ตอนที่ 334 ต้องการยึดอำนาจหรือ
เช้าวันรุ่งขึ้น เผยลี่เชินต้องกินอาหารเช้ากับหุ้นส่วนเพื่อพูดคุยธุรกิจกัน เพิ่งมาถึงบริษัทไม่นานก็จากไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยุ่งอยู่กับงานที่ทำอยู่ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกง่วงได้ตลอดเวลา
หลังจากดื่มกาแฟดำไปหนึ่งแก้ว ถึงค่อยรู้สึกมีสตินิดหน่อย
มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น จากนั้นเสี่ยวจางก็เดินเข้ามา “เลขาไป๋ เมื่อกี้คุณถานปินผู้ถือหุ้นบริษัทโทรศัพท์มา บอกว่าอยากพบพี่”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกประหลาดใจ “หาฉัน? ไม่ใช่มั้ง วันนี้ไม่มีประชุมผู้ถือหุ้น คงจะหาประธานเผยแต่ประธานเผยไม่อยู่”
เธอเป็นแค่เลขาตัวเล็กๆ ของเผยลี่เชินเท่านั้น ถานปินเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่คงไม่ได้หาเธอในช่วงนอกเวลาประชุม
เสี่ยวจางลังเลแต่ก็แนะนำว่า “ถ้าไงพี่โทรศัพท์กลับไปหาเขาสักหน่อย? เขาอาจมีเรื่องอะไรก็ได้?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าเมื่อได้ยิน จากนั้นก็รับปากเสี่ยวจาง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ใช้โทรศัพท์ออฟฟิศโทรหา โทรศัพท์ดังอยู่นานจนในที่สุดก็มีคนรับ “ฮัลโหล?”
เสียงของผู้ชายพูดอย่างหมดความอดทนชัดเจน
“คุณถาน ฉันเลขาไป๋ ไม่ทราบว่าคุณมีธุระอะไรถึงโทรศัพท์หาฉัน…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังไม่ทันพูดจบ ถานปินก็พูดแทรก “เดี๋ยวนี้เป็นเถ้าแก่เนี้ยแล้วหรือ? ทำไมฉันขอให้เธอมาพบไม่ได้รึไง?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความประชดประชัน ทำให้คนฟังรู้สึกไม่สบายใจ
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก พูดด้วยน้ำเสียงปกติ “คุณถาน ฉันเพิ่งได้รับข่าวว่าคุณต้องการพบฉัน ไม่ทราบว่าจะให้ไปพบที่ไหนคะ?”
“ห้องประชุม รีบมาทันทีเลยนะ”
พูดจบก็วางสายโทรศัพท์ทันที
ไป๋เสว่เอ๋อร์หูชา ขมวดคิ้ว หายใจเข้าลึกๆ เพื่อให้ตนเองสงบนิ่งมากขึ้น
ไม่ว่าถานปินจะอยากพบเธอด้วยเรื่องอะไรก็ตาม ยังไงซะเธอจะต้องไม่แสดงความกลัวออกมาให้เห็น
เมื่อคิดได้แบบนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก จัดเอสารอีกเล็กน้อย แล้วรีบเดินไปที่ห้องประชุม
เปิดประตูห้องประชุม เห็นผู้ชายยืนอยู่ในห้องไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกตกใจ
เธอแน่ใจว่าวันนี้ไม่มีประชุม แต่ในห้องประชุมนอกจากถานปิยังมีคนอื่นอีกสองสามคน แม้แต่ผู้จัดการ รองผู้จัดการก็อยู่ครบ
แต่พวกเขาแต่ละคนมองเธอด้วยสายตาไม่แน่ใจราวกับว่าเธอทำผิดร้ายแรง
จิตใจที่มั่นคงแต่แรกตอนนี้รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจลึก แล้วเดินเข้าไปหาถานปินอย่างช้าๆ ถามเบาๆ “คุณถาน ไม่ทราบว่าคุณเรียกฉันมา….”
สีหน้าถานปินดูเคร่งขรึม ถามกลับ “เธอไปทำผิดอะไรมา ยังไม่รู้ตัวอีกหรือ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตะลึง เงยหน้ามองถานปิน เงียบไปสักครู่ พูดเบา “ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าฉันทำผิดอะไร”
“ผะ!”
สีหน้าของถานปินดูเย็นยะเยือก เขาโยนเอกสารที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะ “เธอดูเอาเองก็แล้วกัน!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หยิบขึ้นมาดู คิดไม่ถึงว่าจะเป็นคำสั่งซื้อของบริษัทหงซิง ซึ่งมีปริมาณมาก อาจพูดได้ว่าเป็นคำสั่งซื้อล็อตใหญ่
คำสั่งซื้อของบริษัทหงซิงในช่วงปลายปีที่มีปริมาณมากก็ถือเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสับสน กำลังจะถามทันใดนั้นสายตาเคร่งเครียดจ้องมองอยู่ที่ยอดเงินสุดท้าย
ทำไมมันถึงได้น้อยนัก? ปริมาณที่สั่งตั้งมากมาย แต่ยอดเงินที่ได้รับทำไมมันถึงได้น้อยนัก?
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบดูช่องราคาทันทีเมื่อรู้ว่ามันผิดปกติ ในที่สุดก็พบว่าช่องราคาสินค้ารายการหนึ่งจากรายการทั้งหมดมันต่ำกว่าปกติ พูดง่ายๆ คือราคาที่เสนอตกเลขศูนย์ไปตัวหนึ่ง
ไป๋เสว่เอ๋อร์หัวใจเต้นแรงขึ้น เธอจำได้อย่างชัดเจนว่าเธอตรวจสอบสองสามครั้งแล้ว เธอไม่มีทางทำผิดพลาดในเรื่องจุดทศนิยมของราคาที่เสนอเป็นเด็ดขาด แต่ทำไมในใบเสนอราคาถึงได้….
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่เชื่อเธอจึงหยิบโทรศัพท์มือถือเปิดดูเมล์ที่เธอส่งใบเสนอราคาไปให้บริษัทหงซิง เพื่อตรวจสอบก่อนสั่งซื้อ ถึงได้พบว่าใบเสนอราคาที่ส่งไปก็ผิดเช่นกัน!
หรือพูดอีกอย่างเพราะเธอทำใบเสนอราคาผิดแล้วยังส่งให้คู่ค้าอีกฝ่าย จึงเป็นเหตุให้อีกฝ่ายสั่งซื้อสินค้าเป็นจำนวนมาก แต่พวกเขากลับต้องแบกรับภาระขาดทุนไว้แทน
หัวใจเหมือนถูกบีบรัดจนแน่น ไป๋เสว่เอ๋อร์ ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ตัวเองยังไม่รู้ว่าจะอธิบายอย่างไรดี
“หรือว่าเอกสารนี้เธอไม่ได้เป็นคนส่งใช่ไหม?” ถานปินมองดูสีหน้าท่าทางของเธอ ถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ครู่หนึ่งมือและเท้าของไป๋เสว่เอ๋อร์เย็นวาบ เธอหายใจลึกๆ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรดี
เอกสารนี้เธอเป็นคนตรวจสอบเอง ตรวจอยู่หลายรอบก็ไม่พบที่ผิด แล้วทำไมพอมาอยู่ตรงนี้มันถึงกลับตาลปัตร?
ถานปินเห็นเธอนิ่งไปไม่พูดอะไร จึงพูดด้วยความโมโห “ไป๋เสว่เอ๋อร์! ทุกคนกำลังรอคำตอบจากเธอ พูดซิว่าจะแก้ไขอย่างไร!”
“ตอนนี้ลูกค้าตอบรับคำสั่งซื้อนี้แล้ว ความเสียหายพวกนี้เผยซื่อก็ต้องแบกรับ ไม่เพียงแต่ต้องส่งสินค้าจำนวนมาก ยังต้องแบกรับภาระต้นทุนอีกด้วย เธอรู้ไหมว่าเสียหายไปเท่าไร?”
สายเกิดไปที่ไป๋เสว่เอ๋อร์จะพูด ผู้จัดการฝ่ายการตลาดยืนขึ้นมองมาที่ไป๋เสว่เอ๋อร์ พูดเสียงเข้ม “ฉันเห็นเอกสารต้นฉบับที่ลูกน้องฉันส่งให้เธอ ซึ่งต้นฉบับไม่มีอะไรผิด แต่หลังจากที่เธอตรวจสอบเอกสารก็ปรากฏว่ามีความผิดพลาดแบบนี้ เธอจงใจหรือเปล่า?”
“เธอรู้หรือเปล่า เพราะความผิดพลาดนี้ ปีนี้พวกเราฝ่ายการตลาดต้องพลาดรางวัลปลายปี!”
“คิดว่าตัวเองเป็นคนรักของประธานเผย เลยทำอะไรสะเพร่าได้ใช่ไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ฟังเสียงวิพากษ์วิจารย์รอบด้าน ขณะนั้นไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอจะทำอย่างไรกับความเสียหายนี้!” ถานปินยกมือเป็นสัญญาณให้ทุกคนเงียบก่อน แล้วพูดเสียงเข้ม “เธอคิดว่ามีเผยลี่เชินคอยปกป้อง เธอจึงทำอะไรตามอำเภอใจได้ใช่ไหม? ฉันขอบอกครั้งนี้ไม่มีใครช่วยเธอได้!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟันเงยหน้ามองถานปิน พร้อมกับคำถาม “คุณถานหมายความว่าอย่างไร?”
ถานปินพูดจริงจังโดยไม่ลังเล “ชดใช้ความเสียหาย! ลาออกซะ ห้ามมาเหยียบที่เผยซื่ออีก!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นสะท้านไปทั้งตัวเมื่อได้ยินประโยคนี้ ขาที่เคยยืนอย่างมั่นคงมาบัดนี้กลับเริ่มสั่นเล็กน้อย
ห้ามมาเหยียบที่เผยซื่ออีกตลอดไป
เงื่อนไขแบบนี้มันออกจะเกินไปหน่อย?
อีกอย่างเธอยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าเพราะอะไร ใบเสนอราคานี้ถึงผิดได้ เป็นเพราะเธอพิมพ์ผิดเองหรือว่ามีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้อง?
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกๆ มองถานปินพร้อมคำถาม “นี้เป็นการตัดสินใจของคุณใช่ไหม?”
ถานปินนิ่งไปมองดูคนอื่นในห้องประชุม พูดเสียงเคร่งขรึม “นี่เป็นการตัดสินใจของพวกเรา!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือแน่น รีบช่วงชิงเวลาก่อน “ถือเป็นความผิดของฉัน งั้นรอประธานเผยกลับมาก่อนแล้วค่อยตัดสินใจได้ไหมคะ?”
เธอต้องการเวลาเพื่อจะได้ตรวจสอบเรื่องนี้ให้ชัดเจน เธอเชื่อว่าแม้ว่าเธอเพิ่งจะกลับมาทำงาน ประสิทธิภาพในการทำงานไม่เหมือนเมื่อก่อน แต่ก็ไม่น่าจะผิดพลาดได้ถึงขนาดนี้!
“รอประธานเผยกลับมา?” ใบหน้าของถานปินมีรอยยิ้มเย็นชา “รอเขากลับมาช่วยเธอใช่ไหม? ไป๋เสว่เอ๋อร์เธอไร้เดียงสาเกินไปแล้ว เผยซื่อไม่ใช่ของเผยลี่เชินคนเดียว พวกเราที่นั่งตรงนี้ล้วนต้องเสียประโยชน์จากเรื่องนี้ทั้งนั้น เธอคิดว่าเรื่องนี้เขาจะปกป้องเธอได้ใช่ไหม?”
ดูเหมือนถานปินจะเตรียมตัวมาอย่างดี ใช้โอกาสที่เผยลี่เชินออกไปทำธุระข้างนอก เรียกผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดมากดดันเธอ แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับการทรมาน
ไป๋เสว่เอ๋อร์มองถานปินด้วยท่าทางแน่วแน่มั่นคง “คุณถาน ไม่ว่าอย่างไรประธานเผยก็เป็นผู้บริหารของบริษัท คุณไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาก็เท่ากับว่าคุณจะยึดอำนาจใช่ไหม!