ตอนที่ 353 เด็กในท้องเป็นของใคร
“ประธานเผยครับ ผมสั่งให้ผู้จัดการห้องโถงของโรงแรมตั้งใจจัดเตรียมบุฟเฟต์อาหารทะเลโดยเฉพาะ สู้พวกเราพักผ่อนกันก่อนสักหน่อยจะดีกว่า การประชุมเจรจาธุรกิจตอนบ่ายค่อยต่อ?” ประธานเฉินฝ่ายผู้ร่วมลงทุนเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนน้อม มีมารยาทเป็นอย่างยิ่ง
เผยลี่เชินพยักหน้าเล็กน้อย เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ประธานเฉินเป็นเจ้าของสถานที่ มีอะไรคุณจัดการก็โอเคแล้วครับ”
ประธานเฉินได้ยินดังนั้น ก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “ประธานเผยช่างถ่อมตัวเกินไปแล้วจริงๆ”
พูดจบ เขาก็ปรบมือขึ้น หันหน้าไปทางทุกคน แล้วเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่เบาว่า “การประชุมหยุดลงชั่วคราว ร้านอาหารของโรงแรมได้เตรียมบุฟเฟต์อาหารทะเลเอาไว้ ทุกคนสามารถไปพักผ่อนก่อนได้”
หลังจากสั่งการเสร็จ เขาก็หมุนตัวแล้วเดินมาที่ด้านข้างของเผยลี่เชิน เอ่ยปากขึ้นเบาๆว่า “ประธานเผย ผมนำคุณไปครับ”
เผยลี่เชินพยักหน้า เหลียวศีรษะเล็กน้อยมองไปยังไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง เห็นเธอยังตามมาไม่ทัน จึงเดินด้วยฝีก้าวที่ช้าลง
คราวนี้ออกมาเจรจาการร่วมลงทุนนอกสถานที่ที่เมืองปินเฉิงกับเผยลี่เชิน เมื่อวานตอนบ่ายเพิ่งมาถึง วันนี้ก็รีบมาประชุมเจรจาธุรกิจกับฝ่ายผู้ร่วมลงทุนอย่างไม่ได้หยุดพัก เพียงแต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลังจากที่ตื่นนอนขึ้นมาในตอนเช้าเธอก็รู้สึกเวียนศีรษะ ไม่อยู่ในโหมดที่ปกติโดยสมบูรณ์แบบ
เผยลี่เชินมองอาการที่ดูเหมือนไม่ค่อยจะปกตินักของไป๋เสว่เอ๋อร์ออก เขาตั้งใจหยุดฝีก้าวลงแล้วเอ่ยถามขึ้นมาโดยเฉพาะว่า “เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์โบกมือขึ้นเล็กน้อย “ไม่เป็นอะไรค่ะ คงจะเป็นเพราะเมื่อวานไม่ได้พักผ่อนให้ดี”
ประธานเฉินที่อยู่ด้านข้างรู้ความสัมพันธ์ระหว่างเผยลี่เชินและไป๋เสว่เอ๋อร์ดี เขารับฟังอยู่ที่ด้านข้างแล้วเอ่ยปากออกมาในเวลาที่เหมาะสมว่า “อาจจะยังปรับตัวกับสถานที่ไม่ค่อยจะได้ อีกสักครู่ผมจะให้ผู้ช่วยเตรียมชาที่ทำให้จิตใจโล่งสบายและเครื่องหอมบางส่วนไปส่งให้ที่ห้องของคุณเลขาไป๋นะครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้าส่งให้กับเขาพร้อมรอยยิ้ม เอ่ยปากขอบคุณขึ้นเบาๆว่า “ขอบคุณประธานเฉินมากค่ะ”
พูดจบ ทุกคนก็เดินหน้าต่อไป โดยสารลิฟต์ตรงไปยังห้องอาหารของโรงแรมในทันที
หยิบถาดขึ้นมา ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามอยู่ที่ด้านหลังของเผยลี่เชิน ฟังประธานเฉินแนะนำผลิตภัณฑ์อาหารทะเลพิเศษของท้องถิ่นให้กับเขา เธอมองดูอาหารทะเลชนิดต่างๆมากมาย กลับไม่ได้มีความรู้สึกอยากอาหารอะไรนัก
เดินมาถึงด้านหน้าของหม้อๆหนึ่ง ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเห็นน้ำแกงเข้มข้นด้านในที่ตุ๋นด้วยเนื้อปลากับเนื้อแกะ ได้กลิ่นสาบแกะและกลิ่นคาวปลาที่ลอยปะทะขึ้นมาบนใบหน้า ก็รู้สึกตึงแน่นที่หนังศีรษะ ความรู้สึกพะอืดพะอมพุ่งขึ้นมาถึงบริเวณลำคอ
เธอพยายามฝืนกลั้นความรู้สึกที่ไม่ดีนี้เอาไว้ ทว่าพอสูดหายใจเข้าไป วินาทีต่อมาความรู้สึกที่พะอืดพะอมก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เธอยกมือขึ้นกุมไปที่ปากอย่างห้ามเอาไว้ไม่ได้ เดินไปทางห้องน้ำด้วยความรวดเร็ว
มองดูแผ่นหลังที่เดินจากไปอย่างรวดเร็วของหญิงสาว เผยลี่เชินก็ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย คำพูดที่ประธานเฉินพูดอยู่อีกด้านก็ฟังต่อไปไม่ไหวแล้ว เขานำถาดอาหารที่อยู่ในมือวางลงไปบนโต๊ะ เดินตามไปด้วยความรวดเร็วในทันที
ในห้องน้ำหญิง ไป๋เสว่เอ๋อร์พาดอยู่บนเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ อาเจียนแบบแห้งๆออกมาไม่หยุด
เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตอนเช้าเธอไม่ได้ทานอะไรมาเลย ทำไมอยู่ถึงได้รู้สึกพะอืดพะอมขึ้นมาอย่างกะทันหัน?
หยุดพักหายใจอยู่นาน ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงได้รู้สึกว่าความพะอืดพะอมที่อยู่บริเวณหน้าอกค่อยๆบรรเทาลงไปบ้าง เธอเปิดก๊อกน้ำ บ้วนปากเล็กน้อย พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นตัวเองที่ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำอยู่ในกระจก
ทันใดนั้น ข้างในกระจกก็มีเงาร่างที่สูงใหญ่เพิ่มขึ้นมา เผยลี่เชินเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “เกิดอะไรขึ้น?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบหมุนตัวกลับไป “นี่เป็นห้องน้ำหญิง คุณออกไปค่ะ…”
เธอเพิ่งยื่นมือออกไปกำลังจะดันเขาออก แต่กลับถูกมือข้างหนึ่งของเขากุมเอาไว้อย่างแม่นยำ “คุณไม่สบาย ผมพาคุณไปโรงพยาบาล”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่เห็นด้วย ดึงเผยลี่เชินก้าวขาเดินออกมาจากห้องน้ำ “ไม่ต้องค่ะ อาจจะเป็นเพราะอาหารเป็นพิษ”
สีหน้าของเผยลี่เชินอึมครึมแล้วอึมครึมอีก สุดท้ายก็ยังคงวางใจไม่ลง เพิ่งจะเดินออกมาจากห้องน้ำ มองเห็นประธานเฉินที่เดินหันหน้ามาทางนี้พอดี เขาจึงเอ่ยปากออกมาว่า “ขอโทษทีครับประธานเฉิน ผมอาจจะต้องพาเธอไปโรงพยาบาลสักรอบ”
ประธานเฉินได้ยินดังนั้น ก็พยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ผมให้ผู้ช่วยไปเตรียมรถ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นว่าปฏิเสธไม่ได้ จึงได้แต่ตามเผยลี่เชินไปยังโรงพยาบาลปินเฉิง
มาถึงยังสถานที่ คุณหมอก็สอบถามอาการเล็กน้อย ทำการตรวจสอบที่มีความสัมพันธ์กันชุดนึง หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ผลลัพธ์ถึงได้ออกมา
เดินมาถึงห้องตรวจวินิจฉัยโรคของคุณหมอ แพทย์หญิงเงยหน้าขึ้นมากวาดตามองไป๋เสว่เอ๋อร์กับเผยลี่เชิน นัยน์ตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย เธอนำรายงานผลการตรวจดันมาตรงหน้าของไป๋เสว่เอ๋อร์ “คุณตั้งครรภ์แล้ว ยินดีกับพวกคุณด้วยค่ะ”
ในขณะที่ได้ยิน “ตั้งครรภ์” สองคำนี้ ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกเพียงแค่ภายในสมองดังสนั่นอื้ออึงไปหมด ราวกับมีอะไรระเบิดออกมาที่ข้างหูของเธออย่างกะทันหันก็ไม่ปาน
เธอจะตั้งครรภ์ได้ยังไงกัน? ในเมื่อทุกครั้งเธอต่างก็มีการป้องกันอย่างชัดเจน!
เผยลี่เชินที่อยู่ด้านข้างได้ยินดังนั้น สีหน้าก็อึมครึมลงมาอย่างกะทันหัน
หนึ่งเดือนกว่ามานี้ เขารู้ว่าไป๋เสว่เอ๋อร์อารมณ์ไม่ดี จึงไม่ได้แตะต้องตัวเธอเลยแม้แต่น้อย เธอจะท้องได้ยังไงกัน? นอกเสียจากว่า…
ในสมองของเผยลี่เชินมีใบหน้าของลู่เหยาพาดผ่านเข้ามา ความโกรธก็พุ่งขึ้นภายในจิตใจทันที มือของเขาค่อยๆกำหมัดแน่น มองไปยังคุณหมอพลางเอ่ยถามด้วยสายตาที่อึมครึมเล็กน้อยว่า “ตั้งครรภ์แล้วจริงๆหรอครับ?”
แพทย์หญิงจะยังไงก็คิดไม่ถึงว่าพวกเขาทั้งสองจะมีการตอบสนองกลับมาเช่นนี้ เธอเกิดความลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังคงพยักหน้าออกมา “อายุครรภ์ห้าสัปดาห์ค่ะ”
อายุครรภ์ห้าสัปดาห์ เช่นนี้คำนวณดูแล้ว เป็นเวลาหนึ่งเดือนกว่าพอดี และก็สามารถเทียบกับเวลาที่เขาเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์กับลู่เหยาเดินออกมาจากโรงแรมด้วยกันได้พอดีเช่นเดียวกัน
ความโมโหทะลักขึ้นมา เผยลี่เชินขมวดคิ้วเข้าหากันแน่น จนเส้นเลือดที่บนหน้าผากนูนออกมา ราวกับมีโอกาสระเบิดขึ้นได้ทุกเวลาก็ไม่ปาน
ไป๋เสว่เอ๋อร์หันหน้าไป เห็นสีหน้าเช่นนี้ของชายหนุ่ม ก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาในทันที ยังไม่ทันจะรอให้การตอบสนองของเธอกลับคืนมา เผยลี่เชินก็ได้หมุนตัว ก้าวขาเดินออกจากห้องไป
เธอข่มความรู้สึกไม่สบายใจเอาไว้ จากนั้นก็หมุนตัว เดินตามออกไปด้วยความรวดเร็ว
ทั้งสองคนโดยสารลิฟต์ลงมายังชั้นล่าง ไม่ได้มีการสนทนาใดๆเกิดขึ้น จนกระทั่งเดินออกมาจากประตูใหญ่ของโรงพยาบาลแล้วขึ้นมาบนรถ ในวินาทีที่ปิดประตูลงนั้น ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำอย่างพยายามอดกลั้นของชายหนุ่มดังสะท้อนขึ้นมาที่ข้างใบหู “เป็นของเขาใช่ไหม?”
หัวใจของไป๋เสว่เอ๋อร์บีบรัดเข้าหากันแน่น ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงแผ่ขยายไปทั่วทั้งร่างกายในทันที เธอกำหมัดแน่นขึ้นมาโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว แม้กระทั่งรายงานผลการตรวจแผ่นนั้นต่างก็ถูกกำยับตามไปด้วย
ตลอดหนึ่งเดือนกว่าที่ผ่านมานี้ พวกเขาสองคนต่างก็เลือกที่จะมองข้ามเรื่องบางเรื่อง เช่นเธอเลือกที่จะลืมเรื่องของคุณพ่อไปชั่วคราว และเผยลี่เชินก็เลือกที่จะลืมเรื่องที่เธอกับลู่เหยาค้างคืนกันตามลำพังไปชั่วคราวเช่นเดียวกัน แต่ความสงบลงที่ภายนอกไม่ได้หมายถึงความขัดแย้งไม่มีอยู่
พวกเขาต่างฝ่ายต่างพยายามที่จะอดกลั้น เรื่องที่ไม่ยินดีที่จะสารภาพออกมา ก็เหมือนกับระเบิดเวลาสองลูกที่อาจจะระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา ดักซุ่ม แอบแฝง กลับทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะแยกความสัมพันธ์ที่อันตรายมากขึ้นเรื่อยๆนี้ของพวกเขาออกจากกันได้ทุกที่ทุกเวลา
“พูดสิ!” เสียงของชายหนุ่มยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย “เป็นของเขาใช่หรือเปล่า?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สูดหายใจเข้าเต็มปอด ราวกับถูกตบหน้าไปเต็มๆก็ไม่ปาน แก้มทั้งสองข้างแสบร้อนขึ้น เธอหันหน้าไปสบตากับเผยลี่เชิน เอ่ยถามย้อนกลับด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นว่า “คุณพูดอะไร รบกวนพูดออกมาให้ชัดเจนหน่อยค่ะ”
นัยน์ตาของเผยลี่เชินปะทุประกายไฟแห่งความโกรธออกมา “เด็กที่อยู่ในท้องของคุณ เป็นของลู่เหยาใช่หรือเปล่า!”
ประโยคเดียวบ่งบอกทุกสิ่งออกมาได้อย่างชัดเจน ไป๋เสว่เอ๋อร์สิ้นหวังอย่างถึงขีดสุด
ปลายจมูกเกิดความรู้สึกแสบร้อนขึ้น ฟันหน้าของเธอกัดริมฝีปากล่างเอาไว้แน่น ในใจรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรมเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากกับเขาแล้ว เธอก็ไม่เคยเกิดความสัมพันธ์อะไรขึ้นกับผู้ชายคนอื่นมาก่อน เธอกับลู่เหยาค้างคืนกันตามลำพังในคราวนั้น เธอก็อธิบายให้เขาฟังไปตั้งนานแล้ว ตอนนี้เขาไม่เพียงแต่ไม่เชื่อ กลับยังคิดว่าเด็กในท้องของเธอเป็นของลู่เหยา!
ความเข้าใจผิดและความไม่เชื่อใจกันแบบนี้ ราวกับว่าจะทำให้เธอสุดจะทนและสิ้นหวังมากยิ่งกว่าตบหน้าเธออย่างแรงเสียอีก
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟันเอ่ยถามย้อนกลับ “คุณคิดว่าเป็นของใคร?”
เส้นเลือดบนขมับของเผยลี่เชินเต้นตุบๆอยู่ตลอดเวลา เวลานี้สติสัมปชัญญะได้หายออกไปจนหมดสิ้น เขาหันไปยังคนขับรถที่อยู่ด้านหน้า ออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น “วนรถ กลับโรงแรม!”
เผชิญหน้ากับการหลบเลี่ยงไม่ตอบคำถามของเขา ความโกรธในใจของไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เพิ่มสูงขึ้นมา เธอยื่นมือออกไป คว้ามือของเผยลี่เชินเอาไว้ แล้วดึงเข้ามาอย่างรุนแรง “ฉันถามคุณค่ะว่า คุณคิดว่าเป็นของใคร?”
ทั้งสองคนสบสายตากัน นัยน์ตาเยือกเย็น ความผิดหวังและความสับสนสลับกันไปมา
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ไป๋เสว่เอ๋อร์ส่งเสียงหัวเราะประชดประชันออกมาอย่างเย้ยหยันในตัวเอง “ในใจของคุณไม่ใช่ว่ามีคำตอบอยู่แล้วหรอคะ?”