สัญญาร้ายของประธานปีศาจ – ตอนที่ 325

ตอนที่ 325

ตอนที่ 325 หนึ่งในผู้ต้องสงสัย

ระหว่างทางที่เดินทางออกจากเรือนจำ และกำลังมุ่งหน้ากลับไปยังคฤหาสน์ ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบและไม่ยอมพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องราวที่เธอเพิ่งได้ค้นพบเมื่อสักครู่นี้เลย

เมื่อเผยลี่เชินเห็นหญิงสาวนั่งเงียบตลอดทาง เขาก็คิดแต่เพียงว่าเธอคงกำลังจมอยู่กับความโศกเศร้าและไม่สามารถที่จะปล่อยวางและทำใจยอมรับได้ เขาจึงไม่คิดที่จะถามอะไรออกไป

ทันทีที่รถยนต์เคลื่อนมาถึงคฤหาสน์ ไป๋เสว่เอ๋อร์กอดเสื้อผ้าของคุณพ่อของเธอเอาไว้ และเดินตรงขึ้นบันไดไปด้วยใบหน้าที่เรียบตึงและว่างเปล่า

เมื่อป้าจางเห็นท่าทางของไป๋เสว่เอ๋อร์เข้า เธอจึงคิดที่จะเดินไปถามไถ่เสียหน่อย แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้าของเผยลี่เชินนั้นมีบางอย่างผิดปกติเช่นกัน เธอจึงหยุดและยืนอยู่ที่เดิม

“คุณผู้ชาย คุณหนูไป๋ เธอ……” เมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ หายลับตาไปที่บริเวณหน้าบันไดแล้ว ป้าจางจึงกล้าที่จะถามเผยลี่เชินออกไป

เผยลี่เชินส่ายหัว พร้อมกับพูดด้วยเสียงเข้มว่า “ป้าจางครับ ป้าช่วยเตรียมข้าวต้มกับกับข้าวเล็กน้อย แล้วเอาไปส่งข้างบนให้ทีนะครับ”

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนอยู่ในสภาพที่ผิดปกติ ป้าจางก็ไม่คิดที่จะถามอะไรมากมาย เธอจึงทำได้เพียงพยักหน้า จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องครัวทันที

เผยลี่เชินสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้น เขาก็เดินขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน เมื่อเขาผลักประตูเข้าไป ก็เห็นว่าห้องนอนนั้นมืดสนิทจนทำให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน ไฟในห้องยังคงปิด และผ้าม่านก็ยังคงถูกดึงปิดเอาไว้อยู่เช่นเดิม

เขารู้สึกลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เขาก็เปิดโคมโฟติดผนังในห้องขึ้น และพูดด้วยเสียงเบาๆ ว่า “อยากให้ผมอยู่เป็นเพื่อนคุณไหมครับ”

เสื้อผ้าของไป๋เจิ้งตงถูกวางเอาไว้อยู่บนโต๊ะข้างเตียง ไป๋เสว่เอ๋อร์นอนขดตัวเล็กๆ อยู่บนเตียง ร่างกายของเธอนิ่งและไม่เคลื่อนไหวใดๆ

เผยลี่เชินเดินเข้าไปหาหญิงสาว ขณะที่เขากำลังโน้มตัวเข้าไปใกล้นั้น จู่ๆ หญิงสาวก็เอ่ยปากขึ้นมาว่า “ฉันอยากอยู่คนเดียวสักพัก ได้ไหมคะ”

ถึงแม้เธอจะเอ่ยปากถามเขาออกไปเช่นนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเธอนั้นเป็นการปฏิเสธคนทุกคนที่อยากจะเข้ามาใกล้เธอ เผยลี่เชินหยุดนิ่งและเงียบไปครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้ว เขาก็เอ่ยปากออกมาว่า “ได้ครับ”

เขาค่อยๆ เดินอย่างเบาๆ ไปที่ประตูห้องนอน ปิดไฟ จากนั้นก็ปล่อยให้หญิงสาวอยู่ในห้องนอนเพียงลำพัง

ปฏิกิริยาของหญิงสาวที่โต้ตอบกลับมานั้น หัวใจของชายหนุ่มได้เตรียมตัวรับมือกับเรื่องนี้เอาไว้บ้างแล้ว ตัวเขาเองนั้นก็เคยสูญเสียคนที่รักมาก่อน ตัวเขาในตอนนั้นกับตัวเธอในตอนนี้เองก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไรนัก

เผยลี่เชินถอนหายใจ จากนั้นเขาก็เดินมุ่งหน้าไปยังห้องอ่านหนังสือ และค่อยๆ ปิดประตูห้องอ่านหนังสือทีละบาน

ไป๋เสว่เอ๋อร์นอนอยู่เตียงนอน และยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติงเหมือนเช่นเดิม เธอไม่ขยับตัวสักนิดเดียว ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร เมื่อเธอไม่ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวใดๆ เกิดขึ้นรอบตัวเธอแล้ว เธอจึงค่อยๆ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้ออย่างช้าๆ

ตอนนี้ เธอต้องการที่จะสืบหาความจริงในเรื่องนี้ให้ได้ แต่เมื่อนึกคิดถึงบรรดาผู้คนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้นั้น เผยลี่เชินเป็นคนที่เธอเชื่อใจและไว้วางใจมากที่สุด แต่ทว่าตอนนี้ เขากลับกลายเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยของเธอเข้าเสียแล้ว

เธอเคยเห็นวิธีที่เผยลี่เชินใช้จัดการกับปัญหามาก่อน และรู้ดีว่าเมื่อเขาเย็นชาและไร้ความปรานีนั้น เขามีลักษณะเป็นเช่นไร และเธอเองก็รู้ดีว่าสำหรับตัวเขาแล้ว ใครก็ตามที่หมายจะขัดขวางเขา คนคนนั้นคือศัตรูของเขา

ถ้าเกิดว่าหลังจากที่เผยลี่เชินและคุณพ่อได้พบกันในวันนั้นแล้ว คุณพ่อเกิดไม่เห็นด้วยในความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองคน ทำให้เผยลี่เชินรู้สึกคับข้องใจ และคิดที่จะกำจัดคุณพ่อของเธอไปให้พ้นทาง เรื่องแบบนี้ มันก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียหน่อยนี่นา

นับตั้งแต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับฟางหรงเทียนในครั้งนั้น ไปจนถึงเรื่องที่เขาจัดการด้วยวิธียิงปืนนัดเดียวได้นกสามตัวเมื่อไม่นานมานี้ รวมไปถึงการอาศัยบารมีของคุณพ่อที่สะสมอยู่ก่อนหน้าในการเอาชนะประมูลโครงการทางวิศวกรรมโครงการนั้น ตัวเธอเองก็รู้อยู่แก่ใจดีว่า เขาเป็นคนที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เขาต้องการ

การที่เผยลี่เชินเป็นแบบนี้นั้น ไม่เพียงแต่ทำให้เธอรู้สึกผิดหวังแล้ว มันยังทำให้เธอรู้สึกกลัวขึ้นมาอีกด้วย

แต่ทว่าการคาดเดาทั้งหมดเกี่ยวกับเผยลี่เชินที่เกิดขึ้นในขณะนี้ เป็นเพียงแค่ความสงสัยคลางแคลงใจของตัวเธอเองเท่านั้น เธอจะต้องออกไปสืบหาความจริงของเรื่องราวในครั้งนี้ให้จงได้

แต่ทว่าในตอนนี้นั้น คนที่พอจะช่วยเหลือเธอได้นั้น กลับไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว

หลังจากที่เธอยังคงลังเลคิดกลับไปกลับมา ท้ายที่สุดแล้ว ใบหน้าของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นมาภายในหัวสมองของเธอ….ลู่เหยานั่นเอง

เขาเป็นคนนอกที่สมบูรณ์แบบในทุกด้าน และยังเป็นรุ่นพี่ที่ยินยอมช่วยเหลือเธอย่างไม่มีข้อแม้ใดๆ และตัวเขาเองนั้น ก็เปี่ยมไปด้วยความสามารถสำหรับการตรวจสอบเรื่องแบบนี้ด้วย

หลังจากที่ชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดีและข้อเสียหลายครั้งแล้ว ลู่เหยานั้นเป็นบุคคลที่เหมาะสมกับหน้าที่นี้เป็นที่สุด

ถึงแม้ว่าการขอร้องให้เขาช่วยนั้นจะเป็นเรื่องยากสำหรับเธอที่ต้องเอ่ยปากออกไป แต่ในเมื่อตอนนี้เธอไม่รู้จะหันไปพึ่งใครแล้ว เขาจึงเป็นเพียงคนเดียวที่เธอพอจะฝากความหวังเอาไว้ด้วยได้

ไป๋เสว่เอ๋อร์กดโทรออกไปหาเขา ทันใดนั้น เธอก็กำโทรศัพท์มือถือของเธอเอาไว้แน่นโดยไม่รู้ตัว

“ว่าไงครับ เสว่เอ๋อร์”

ชายที่อยู่ปลายสายกดรับโทรศัพท์อย่างรวดเร็ว เสียงของชายหนุ่มนั้นยังคงอ่อนโยนและนุ่มนวลเหมือนเมื่อก่อน เหมือนคนที่เธอรู้จักดี

“รุ่นพี่คะ……” ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ “รุ่นพี่พอจะช่วยอะไรฉันสักอย่างได้ไหมคะ”

ลู่เหยาตอบกลับมาอย่างไม่ลังเลเลยว่า “คุณเล่ามาสิ”

ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที เธออาศัยคำพูดที่เรียบง่ายอธิบายรายละเอียดเรื่องราวทั้งหมดออกไปด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนและหนักอึ้ง

ปลายสายนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เอ่ยปากถามต่อไปว่า “คุณอยากให้ผมช่วยคุณตรวจสอบอย่างนั้นเหรอ”

ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากล่างของเธอ “ใช่ค่ะ”

เมื่อได้ยินว่าปลายสายนิ่งเงียบไปอีกครู่หนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “รุ่นพี่คะ ไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ ถ้าเกิดว่ารุ่นพี่ไม่สะดวกล่ะก็ ฉันไปขอร้องคนอื่นก็ได้ค่ะ”

“เสว่เอ๋อร์”

ลู่เหยาที่อยู่ปลายสายนั้นเรียกชื่อของไป๋เสว่เอ๋อร์อย่างแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงที่แสนอ่อนโยน “ผมช่วยคุณได้ ผมแค่เป็นห่วงน่ะ ถ้าเกิดว่าเผยลี่เชินรู้เข้าว่าคุณแอบไปตรวจสอบเขาอยู่เบื้องหลังแบบนี้เข้า แล้วความสัมพันธ์ระหว่างพวกคุณสองคน……”

ส่วนที่เหลือของประโยคนั้น ถึงแม้ว่าลู่เหยาจะไม่พูด ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เข้าใจดี

เรื่องนี้ทำให้สิ่งที่ละเอียดอ่อนที่สุดระหว่างคู่รักต้องเข้ามาพัวพันด้วย ซึ่งสิ่งนั้นก็คือความไว้วางใจนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ เธอและเผยลี่เชินเคยเข้าใจผิดกันมานักต่อนักเพราะเรื่องความไว้วางใจมามากแล้ว และความเข้าใจผิดแบบนี้ยิ่งมีมากแค่ไหน มันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น จนสุดท้ายแล้วมันจะพัฒนากลายเป็นความผิดหวังแทน

ไม่ใช่ว่าเธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน แต่เธอไม่อาจที่จะปล่อยเรื่องการตายของคุณพ่อให้ยังคงคลุมเครือแบบนี้ต่อไปได้

ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่มุ่งมั่นว่า “ฉันรู้ดีค่ะ แต่ว่าฉันจำเป็นที่จะต้องสืบหาความจริงในเรื่องนี้ให้ได้ค่ะ”

ลู่เหยาที่อยู่ปลายสายลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้น เขาก็เอ่ยปากตกปากรับคำ “ผมช่วยคุณตรวจสอบเรื่องนี้ได้ ผมจะคอยส่งข่าวบอกคุณก็แล้วกัน”

“ตกลงค่ะ”

ขณะที่เธอกำลังจะกดวางสายนั้น ชายหนุ่มที่อยู่ปลายสายก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “เสว่เอ๋อร์ ถ้าคุณอยากเล่าหรือว่าอยากให้ผมช่วยอะไรล่ะก็ เชื่อผมเถอะ ผมคือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับคุณ”

ภายในหัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในทันที จมูกของเธอรู้สึกแสบแน่นขึ้นมาอย่างไม่สามารถอธิบายได้ เธอพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว จากนั้น เธอถึงเพิ่งจะรู้ตัวว่าปลายสายนั้นไม่มีทางที่จะเห็นเธอได้

“ตกลงค่ะ ขอบคุณมากนะคะ รุ่นพี่”

หลังจากวางสายเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมากอย่างบอกไม่ถูก แต่เมื่อหวนนึกถึงความจริงที่ว่าคุณพ่อของเธอนั้นได้จากไปแล้ว หัวใจของเธอก็รู้สึกเจ็บปวดและขมขื่นขึ้นมาภายในจิตใจทันที

หลังจากที่เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เมื่อท้องฟ้ามืดสลัวและดวงดาวได้เวลาเปล่งประกายออกมา เธอก็ไม่อาจที่จะครองสติเอาไว้ได้และผล็อยหลับไปในที่สุด

เผยลี่เชินไม่สามารถนั่งนิ่งๆ อยู่ภายในห้องอ่านหนังสือได้ เมื่อเธอคิดถึงภาพของหญิงสาวที่อยู่ภายในห้องนอนเพียงคนเดียว เขาก็ไม่มีกะจิตกะใจที่จะทำงานอีกต่อไป

หลังจากที่ลังเลกลับไปกลับมาหลายครั้ง สุดท้ายแล้ว เขาก็เดินกลับไปปยังห้องนอน เมื่อเขาผลักประตูเข้าไป ภายในห้องนั้นมือสลัวจนไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาเปิดไฟติดผนังที่อยู่บริเวณหน้าประตูขึ้น เขาก็ค่อยๆ เดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ และมองเห็นหญิงสาวกำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง

เผยลี่เชินถอนหายใจยาวๆ ออกมา จากนั้น เขาก็เดินตรงไปที่บริเวณเตียงนอน และมองใบหน้าของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับโดยที่คิ้วนั้นยังคงขมวดแน่นอยู่ เขารู้สึกทุกข์ใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดนั้น ได้เผาผลาญพลังงานที่อยู่ภายในตัวของหญิงสาวไปจนหมดสิ้นโดยสมบูรณ์

ในตอนแรกนั้น เธอถูกขอแต่งงาน จากนั้น เธอก็ได้รับข่าวการเสียชีวิตของคุณพ่อของเธอ เธอต้องวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งวัน และยังต้องรับมือกับความรู้สึกเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไปตลอดทั้งวันด้วย

เขายกมื้อขึ้นและเอื้อมไปปัดที่แก้มของหญิงสาวอย่างเบามือ ทันทีที่เขาสัมผัสเข้ากับแก้มของเธอนั้น เขาก็ขมวดคิ้วขึ้นมาในทันที

ร้อนมาก ทั่วทั้งแก้มของเธอนั้นร้อนกว่าอุณหภูมิปกติอย่างมาก

เผยลี่เชินใช้หลังมือของเขาอังไปที่หน้าผากของไป๋เสว่เอ๋อร์ ภายในใจของเขารู้สึกแน่ชัดแล้วว่าเธอกำลังมีไข้!

เขารีบลุกขึ้นยืนและเรียกป้าจางในทันที ป้าจ้างรีบหยิบยาลดไข้มาให้เขา พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดว่า “คุณผู้ชายคะ รีบให้คุณหนูไป๋กินยาลดไข้เถอะค่ะ ถ้าเกิดไข้ยังคงไม่ลดแล้วล่ะก็ เธออาจจะเป็นหนักกว่าเดิมก็ได้นะคะ!”

เมื่อเผยลี่เชินได้ยินดังนั้น เขาก็รีบอุ้มไป๋เสว่เอ๋อร์ให้ลุกขึ้นมานั่งตัวตรงทันที เขาพยายามที่จะปลุกเธอให้ตื่น แต่ดูเหมือนว่าเธอจะถูกพิษไข้ทำให้ร่างกายรู้สึกเบลอไปหมดแล้ว ถึงแม้ว่าเธอจะลืมตาเมื่อถูกเรียกชื่อ แต่สุดท้ายแล้ว เธอก็หลับตาลงต่อด้วยความงุนงงอย่างรวดเร็ว

“ไป๋เสว่เอ๋อร์!” สีหน้าของเผยลี่เชินจริงจังขึ้นอย่างมาก เขาเอาแต่เรียกชื่อของเธอที่ข้างหูต่อไปไม่หยุด เขาจับเธออ้าปาก และป้อนยาลดไข้ให้เธอกินประมาณ 2 เม็ด จากนั้นก็ให้เธอดื่มน้ำและกลืนยาเหล่านั้นลงไป

หลังจากที่เขาป้อนยาให้เธอด้วยความยากลำบากไม่น้อยเสร็จแล้ว ป้าจางก็หยิบเอาผ้าห่มที่อยู่ในตู้เสื้อผ้าข้างๆ ออกมา และวางมันลงบนร่างของไป๋เสว่เอ๋อร์เพื่อห่มผ้าให้เธอ “คุณต้องทำให้เธอเหงื่อออกมานะคะ จะได้หายเร็วๆ”

ขณะที่เธอพูดอยู่นั้น ป้าจางก็ใช้มือของเธอคอยสอดผ้านวมเข้าไปภายใน ทันทีที่มือของเธอสัมผัสเข้ากับมือที่เย็นเป็นน้ำแข็งของไป๋เสว่เอ๋อร์ ป้าจางก็ตกใจและพูดออกมาว่า “ท่าไม่ดีแล้วล่ะค่ะ! ผ้านวมอันนี้มันเย็นไปหมดเลย!”

เผยลี่เชินขมวดคิ้วแน่น เมื่อเห็นสภาพที่ได้สติครึ่งไม่ได้สติครึ่งของหญิงสาว เขาก็ถอดเสื้อของตัวเองออกมาอย่างไม่ลังเล พร้อมกับพูดด้วยเสียงเข้มว่า “ผมจะทำให้คุณอุ่นเอง

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

สัญญาร้ายของประธานปีศาจ

Status: Ongoing

บริษัทไป๋ซื่อเกิดเรื่องใหญ่ในด้านการเงิน พ่อของเธอถูกตำรวจพาไป แม่ของเธอก็ป่วย ร่างกายยิ่งอ่อนแอขึ้น เธอต้องการเงิน ต้องการหลักฐาน นอกจากเผยอี้แล้ว เธอนึกไม่ออกว่ายังมีใครที่จะสามารถช่วยเธอได้ แต่สุดท้าย เธอเพียงแค่ได้รับความเยาะเย้ยจากเขา ยังดีที่เผยลี่เชินออกมาช่วยเธอตอนที่เธอสิ้นหวัง ไป๋เสว่เอ๋อร์มอบตัวเองให้กับเขา แต่ความสัมพันธ์ของสองคนกลับยังไม่จบ พวกเขาจะมีเรื่องอะไรกันต่อนะ? คำแนะนำนวนิยาย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท