวดคิ้วแน้น สีหน้าของเขาดูเคร่งเครียดเล็กน้อย “พวกกว้างขวางคอ!”
การตะโกนออกมาของบรรดาผู้ชมทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจเล็กน้อย เมื่อเธอหันไปดู ก็พบเข้ากลุ่มคนจำนวนมากที่กำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังพุ่มไม้ “พวกคุณ……”
เมื่อถูกเห็นเข้าแล้ว เจียงหวั่นหวั่นก็ไม่คิดที่จะซ่อนตัวอีกต่อไป บรรดาผู้คนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ต่างเดินออกมาด้วยกันทั้งหมด รวมถึง Sara และเพื่อนสนิทของกู้หลี่เหลียงอีกหลายคนต่างก็อยู่ที่นี่ด้วย
ทันใดนั้น แก้มทั้งสองข้างของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ร้อนเป็นไฟขึ้นมาในทันที เมื่อเธอเห็นว่ามีคนจำนวนมากขนาดนี้ เธอก็ยิ่งไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
Sara เอ่ยปากถามเธอด้วยรอยยิ้มว่า “เสว่เอ๋อร์ คุณจะปล่อยให้เผยลี่เชินคุกเข่าอยู่อย่างนั้นเหรอคะ”
เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์นึกขึ้นมาได้ เธอก็หันกลับไปมองดวงตาที่แสนจริงใจของชายหนุ่ม ภายในหัวใจของเธอรู้สึกลังเลและไม่อาจตัดสินใจได้ แน่นอนว่าเธอต้องการที่จะเดินเคียงคู่กับคนที่รักไปจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต แต่เมื่อเป็นเรื่องของพวกเขาสองคนแล้ว เธอยังไม่เคยคิดพิจารณาเรื่องนี้ให้ถี่ถ้วนดีมาก่อนเลย……
อีกอย่างถึงแม้ว่าเธอจะตอบตกลงเห็นด้วย แต่ถ้าเกิดพ่อแม่ของเธอไม่เห็นด้วยแล้วล่ะก็ ในอนาคต เธอจะทำอย่างไรดีล่ะ
ความจริงต่างๆ เหล่านี้ผุดขึ้นมาในหัวสมองของเธอแทบจะในทันที เมื่อเธอคิดถึงพ่อและแม่ของเธอแล้ว เธอก็ยิ่งลังเลตัดสินใจไม่ได้มากยิ่งขึ้น ไม่รู้ว่าควรจะตอบชายหนุ่มกลับออกไปอย่างไร
“คนที่ต้องเข้าไปพัวพันอยู่ในโลกธุรกิจอย่างเผยลี่เชิน ลูกจินตนาการไม่ออกหรอกว่าเขาต้องมีลับลมคมในมากน้อยแค่ไหน……”
“คุณพ่อจะต้องไม่ยอมให้ลูกกับเขาได้อยู่ด้วยกันแน่ เขาเพียงแค่หวังให้ลูกพบคนที่ซื่อสัตย์และได้แต่งงานกันเขาก็พอ ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบและเรียบง่ายก็พอ……”
“……”
คำพูดทั้งหลายเหล่านี้แล่นเข้ามาภายในหัวสมองของเธอ เธอสูดลมหายใจลึกๆ ขณะที่เธอยังไม่ทันได้สงบจิตสงบใจดีนัก ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในมือนั้นก็สั่นขึ้นมาในทันที
เธอมองไปที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ และพบว่าเป็นเบอร์ที่ไม่รู้จัก เมื่อเห็นว่าโทรศัพท์มือถือยังคงสั่นต่อไปไม่หยุด ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และกดรับสายที่โทรเข้ามา “สวัสดีค่ะ”
“ใช่คุณไป๋เสว่เอ๋อร์หรือเปล่าคะ ไป๋เจิ้งตง คุณพ่อของคุณประสบอุบัติเหตุเข้าค่ะ รบกวนคุณช่วยรีบมาที่โรงพยาบาลเขตหลิ่งอานทันทีเลยได้ไหมคะ”
“อะไรนะคะ” ไป๋เสว่เอ๋อร์เบิกตาโพลงด้วยความตกใจเป็นอย่างมาก
คุณพ่ออยู่ในเรือนจำไม่ใช่เหรอ แล้วเขาจะประสบอุบัติเหตุได้อย่างไรกัน