ตอนที่ 348 ต้องการ “บริการ” ไหม
เกี่ยวกับสถานะส่วนใหญ่ในบริษัทของถานปินไป๋เสว่เอ๋อร์พอจะเข้าใจอยู่บ้าง หลังจากที่ได้ฟังเจียงหวั่นหวั่นเล่าเรื่องทั้งหมดให้เธอฟังอีกหนึ่งรอบ ในใจของเธอถึงได้มีความคิดอะไรบางอย่างขึ้นมา
ตอนนี้ถานปินได้เปิดเผยอย่างชัดเจนแล้วว่าอยากจะอาศัยความวุ่นวายในการก่ออาชญากรรม ในใจของเขารู้ดีว่าด้วยสถานะของเขาแล้วกดทับเผยลี่เชินลงไปไม่ได้ ถึงได้ดึงผู้ถือหุ้นคนอื่นๆเข้ามามีส่วนร่วม อีกด้านหนึ่งเขาปลุกระดมพนักงานในบริษัท สร้างความวุ่นวายจนในใจของทุกคนต่างตื่นตระหนกกันไปหมด เพิ่มแรงกดดันให้กับเผยลี่เชิน
เป็นลูกไม้ที่ต่ำทรามจริงๆ
ถานปินในตอนนี้ ความทะเยอทะยานที่เลวร้ายปรากฏออกมาให้เห็นเด่นชัด เป็นฟางหรงเทียนคนที่สองโดยสมบูรณ์แบบ
กลัวเพียงแต่ว่าเผยลี่เชินตอนนี้กำลังยุติการร่วมมือระหว่างฝ่ายผู้ร่วมลงทุน ผู้ถือหุ้นในบริษัทรวมไปถึงพนักงานในบริษัททั้งสามฝ่ายคงจะยุ่งวุ่นวายน่าดูกระมัง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ ตอนนี้อยู่ภายใต้เหตุการณ์เช่นนี้ ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่นไปก่อน ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องยืนอยู่ข้างเดียวกันกับเผยลี่เชิน ถึงอย่างไรในวินาทีที่เธอถูกคนพุ่งเป้าและซักถามข้อสงสัย เผยลี่เชินต่างก็มากำบังไว้ที่ด้านหน้าของเธออย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
ต่อให้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณ เธอก็จำเป็นจะต้องช่วยเหลืออย่างแน่นอน
หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย กดโทรหาโจ๋วฝันในทันที
“ฮัลโหล? พี่เสว่เอ๋อร์? ทำไมถึง…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อม “เธออยู่ที่ไหน? มีเวลาหรือเปล่า?”
โจ๋วฝันที่อยู่ทางนั้นดูเหมือนจะตกใจกับน้ำเสียงที่จริงจังเช่นนี้ของไป๋เสว่เอ๋อร์ หลังจากหยุดชะงักไปสองสามวินาที จึงได้รีบเอ่ยปากออกมาว่า “มีครับ…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากขึ้นอย่างเคร่งขรึมและจริงจังว่า “โอเค ขับรถของบริษัทออกมาคันหนึ่ง มารอฉันที่หน้าประตูเขตคฤหาสณ์บนทางออกด้านทิศตะวันตกของถนนชิงเฟิง หากเผยลี่เชินถามขึ้นมา ก็บอกว่าฉันเรียกเธอมาขนย้ายของ เรื่องเร่งด่วนมาก รอช้าไม่ได้”
โจ๋วฝันตกตะลึงไปชั่วขณะ ตัดสินใจไม่ถูก ในขณะที่กำลังลังเลอยู่นั้น เสียงที่เด็ดเดี่ยวของหญิงสาวก็ดังสะท้อนมาจากสายโทรศัพท์ฝั่งนั้นอีกครั้ง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเผยลี่เชิน หากเธอไม่ยินดีที่จะช่วยเขา งั้นก็ไม่ต้องมาแล้ว”
พูดจบประโยคนี้ โจ๋วฝันสะดุ้งขึ้นมาในทันที ไม่ได้คิดอะไรมากก็รีบตอบรับกลับไป “พี่เสว่เอ๋อร์ ผมจะไปเดี๋ยวนี้”
สายโทรศัพท์ถูกวางลง ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้ถอนหายใจยาวออกมา
หากไม่ยกเอาเผยลี่เชินออกมา เกรงว่าโจ๋วฝันที่จงรักภักดีขนาดนั้น คงจะไม่ฟังคำสั่งและการโยกย้ายไปปฏิบัติงานของเธออย่างแน่นอน
แต่ว่าความจริงคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ เพื่อที่จะช่วยเหลือเผยลี่เชินจริงๆ แม้ว่าในใจจะไม่ชัดเจนเลยแม้แต่น้อยว่าจะสามารถช่วยเขาได้หรือเปล่า แต่ไปลองดูสักหน่อย ก็ย่อมดีกว่านั่งดูอยู่เฉยๆเป็นไหนๆ
ไม่ถึงสี่สิบนาที ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ได้รับข้อความที่โจ๋วฝันส่งมา เธอรีบร้อนออกจากบ้าน แต่งตัวเรียบง่าย บนศีรษะยังสวมหมวกอีกใบหนึ่ง ปีกหมวกที่ใหญ่โตมโหฬารแทบจะปิดลงมาเกือบครึ่งค่อนใบหน้าของเธอ บดบังเอาไว้อย่างมิดชิด
ดึงประตูรถให้เปิดออก เผชิญหน้ากับใบหน้าที่ตื่นตะลึงของโจ๋วฝัน ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากอธิบายขึ้นเบาๆอย่างไม่เห็นด้วยกับท่าทีของโจ๋วฝันว่า “ตอนนี้ประธานเผยของพวกเธอตกอยู่ในอันตราย จะสามารถช่วยเขาได้หรือไม่ก็ต้องดูที่เธอแล้ว”
เล่าที่มาที่ไปของเรื่องให้กับโจ๋วฝันได้ฟังไปหนึ่งรอบ จากนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ประกาศวัตถุประสงค์ที่แท้จริงออกมา “ถานปินมีหลานสาวคนหนึ่ง ชื่อว่าเฝิงเช่น ความสัมพันธ์ของพวกเขาไม่เลวนัก ฉันคิดว่าพวกเราสามารถใช้เฝิงเช่นควบคุมถานปินได้”
“หลักๆจะต้องทำยังไงครับ?” โจ๋วฝันได้ยินดังนั้น ก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนไม่ค่อยเห็นด้วยสักเท่าไร
ไป๋เสว่เอ๋อร์เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบว่า “ในเมื่อถานปินสามารถก่อความวุ่นวายในเผยซื่อได้ งั้นพวกเราทำไมถึงไม่จับจุดอ่อนของเขาเอาไว้ให้แน่นล่ะ”
ในความทรงจำของเธอ เมื่อก่อนตอนที่เธอมีความขัดแย้งกับเฝิงเช่นในบริษัทนั้น ถานปินปกป้องเฝิงเช่นเป็นอย่างมาก รักและเอ็นดูอย่างหาได้เปรียบ หากเป็นเช่นนี้ ขอเพียงแค่พวกเขาทางนี้สามารถควบคุมเฝิงเช่นได้ กลัวเพียงแต่ว่าถานปินก็คงจะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามในบริษัทแล้วกระมัง?
โจ๋วฝันสุดท้ายก็ยังคงมีความลังเลเกิดขึ้น “แต่ว่า…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ “ไม่มีแต่ หากเธออยากมองเห็นเผยลี่เชินต่อต้านไม่ไหวแล้วล่ะก็ งั้นเธอลงจากรถ ฉันไปเอง”
เห็นท่าทีที่แข็งกร้าวของไป๋เสว่เอ๋อร์ โจ๋วฝันทำได้เพียงไม่พูดอะไรไปมากกว่านี้อีก เอ่ยถามขึ้นเบาๆว่า “งั้นตอนนี้พวกเราจะต้องทำอะไรครับ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “สืบหาก่อนว่าตอนนี้เฝิงเช่นอยู่ที่ไหน จากนั้นพวกเราค่อยไปเจอกันกับเธอ”
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง พวกเขาก็มาถึงยังหน้าประตูใหญ่ของคลับที่ตกแต่งด้วยสไตล์ที่หรูหราแห่งหนึ่ง
แม้ว่าจะอยู่ในช่วงเวลากลางวัน แต่หน้าประตูใหญ่ของคลับก็ยังคงมีรถหรูจอดอยู่เป็นแถบ เห็นได้ชัดเจน ไม่ต้องคิดไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เดาออกแล้วว่านี่คือสถานที่อะไร
หน้าประตูมีพนักงานบริการคอยเฝ้าอยู่ที่ด้านหน้าโดยเฉพาะ ในตอนที่เข้าประตูจะต้องแสดงบัตรวีไอพีออกมา ไป๋เสว่เอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นปัญหา ในขณะที่กำลังไม่รู้ว่าจะเข้าไปได้ยังไงนั้น อยู่ๆโจ๋วฝันที่อยู่ด้านข้างก็หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออกในทันที
“พี่เฟิง มีเรื่องนึงอยากจะรบกวนพี่หน่อยครับ…”
ไม่ถึงสามนาที โจ๋วฝันก็วางสายโทรศัพท์ลง ยกมุมริมฝีปากส่งยิ้มให้กับไป๋เสว่เอ๋อร์ แล้วเอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “เรียบร้อยแล้วครับ พี่เฟิงบอกว่าให้พวกเราระบุชื่อของเขาที่หน้าประตูได้เลย”
“ฉลาดจริงๆ!” ไป๋เสว่เอ๋อร์ฉีกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เปิดประตูลงจากรถไปในทันที
เป็นไปอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ ประสบปัญหาแบบนี้ยังไงก็ต้องไปหากู้หลี่เหลียง แล้วก็มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถจัดการได้อย่างสบายๆ
ทั้งสองคนเดินไปถึงหน้าประตู เผชิญหน้ากับพนักงานบริการ โจ๋วฝันระบุชื่อของกู้หลี่เหลียงด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบ จากนั้นก็ถูกปล่อยให้ผ่านไปจริงๆ ทว่าเข้ามาถึงด้านในของคลับ ทั้งสองคนกลับมึนงงอย่างสุดๆ
แสงไฟมืดสลัวในห้องโถงใหญ่ที่ตกแต่งอย่างประณีต โซฟานั่งที่ความมิดชิดสูงแยกทุกที่นั่งให้ห่างกันออกไป หันหน้าไปมอง สามารถเห็นเพียงแค่มีคนอยู่บนที่นั่งเท่านั้น อยากจะหาเฝิงเช่นในสถานที่ที่กว้างใหญ่ขนาดนี้เจอนั้นไม่ง่าย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชั้นบนของที่นี่ยังมีห้องรับรองพิเศษที่มีลักษณะพิเศษจำเพาะต่างๆอีก…
พวกเขาหาคนๆเดียวในคลับทั้งคลับแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องง่ายจริงๆ
อยู่ๆ ผู้หญิงที่แต่งตัวโป๊รูปร่างเย้ายวนคนหนึ่งก็เดินเข้ามาต้อนรับ สายตาจับจ้องมาที่โจ๋วฝัน ถึงขั้นไม่สนใจว่าไป๋เสว่เอ๋อร์ยังยืนอยู่ด้านข้างเลยแม้แต่น้อย ทั้งตัวของเธอก็บุกแนบชิดเข้ามา “คุณพี่สุดหล่อ ต้องการ “บริการ” ไหมคะ?”
แม้ว่าโจ๋วฝันอายุจะยังไม่มาก เพิ่งจะผ่านพ้นสิบแปด แต่ส่วนสูงร้อยแปดสิบกว่าบวกกับรูปร่างที่กำยำแข็งแรง เก็บความมุ่ยๆที่ดูเป็นเด็กบริเวณระหว่างหัวคิ้วออกไป บอกว่าเขาเป็นชายหนุ่มยี่สิบต้นๆก็ยังมีคนเชื่อ ยิ่งไปกว่านั้นเขาหน้าตาหล่อแบบใสๆ ไม่เหมือนกับเผยลี่เชินที่หน้าตาเย็นชาแข็งกระด้างปฏิเสธคนให้ออกห่างไกลเกินพันลี้อย่างนั้น ก็ต้องมีผู้หญิงที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนั้นเข้ามาแนบชิดเป็นธรรมดาอยู่แล้ว
อีกไปกว่านั้น มาถึงยังสถานที่แบบนี้ “บริการ”แบบนี้สำหรับทุกคนแล้วต่างก็เข้าใจโดยไม่จำเป็นต้องพูดออกมา ไม่มีอะไรจะซ่อนเร้นได้
แต่โจ๋วฝันสุดท้ายก็ยังคงเป็นมือใหม่ไม่เคยผ่านประสบการณ์ในเรื่องทางโลกมาก่อน ใบหน้าเปลี่ยนสีในทันที ร่างกายหดตัวเกร็งเข้าหากันแน่นถอยหลังออกไปสองข้าว เว้นระยะห่างคนสองคนเอาไว้
ผู้หญิงคนนั้นแสดงสีหน้าได้รับความเจ็บปวด ทว่ารอยยิ้มที่อยู่ในดวงตากลับเข้มข้นมากยิ่งขึ้น “พี่หนุ่มน้อย กลัวอะไรคะ จะไม่เลือกฉันสักครั้งจริงๆหรอ?”
“ไม่…” คำพูดปฏิเสธของโจ๋วฝันกำลังจะโพล่งออกมา แต่ใครจะรู้ว่าคำพูดยังไม่ทันจะหลุดออกมาจากปาก อยู่ๆก็มีคนดึงแขนเอาไว้
ไป๋เสว่เอ๋อร์ยืนอยู่ด้านข้าง จ้องผู้หญิงคนนั้นด้วยสีหน้าที่จริงจัง เอ่ยออกมาทีละคำทีละประโยคว่า “พวกเราเลือก พาพวกเราไปที่ห้องเถอะ”
ทั้งสองคนที่เหลือต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง โดนเฉพาะผู้หญิงคนนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
เดิมทีเธอเห็นการแต่งตัวของไป๋เสว่เอ๋อร์จึงไม่ได้สนใจในตัวเธอมากนัก คราวนี้เห็นใบหน้าที่งดงามสะดุดใจคนภายใต้ปีกหมวกที่บดบังเอาไว้อย่างชัดเจน ในใจก็แอบตกตะลึงขึ้นมาเล็กน้อย
แต่สุดท้ายเธอก็คือคนที่แฝงตัวอยู่ในสถานที่แบบนี้มาเป็นเวลานาน ก็เห็นเรื่องแปลกจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว เพียงแต่เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “สองคนต้องเพิ่มเงินนะคะ ตามฉันมาสิ”
โจ๋วฝันที่อยู่ด้านช้างก็ตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก ไม่เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย
เขาหันไปมองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่ยืนอยู่ด้านข้าง เห็นเพียงแค่สายตาที่ล้ำลึกเยือกเย็นและจริงจังของเธอ
ไป๋เสว่เอ่อร์เอ่ยปากสั่งด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “ตามเธอไป”