ตอนที่ 345 พัฒนาไปถึงไหนแล้ว
คำพูดนี้เหมือนเทน้ำมันลงบนกองไฟ จนทำให้เผยลี่เชินโกรธจนเกินควบคุมได้
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกถึงบางสิ่งเมื่อได้เห็นสีหน้าของเผยลี่เชินดูแปลกออกไป กลัวว่าเขาจะมีเรื่องชกต่อยกันอีก เธอจึงรีบพูด “ฉันจะกลับไปกับคุณ มีเรื่องอะไร พวกเราค่อยคุยกันเป็นการส่วนตัว”
พูดจบ เธอหันไปมองลู่เหยา พูดด้วยน้ำเสียงยืนกราน “รุ่นพี่ กลับไปเองก่อนนะคะ เรื่องของฉันให้ฉันจัดการเอง พี่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“แต่เสว่เอ๋อร์….”
ลู่เหยาหยุดพูดเมื่อเห็นสายตาไป๋เสว่เอ๋อร์เคร่งเครียด เขาจึงได้แต่เก็บคำพูดไว้แล้วกลืนมันลงไป
เรื่องมาถึงบัดนี้ เขาก็ไม่รู้จริงๆ ว่าจะใช้สิทธิ์หรือฐานะอะไรมาพาเธอไป”
ในที่สุดเขาก็เดินถอยไปพร้อมกับกำมือแน่น
เผยลี่เชินกวาดตามองเขาด้วยสายตาเย็นชา ลากไป๋เสว่เอ๋อร์ไปที่รถมายบัคของเขา
ประตูรถปิดดัง “ปัง” ออกห่างจากโลกภายนอก
เผยลี่เชินสั่งเจิงหงด้วยเสียงเย็นชา “กลับคฤหาสน์”
หลังจากออกคำสั่งแล้ว ไม่มีคำพูดใดๆ อีกเลย บรรยากาศภายในรถเงียบสนิท แม้จะหายใจยังต้องระวัง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ประสานสองมือเข้าด้วยกัน ชั่งใจอยู่นาน ยังหาถ้อยคำที่เหมาะสมมาอธิบายให้ชัดเจนได้
แต่ถ้ายังคงนิ่งเงียบแบบนี้ เกรงว่าผลที่ออกมาจะยิ่งเลวร้ายกว่าเดิม
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก ลังเลอยู่นาน ในที่สุดก็เอ่ยปากขึ้นมา “เมื่อคืนฉันอารมณ์ไม่ดี จึงดื่มเข้าไปมาก ลู่เหยาก็แค่มาส่งฉันที่โรงแรม แล้วเกรงว่าฉันจะเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น เขาจึงอยู่เป็นเพื่อน ฉันนอนอยู่บนเตียง ส่วนเขานอนบนโซฟา ไม่มีเรื่องอื่นใดเกิดขึ้น”
เธอพูดความจริง แต่ทำไมฟังคำอธิบายนี้แล้วไม่มีความน่าเชื่อถือ
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้ามองเผยลี่เชินที่อยู่ข้างๆ สีหน้าชายหนุ่มดูเย็นยะเยือก คิ้วตก แสดงว่าไม่พอใจกับคำอธิบายแบบนี้
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว “เผยลี่เชิน คุณเชื่อฉันสักครั้งไม่ได้หรือ?”
“ฉันเชื่อ” ชายหนุ่มพูดเบาๆ แต่หันกลับมามองตาเธอด้วยสายตาเย็นชา “แต่เธอบอกฉันให้ชัดเจนได้ไหมว่าทำไมเธอถึงอยู่กับเขาสองต่อสอง?”
คำพูดนี้อุดปากของเธอไว้
เธอไม่สามารถพูดเรื่องที่เธอขอให้ลู่เหยาช่วยสืบเรื่องสาเหตุการตายของพ่อเธอได้ เธอพูดไม่ได้จริงๆ
ถ้าวันหนึ่งพูดออกไป มันอาจจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตอนที่พวกเขาสองคนต้องแยกทางกันจริงๆ ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็คงแตกสลาย ไม่มีวันกลับเป็นเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
หัวใจเหมือนถูกดึงรั้งไว้จนแทบหายใจไม่ออก ไป๋เสว่เอ๋อร์อ้าปากแต่ก็พูดไม่ได้ ในที่สุดเธอต้องพูดโกหกออกไป “ฉันอารมณ์ไม่ดี นั่งอยู่ในบาร์บังเอิญเจอเขา จึงดื่มเหล้าไปไม่กี่แก้ว”
สายตาของเผยลี่เชินแสดงความเย็นชาเมื่อได้ยิน เขายกมุมปาก พูดด้วยความเย็นชา “เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว เธอยังจะโกหกฉันอีกหรือ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตกใจ ไม่รู้ว่าพูดผิดตรงไหน และก็ไม่รู้ว่าเขาดูออกได้อย่างไรว่าเธอโกหก
เผยลี่เชินยังคงมองด้วยสายตาเย็นชา “ช่วงนี้เธอคงพบกับลู่เหยามากกว่าหนึ่งครั้งแล้ว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว พร้อมถามเผยลี่เชิน “คุณสะกดรอยตามฉัน?”
แม้ว่าเขาไม่ได้ให้คนติดตามเธอ เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าช่วงนี้เธอทำอะไร อย่างไร?
เดิมทีตัวเองอยู่กับเขา ตลอดเวลาที่ผ่านมาคือคนที่ต้องเฝ้าระวัง ดูท่าแล้วเขาไม่เคยเชื่อใจเธอเลย!
“เปล่า” เผยลี่เชินตอบด้วยเสียงเย็นๆ “หลังจากเห็นเธอกับลู่เหยาออกมาจากโรงแรม ฉันก็ให้คนไปสืบ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไปมาหาสู่กับเขาอย่างสนิทสนม แต่ฉันกลับไม่เคยรู้!”
ชายหนุ่มส่งสายตาที่เต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ แม้แต่แก้มยังเป็นสีเขียวคล้ำ
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก ไม่พูดอะไรอีก
ตอนนี้เธอเหมือนหมาจนตรอก ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่มีวิธีที่จะอธิบายสาเหตุที่เธอพบกับลู่เหยา
ถ้าอธิบายไป มันก็ต้องพูดถึงสาเหตุการตายของพ่อเธอ แต่ถ้าไม่อธิบาย เผยลี่เชินก็จะเข้าใจผิดไปตลอด ไม่ว่าอย่างไร ระหว่างพวกเขาทั้งสองคนก็หลีกเลี่ยงการทะเลาะและเข้าใจผิดไม่ได้
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกปวดขมับเหมือนมีดทิ่มแทง เธอจึงหลับตา หยุดพูดทุกอย่าง
เขาจะเข้าใจอย่างไร ก็แล้วแต่เขาเถอะ
ในขณะเดียวกัน เผยลี่เชินมองหญิงสาวที่เงียบไป ปฏิกิริยาโต้ตอบในตอนนี้ของเธอ แสดงเป็นนัยๆ ว่าการเผชิญหน้ากันเงียบๆ แบบนี้มันทำให้เขาแทบเป็นบ้ายิ่งกว่าทะเลาะกัน
เขาหายใจลึก สงบอารมณ์ ถามด้วยเสียงเย็นๆ “เธอกับเขา ความสัมพันธ์พัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปาก รู้สึกเจ็บปวดใจอย่างบอกไม่ถูก จึงไม่ได้ตอบอะไรออกมา
รถจอดนิ่งสนิทอยู่ที่ประตูคฤหาสน์ เผยลี่เชินเห็นเธอไม่ตอบคำถาม ไฟในใจลุกโพลง เขาเปิดประตูรถ แล้วเดินไปอีกด้านที่ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่ง เปิดประตูรถคว้าข้อมือของเธอ จากนั้นลากเธอลงจากรถเข้าไปในคฤหาสน์
มือของชายหนุ่มทั้งใหญ่ทั้งแรงมาก กุมมือเธอจนทำให้เธอรู้สึกเจ็บ แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดริมฝีปากไม่ร้องโอดครวญออกมา “ปล่อยฉันะ!”
เผยลี่เชินเงียบ ไม่สนใจสีหน้าตกตะลึงของป้าจางและคนใช้อื่น ยังคงลากเธอขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสอง
เสียงประตูปิดดัง “ปัง” เผยลี่เชินลากไป๋เสว่เอ๋อร์เข้าไปในห้อง จากนั้นใช้แรงที่มีเหวี่ยงเธอขึ้นไปบนเตียง
เผยลี่เชินยังคงถามต่อ “ไป๋เสว่เอ๋อร์ พวกเธอไปถึงไหนกันแล้ว?”
เขาจริงจังมาก ไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาแทบเป็นบ้า คิดถึงได้ตลอดเวลา แต่เขาไม่มีทางทนเห็นชายอื่นแตะต้องเธอ จูบเธอ…
ความเป็นชายของเผยลี่เชินเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง ในช่วงยี่สิบกว่าปีมานี้ เขาไม่เคยรู้สึกอารมณ์แปรปรวน หวั่นไหว จนกระทั่งได้มาพบกับไป๋เสว่เอ๋อร์ ความเอาแต่ใจ จอมเผด็จการ ของเขาล้วนมาจากไป๋เสว่เอ๋อร์
สมองไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นตัว พูดด้วยเสียงเย็นๆ “ฉันเคยบอกแล้ว ระหว่างฉันกับเขาไม่มีอะไรกัน”
เผยลี่เชินถอดเสื้อนอกออก จากนั้นก็เริ่มปลดกระดุม รูปร่างที่แข็งแรง คิ้ว ตาที่คมเข้ม แต่ยังคงไม่สามารถตอบสนองความโกรธและความปรารถนาได้
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ชายหนุ่มกดร่างของเธอไว้ จากนั้นบีบคางของเธอพร้อมจูบอันร้อนแรง ไม่ปล่อยให้เธอได้ขัดขืน หลังจากที่เข้าไปใกล้ชิดริมฝีปาก ดวงตาของเขาเหมือนมีหมอกลอยมา แต่ยังคงถามเธอ “เขาทำแบบนี้กับเธอใช่ไหม?”
เหมือนถูกคนตบเข้าที่ใบหู ความอับอายของไป๋เสว่เอ๋อร์เปลี่ยนเป็นความโกรธ “เผยลี่เชิน…ปล่อยฉันะ!”
ชายหนุ่มไม่เพียงแต่ไม่ปล่อย แต่ยังจงใจก้าวข้ามไปอีกขั้น มือข้างหนึ่งรูดไปที่ขอบเสื้อและปลดกระดุมเสื้อออก พันธนาการความอ่อนโยนของเธอเพื่อเป็นการลงโทษ ถามเธอใกล้ๆ ด้วยสายตาแห่งความโกรธผสมความปรารถนา “แล้วแบบนี้ล่ะ? !”
ความรู้สึกอับอายทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ละอายใจเป็นอย่างยิ่ง เธอไม่สามารถต้านทานขัดขืน แต่กลับไม่ตอบอะไรออกมา ได้แต่ร้องครวญครางออกมา
ไม่เห็นเธอพูดใดๆ เผยลี่เชินเป็นเหมือนสิงโตที่หงุดหงิดถึงขีดสุด เขากัดฟันและเดินหน้าปลดความหวาดระแวงออก ยิ่งรุกคืบความเป็นส่วนตัวของเธอมากเท่าไร ก็ไม่ละความพยายามที่จะถามต่อไป “ตรงนี้เขาเคยสัมผัสหรือยัง!”
“ยังมีตรงนี้!”
เหมือนสัตว์ยุคดึกดำบรรพ์ เขาให้ความสนใจต่อความรู้สึกส่วนตัวของตัวเอง เกือบจะพลิกเธอไปมาเพื่อปกปิดร่องรอยของตัวเอง หลังจากที่เธอหมดแรงอ่อนปวกเปียกเหมือนน้ำ ถึงได้ยอมแพ้.