สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 323

ตอนที่ 323

ตอนที่ 323 ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน

เมื่อเจ้าหน้าที่เรือนจำคนนั้นได้ยินในสิ่งที่หญิงสาวพูด เขาก็หมุนตัวหันกลับมา และเมื่อมองเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ เขาก็รีบดับบุหรี่ที่ถืออยู่ในมืออย่างรวดเร็ว “มีธุระอะไรครับ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ตอนนั้นคุณพ่อของฉันกำลังเข้าห้องน้ำ แล้วเกิดลื่นล้มหัวฟาดพื้น เลยทำให้เขามีภาวะเลือดออกในสมองอย่างนั้นใช่ไหมคะ”

“ใช่ครับ” เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบกลับมาอย่างมั่นใจ

ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังคงถามต่อไปอย่างไม่ลังเลว่า “คุณเป็นคนที่เห็นเหตุการณ์นี้ใช่ไหมคะ”

“ผม…” เจ้าหน้าที่เรือนจำคนนั้นกลับลังเลอย่างเห็นได้ชัดอยู่ครู่หนึ่ง “เปล่าครับ พอเขาเกิดอุบัติเหตุขึ้น ก็มีคนบอกให้ผมพาเขามาส่งที่โรงพยาบาล ผมก็แค่ทำตามที่เขาบอกมาครับ”

“ถ้าอย่างนั้น คุณพอจะรู้ไหมคะว่ามีใครที่เห็นเหตุการณ์ในตอนนั้นบ้าง ฉันอยากรู้ว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น”

เจ้าหน้าที่เรือนจำคนนั้นยังคงมองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ด้วยท่าทีที่ไม่เข้าใจเหมือนเช่นเดิม “จะไปมีพยานได้ยังไงกันล่ะครับ! อย่าบอกนะว่าตอนที่เขากำลังเข้าห้องน้ำ พวกเราก็ต้องคอยจับตาดูเขาด้วยน่ะ! พอเราเห็นว่าเขาล้มหัวฟาดพื้น ก็รีบพาเขามาส่งโรงพยาบาลในทันที เขาตายเพราะอะไร หมอก็บอกคุณไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอไง”

เมื่อได้ยินดังนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วแน่น มีคำถามมากมายผุดขึ้นมาภายในหัวใจของเธอ

ในเมื่อไม่มีใครเห็นกับตาว่าคุณพ่อของเธอล้มหัวฟาดพื้นด้วยตัวเอง ดังนั้น ใครจะกล้ารับประกันล่ะว่าเรื่องนี้ไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลังที่น่ารังเกียจแอบแฝงอยู่ ถ้าเกิดมีใครบางคนเจตนาผลักคุณพ่อให้ล้มลงล่ะ

“ขอบคุณมากค่ะ”

เมื่อเธอกล่าวคำนี้ออกไป ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หันหลังและเดินจากไปอย่างไม่ลังเลในทันที เมื่อเธอเดินไปได้สักพักหนึ่ง จิตใจของเธอนั้นก็ยิ่งรู้สึกถูกรบกวนมากยิ่งขึ้น

เธอเอื้อมมือออกไปจับพยาบาลคนหนึ่ง และเอ่ยปากถามเธอว่า “ขอโทษนะคะ ห้องดับจิตไปทางไหนเหรอคะ”

เธอต้องไปดูให้เห็นกับตาเดี๋ยวนี้ เมื่อครู่นี้ตอนที่เธออยู่ภายในห้องพักผู้ป่วยนั้น เธอเอาแต่โศกเศร้าเสียใจโดยไม่สนสิ่งอื่นใดเลย แต่หลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้สักครู่หนึ่ง และลองกลับมาคิดดูให้ดีอีกที เรื่องราวในครั้งนี้ก็จุดที่น่าสงสัยอยู่มากทีเดียว

เธอในตอนนี้นั้น ไม่ใช่หญิงสาวไร้เดียงสาที่เรียบง่ายและไม่รู้เรื่องราวอะไรเหมือนเมื่อก่อน เธอไม่ใช่คนที่จะเชื่อในสิ่งที่คนอื่นพูดอีกต่อไป เพื่อสืบสวนตามหาความจริงในเรื่องนี้ เธอไม่รู้สึกกลัวในความสงสัยที่กำลังปะทุขึ้นมาของเธอเลยแม้แต่น้อย

ทางเดินเล็กๆ ที่นำตรงไปสู่ห้องดับจิต กลิ่นของความสยดสยองและความเงียบงันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกขนลุกขนพองราวกับว่าเลือดในร่างกายของเธอจับตัวเป็นน้ำแข็งไปชั่วขณะหนึ่ง เธอเก็บความกลัวที่เกิดขึ้นภายในจิตใจเอาไว้ เธอคอยปลอบตัวเองและรวบรวมสติผลักประตูห้องดับจิตเข้าไป จากนั้น เธอก็เดินไปตามหาร่างของคุณพ่อของเธอ

ในที่สุด ที่บริเวณมุมห้องติดกับกำแพง เธอก็มองเห็นถุงศพที่มีหมายเลขของคุณพ่อของเธอแปะอยู่ที่ด้านบน ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแสบแน่นขึ้นมาในจมูก จากนั้นเธอก็กลั้นน้ำตาที่กำลังจะเอ่อล้นออกมานั้น และเดินตรงไปที่ถุงศพใบนั้น พร้อมกับค่อยๆ รูดซิปเปิดถุงศพใบนั้นดูอย่างช้าๆ

เธอค้นดูตามเสื้อผ้าบนร่างกายของไป๋เจิ้งตง ทันใดนั้น เธอก็มองเห็นว่ามีรอยแผลสีม่วงปรากฏขึ้นอยู่ที่บริเวณข้อมือของเขา ครู่ต่อมา เธอก็รวบรวมสติและฉีกกระชากเสื้อของคุณพ่อของเธอในทันที เธอฉีกเสื้อผ้าตามแนวคอของคุณพ่อออกไป และพบรอยบาดแผลที่บริเวณไหล่ของเขา

ขณะที่เธอกำลังจะตรวจสอบร่างของคุณพูดเธอว่ามีรอยแผลที่บริเวณอื่นอีกไหม ทันใดนั้น ก็มีเสียงของชายชราที่เป็นผู้ดูแลห้องดับจิตนี้ดังขึ้นมาจากด้านหลัง “สาวน้อย! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! คนตายไปแล้ว จะให้เขาไปอย่างสงบสุขไม่ได้เหรอไง”

ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาภายในหัวใจ เธอมองดูใบหน้าของคุณพ่อที่มีสีเทาซีดและนิ่งสงบ จากนั้น เธอก็ค่อยๆ ถอนมือของเธอกลับมาอย่างช้าๆ ร่างกายของเธอนั้นกลับรู้สึกเย็นยะเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างมาก

หลังจากที่เธอออกมาจากห้องดับจิตแล้วนั้น เมื่อนึกไปถึงรอยบาดแผลต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนร่างกายของคุณพ่อของเธอ ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นไปทั้งตัว

ท่ามกลางเรื่องราวที่ยังคงเต็มไปด้วยข้อกังขาเรื่องนี้ เธอรู้สึกมั่นใจในบางอย่างขึ้นมาแล้ว แต่ทว่าภายในใจของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความกลัวบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้

การตายของคุณพ่อ ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างแน่นอน!

บาดแผลที่ปรากฏอยู่บนร่างของคุณพ่อ เห็นได้ชัดว่ามันเกิดขึ้นก่อนที่เขาจะตายอย่างแน่นอน นั่นก็แปลว่า จะต้องมีใครบางคนเคยลงมือทำร้ายคุณพ่อของเธอมาก่อนแล้วอย่างแน่นอน!

เธอมีโอกาสมองเห็นรอยบาดแผลแค่เพียง 2 รอยเท่านั้น ใครจะบอกเธอได้ว่าบนร่างกายของเขานั้นยังมีบาดแผลอื่นอยู่อีกหรือไม่!

ขณะที่เธอกำลังเดินไปตามทางเดินยาวของโรงพยาบาล ทันใดนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็หยุดชะงักไป เท้าทั้งสองข้างของเธอเกิดอ่อนแรง ทำให้เธอต้องนั่งพักที่บริเวณเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ตามโถงทางเดิน ภายในสมองของเธอนั้นรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก และยากที่จะสลัดเรื่องราวนี้ออกไปจากหัวได้

ตอนนี้ความกังขาที่ก่อตัวขึ้นภายในหัวใจของเธอได้รับการยืนยันไปบ้างเล็กน้อยแล้ว แต่ถึงแม้เธอจะอยากตามหาความจริงในเรื่องนี้มากเท่าไร มันก็ยิ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเธอมากขึ้นเท่านั้น

ทันใดนั้น เธอก็ถูกเงาของใครบางคนปกคลุมร่างของเธอ เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น เธอก็เห็นร่างอันสูงใหญ่ของเผยลี่เชินกำลังยืนอยู่ตรงหน้าเธอ

“หิวหรือยัง อยากไปหาอะไรกินหน่อยไหม”

ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่ายหัว เธอรวบรวมกำลังและลุกขึ้นยืน จากนั้น เธอก็เดินไปข้างหน้าตามทางเดินต่อ “ฉันไม่หิว”

ในเวลาแบบนี้ เธอต้องคิดหาหนทางในการตรวจสอบความจริงของเรื่องราวทั้งหมดนี้ให้ได้ เธอไม่มีทางที่จะปล่อยให้เรื่องการตายของคุณพ่อยังคงเต็มไปด้วยเงื่อนงำอยู่แบบนี้ เรื่องราวในครั้งนี้จะเป็นอุบัติเหตุหรือว่าเป็นการฆาตกรรม ก็ยังไม่สามารถตัดสินอย่างเด็ดขาดได้!

เมื่อเห็นว่าร่างกายของหญิงสาวนั้นกำลังก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างโซเซ ภายในหัวใจของเผยลี่เชินก็รู้สึกโกรธจัดขึ้นมาในทันที

เขายอมปล่อยให้เธอโศกเศร้าเสียใจ และยอมปล่อยให้เธอได้ใช้เวลาเพื่อทำใจและสงบสติอารมณ์ได้ แต่เขาไม่อาจทนดูหญิงสาวไม่กินไม่ดื่ม และเอาแต่เก็บงำทุกอย่างเอาไว้ภายในจิตใจ โดยที่เธอนั้นหลอกหรือปิดบังเขาแบบนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด

เผยลี่เชินรีบก้าวยาวๆ ตามหญิงสาวไปในทันที เขาเอื้อมมือออกไปคว้าข้อมือของไป๋เสว่เอ๋อร์เอาไว้ จากนั้น เขาก็ดึงให้เธอหันกลับมาหาตัวเอง “คุณคิดว่าคุณเป็นแบบนี้จะทำให้เรื่องมันดีขึ้นได้หรือไง ไป๋เสว่เอ๋อร์ คุณคิดว่าคุณพ่อของคุณจะยอมทนดูคุณไม่กินไม่ดื่มและเอาแต่ซึมเศร้าแบบนี้ได้อย่างนั้นเหรอ”

ชายหนุ่มพูดคำพูดเหล่านั้นออกไปด้วยเสียงที่ดังฟังชัด ทำให้หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกแน่นขนัดขึ้นมา เธอนิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่นิดเดียว

ดวงตาที่แดงก่ำ จมูกที่แสบแน่นไปหมด ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่อาจที่จะอดกลั้นน้ำตาที่กำลังเอ่อล้นออกมาได้อีกต่อไป

เมื่อเห็นสภาพของหญิงสาวที่กลายเป็นเช่นนี้แล้ว หัวใจของเผยลี่เชินก็เหมือนกับว่ากำลังถูกอะไรบางอย่างบีบรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา มันเจ็บปวดอย่างมากจนยากที่จะหายใจได้อย่างคล่องปอด

ชายหนุ่มยื่นมือออกไป และคว้าตัวหญิงสาวเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมแขน พร้อมกับกระซิบขอโทษเธอว่า “ขอโทษนะ ผมไม่ควรทำให้คุณกลัวเลย”

ขณะที่เธอกำลังพิงแผงอกที่แข็งแรงของชายหนุ่มอยู่นั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ร้องไห้โฮอย่างเจ็บปวดโดยที่ไม่สนใจสิ่งอื่นใดออกมาอีกครั้งหนึ่ง

เธอต้องยอมรับความจริงอย่างช่วยไม่ได้ ผู้ชายคนที่รักเธออย่างสุดหัวใจคนนั้น ตอนนี้กลับจากเธอไปไกลเสียแล้ว

หลังจากที่เธอสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็กลับไปที่ห้องพักผู้ป่วยของตัวเอง และเธอก็เห็นว่าคุณแม่ไป๋กำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูห้อง พร้อมกับพูดคุยกับเจ้าหน้าที่เรือนจำคนนั้นอยู่

เมื่อเห็นว่าไป๋เสว่เอ๋อร์กำลังเดินมาทางนี้ คุณแม่ไป๋ก็รีบเดินมาหาเธอ คุณแม่ไป๋เอ่ยปากถามเธอพร้อมด้วยนัยน์ตาสีแดงก่ำนั้นว่า “เสว่เอ๋อร์ ที่เรือนจำยังมีของที่คุณพ่อเหลือทิ้งไว้อยู่ ลูกไปที่นั่นกับเขา แล้วเอาของพวกนั้นกลับมาก็แล้วกันนะ……”

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เธอสงบสติอารมณ์ได้มากแล้วทีเดียว “ได้ค่ะ แล้วแม่ไม่ไปด้วยกันเหรอคะ”

คุณแม่ไป๋ส่ายหัวปฏิเสธ พร้อมกับก้มหน้าและเช็ดคราบน้ำตา “แม่ไม่ไปแล้วล่ะ ถ้าแม่ได้เห็นของของพ่อเขา แม่กลัวว่าแม่จะทำใจไม่ได้”

เมื่อไป๋เสว่เอ๋อร์ได้เห็นสภาพของคุณแม่ไป๋แบบนี้แล้ว จมูกของเธอก็รู้สึกแสบแน่นตามขึ้นมาทันที อย่างน้อยที่สุดแล้ว ตอนนี้เธอก็รู้อย่างแน่ชัดแล้วว่าคุณแม่นั้นยังคงรักคุณพ่ออยู่เหมือนเดิม

เธอก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย และเอื้อมมือออกไปกอดคุณแม่ไป๋อย่างเบามือ พร้อมกับกระซิบบอกคุณแม่ของเธอว่า “แม่รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวหนูจัดการเรื่องนี้เอง”

คุณแม่ไป๋พยักหน้า “แม่เข้าใจแล้วจ้ะ ยังไงลูกก็ระวังตัวด้วยนะ”

ทันทีที่ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินทางออกจากโรงพยาบาลและกำลังมุ่งหน้าไปยังเรือนจำนั้น เธอก็นิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรไปตลอดทาง ท่าทางของเธอนั้นราวกับรูปปั้น แม้แต่อารมณ์ความรู้สึกของเธอนั้น ก็ถูกกดเอาไว้อยู่ภายในก้นบึ้งของหัวใจ

ทันใดนั้น แขนอันแข็งแรงของชายหนุ่มก็ยื่นออกมา และโอบบริเวณไหล่ของหญิงสาวอย่างเบามือ เขากระซิบพูดกับเธอว่า “คุณรู้ไหมว่าอาหารจานโปรดของผมคืออะไร คุณแม่ของผมท่านชอบทำปลาทอดน้ำแดงให้ผมทานเสมอ”

“ตั้งแต่เล็กจนโต คุณแม่ทำปลาทอดน้ำแดงให้ผมทานนับครั้งไม่ถ้วน ผมทานมันได้อย่างไม่รู้เบื่อ แต่หลังจากที่คุณแม่เสียไป ผมก็ไปพบสูตรปลาทอดน้ำแดงที่คุณแม่ชอบทำให้ผมทานอยู่เสมอเข้า ท่านทิ้งสูตรนั้นไว้ให้ผม….เพราะกลัวว่าเมื่อไรก็ตามที่ท่านจากไป ท่านกลัวว่าผมจะไม่ได้กินมันอีก”

ทันใดนั้น เสียงพูดของเผยลี่เชินก็หยุดชะงักลง เขาขมวดคิ้วแน่น และเงียบไปครู่ใหญ่ ในที่สุด เขาก็เอ่ยปากพูดออกมาอีกว่า “ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกในตอนนี้ของคุณนะ แต่ว่านี่คือความจริงที่พวกเราจะต้องยอมรับมันในสักวันหนึ่ง พวกเขาต่างก็วาดหวังให้เรามีอนาคตที่ดีกว่าวันนี้อย่างแน่นอน ดังนั้น คุณจะต้องเข้มแข็งและเติบโตขึ้นนะครับ”

คำพูดเหล่านี้ของชายหนุ่ม ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ในที่สุด เธอก็ค่อยๆ ทำใจยอมรับกับความจริงที่กำลังเกิดขึ้นนี้อย่างช้าๆ

เธอเองก็รู้ดีว่าคุณพ่อของเธอนั้นจะต้องวาดหวังให้เธอมีชีวิตที่ดีกว่าวันนี้อย่างแน่นอน

แต่ทว่าก่อนที่จะถึงตอนนั้น เธอจะต้องรู้ความจริงเกี่ยวกับอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อของเธอให้จงได้!

ไป๋เสว่เอ๋อร์ลังเลเล็กน้อยว่าเธอควรจะบอกเรื่องราวที่เธอค้นพบให้เผยลี่เชินรู้ดีหรือไม่ แต่ในตอนนั้นเอง ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้นมาอย่างบังเอิญ เธอก็มองเห็นกำแพงสีเทาของเรือนจำอยู่ห่างจากเธอไม่ไกลมากเท่าไร ทำให้เธอนึกไปถึงตอนที่เธอมาที่เรือนจำแห่งนี้เมื่อคราวก่อนโดยไม่รู้ตัว

เมื่อคิดทบทวนดูอีกทีนั้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะยังคงเหมือนเดิม แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นคือคนต่างหาก

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท