ตอนที่ 364 บังคับฉันใช่ไหม
คำพูดนี้ทำให้ไป๋เสว่เอ๋อร์ถึงกับหน้าซีด กายเย็นวาบ เดินถอยหลังไปครึ่งก้าว จิตใจหวั่นไหว “คุณคิดอย่างไร?”
ร่างกายชายหนุ่มเย็นประดุจน้ำค้างแข็ง หน้าดำคร่ำเครียด แต่ยังสะกดอารมณ์โกรธภายในใจเอาไว้ “ขอเพียงฉันอยากได้ เธอคิดว่าฉันจะทำไม่ได้หรือไง?”
ขอเพียงเขาอยากได้ เขาใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้เธออยู่ข้างกายเขา เขาแค่ใช้ความสามารถไม่ต้องสิ้นเปลืองแรงมากมาย
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึกด้วยหัวใจที่เย็นยะเยือก ความคิดทุกอย่างปรากฏขึ้นในสมองของเธอ เช่นเดียวกับเผยลี่เชินชายหนุ่มผู้ซึ่งมีหัวใจเย็นชา เขาจะทำอย่างไรกับเธอก็ได้ ทำอย่างไรกับลูกในท้องของเธอก็ได้ ซึ่งเธอไม่กล้าคิด
เธอส่ายหน้า เอ่ยปากอย่างมั่นคง “คุณไม่สามารถบังคับให้ฉันอยู่กับคุณได้!”
“ทำไมไม่ได้?” เผยลี่เชินมองด้วยสายตามืดมน จากนั้นก้าวไปข้างหน้าบังคับให้เธอเดินไปจนถึงมุมห้อง จับข้อมือของเธอไว้ “ไป๋เสว่เอ๋อร์ ฉันเคยบอกแล้วว่าฉันไม่ใช่คนดีอะไร ให้ฉันมองดูหญิงที่ฉันรักคลอดลูกของชายชู้ เธอคิดว่าฉันจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง?”
มือของชายหนุ่มแข็งแรงมาก เกือบจะบีบข้อมือเธอให้แหลกเป็นจุณ แต่ไป๋เสว่เอ๋อร์ยังอดทนไม่ร้องออกมาได้กัดฟัน “ปล่อยฉันนะ!”
สายตาของทั้งคู่จ้องมองกัน ดวงตาดูสับสน จมูกใกล้กัน เห็นได้ชัดเหมือนเป็นความสัมพันธ์ของคู่รัก แต่อารมณ์ของทั้งสองคนขณะนี้กลับเต็มไปด้วยความโกรธ ซึ่งไม่มีใครยอมใคร
หลังจากนั้นไม่นาน เผยลี่เชินเห็นดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกาย ทำให้จิตใจหวั่นไหว จึงค่อยๆ ปล่อยมือ น้ำเสียงอ่อนลง “ฉันจะให้หมอจัดการผ่าตัดเธอให้ดีที่สุด แล้วเราค่อยมีลูกของตัวเอง มีชีวิตที่มีความสุขต่อไป…”
เขายังพูดไม่ทันจบ ไป๋เสว่เอ๋อร์ดึงมือออกจากมือของเขา จากนั้นยกมือขึ้นตบที่ใบหน้าของเขา
“ผ๊ะ” เสียงนั้นชัดเจน แล้วทั้งสองหยุดชะงักไปสักครู่ แล้วบรรยากาศเปลี่ยนเป็นหดหู่โดยไม่รู้ตัว
ความตื่นตระหนก ความสับสนมากมายปรากฏอยู่ในหัวของไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอผลักเผยลี่เชินออกไป วิ่งโซเซไปอีกด้านหนึ่ง ทันใดนั้นกวาดสายตาเห็นกล่องใส่ปากกาที่วางอยู่บนโต๊ะ เธอไม่ลังเลหยิบมีดเล็กๆ ขึ้นมาจากในกล่อง จ่อที่บริเวณลำคอของตัวเอง
ไป๋เสว่เอ๋อร์หลังพิงหน้าต่าง มองเผยลี่เชินด้วยสายตาสับสน มือที่ถือมีดสั่นไหว “เผยลี่เชิน อย่ามาบีบบังคับฉันนะ?”
เผยลี่เชินมองดูหญิงสาวเมื่อจิตใจค่อยๆ สงบลง ด้วยความรู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก
เขาขมวดคิ้ว สายตาหม่นหมอง “ฉันไม่เคยบีบบังคับอะไรเธอ!”
เขาแค่ไม่อยากเห็นหญิงสาวที่เขารักให้กำเนิดลูกของชายชู้! แต่คิดไม่ถึง…ว่าเธอจะใช้ความตายมาบีบบังคับ!
“ไม่ว่าคุณอยากจะทำอะไร สรุปฉันตัดสินใจแน่นอนแล้ว! ถ้าคุณยังมาบังคับให้ฉันอยู่กับคุณอีก สิ่งที่ฉันสามารถให้คุณได้แน่นอนคือไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการ…”
พูดจบ เธอออกแรงที่มือนิดหน่อย ทิ่มปลายมีดเข้าไปที่เนื้อบริเวณคอ คอสีขาวของเธอเริ่มมีสีแดงปรากฏในทันที
ดวงตาของเผยลี่เชินเศร้าใจอย่างกะทันหัน “หยุดนะ ไป๋เสว่เอ๋อร์!”
“ปล่อยฉันไป!” ไป๋เสว่เอ๋อร์ตัวสั่น ใบหน้าสีขาวซีดเหมือนกระดาษ “ไม่เช่นนั้นก็จะตายไปพร้อมกัน”
เผยลี่เชินค่อยๆ กำมือแน่น มองดูความดื้อรั้นของหญิงสาวพร้อมกับเลือดสีแดงบนคอของเธอ เขารู้สึกร่างกายค่อยปรากฏความเย็นขึ้นช้าๆ พร้อมกับสูญเสียความเด็ดขาดความกล้าหาญที่มีในตัวเขา
หลังจากทรมานใจสักพัก ในที่สุดเขาก็เลือกการประนีประนอม “ฉันจะปล่อยเธอไปก่อน!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พูดอย่างแน่วแน่ชัดเจน “คุณต้องปล่อยฉันไป!”
หลังจากเงียบไปสองสามวินาที เผยลี่เชินขมวดคิ้ว ละสายตามองไปทางอื่น ถอนหายใจยาว “ได้ ฉันปล่อยเธอไป”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นไป๋เสว่เอ๋อร์ค่อยๆ ผ่อนคลายอารมณ์ของตัวเอง เธอค่อยๆ ลดมือที่ถือมีดลง เดินด้วยความสับสนไปอีกด้าน หยิบกระเป๋าสัมภาระออกจากห้องไป
เมื่อห้องกลับสู่ความสงบอีกครั้ง หญิงสาวก็เดินจากห้องนี้ไปไกลแล้ว เผยลี่เชินสติกลับมาอีกครั้ง อารมณ์จิตใจเริ่มสับสน
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากเขาไม่เคยต้องประนีประนอมยอมความได้ถึงขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม แต่กับไป๋เสว่เอ๋อร์เป็นข้อยกเว้นสำหรับเขา
ไม่กี่นาทีต่อมาโทรศัพท์ของโจ๋วฝันดังขึ้น “ประธานเผย คุณไป๋ออกจากโรงแรมแล้วนะครับ ต้องให้ตาม?”
“ตามไป แต่อย่าให้เธอรู้ตัว”
พูดจบ เขาก็วางสายโทรศัพท์ทันทีโดยไม่ลังเล
สิ่งเดียวที่เขาจะรับประกันได้ ก็คือความปลอดภัยของไป๋เสว่เอ๋อร์เท่านั้น
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขึ้นรถด้วยความตื่นตระหนก ยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหน จึงสั่งให้คนขับออกรถไปก่อน สองสามนาทีต่อมาจนใจสงบ เธอถึงได้รู้ว่าตัวเองไม่มีที่จะไป
ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่มีกะจิตกะใจจะรับโทรศัพท์เมื่อเห็นโทรศัพท์สั่นไหว แต่เห็นว่าเป็นชื่อของเจียงหวั่นหวั่นส่งข้อความปรากฏที่หน้าจอ
คิดไปคิดมาก็ยังคิดไม่ออกว่าจะไปที่ไหนที่จะเหมาะสมที่สุด ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟัน แล้วหยิบโทรศัพท์ส่งข้อความหาเจียงหวั่นหวั่น “หวั่นหวั่น คืนนี้ฉันไปอยู่กับเธอได้ไหม?”
ถ้าหาเธอไปอยู่ที่โรงแรมอื่น ไม่แน่ว่าเผยลี่เชินก็จะไปหาเธออีก คิดไปคิดมา ตอนนี้คนที่เธอพึ่งพาได้ก็มีแต่เจียงหวั่นหวั่นเท่านั้น
เจียงหวั่นหวั่นตอบกลับมาโดยไว “แน่นอน ฉันยินดีต้อนรับเธอเสมอมา!”
จิตใจอบอุ่นขึ้นมาทันที ไป๋เสว่เอ๋อร์บอกให้คนขับรถไปบ้านเจียงหวั่นหวั่น
หลังจากยี่สิบนาที รถก็มาถึงจุดหมายปลายทาง เธอลงจากรถหลังจากจ่ายเงินเรียบร้อยแล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์เห็นเจียงหวั่นหวั่นโบกไม้โบกมืออยู่ไม่ไกล
“เสว่เอ๋อร์!” เจียงหวั่นหวั่นยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รีบวิ่งมาหาเธอ แต่พอเข้ามาใกล้สังเกตเห็นบริเวณคอของเธอมีรอยเลือดสีแดงจึงตกตะลึง “คอเธอเป็นอะไร?”
เมื่อได้ยินเธอพูด ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบตอบโต้ทันที เมื่อสักครู่เธอรีบมากไปหน่อยจนลืมเอาผ้าพันคอพันไว้…
เธอรีบดึงคอเสื้อมาปิดไว้อย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไร พวกเรารีบไปกันเถอะ”
เมื่อมาถึงบ้านเจียงหวั่นหวั่น เธอรีบเอากล่องยาออกมา ให้ไป่เสว่เอ๋อร์นั่งให้เรียบร้อย “เธออย่าพึ่งขยับ เดี๋ยวฉันทำแผลให้เธอก่อนแล้วค่อยคุยกัน”
สภาพตึงเครียดค่อยๆ ผ่อนคลายลง ไป๋เสว่เอ๋อร์มองเจียงหวั่นหวั่น พร้อมกับพูดว่า “ขอบคุณนะหวั่นหวั่น”
เจียงหวั่นหวั่นโบกมือเมื่อได้ยิน “ระหว่างเรายังต้องพูดขอบคุณด้วยหรือไง? แต่เธอบอกฉันได้ไหมว่า แผลนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ใครเป็นคนทำ!”
เห็นเจียงหวั่นหวั่นท่าทางจริงจัง ไป๋เสว่เอ๋อร์เองก็ไม่อยากปิดบังอีกต่อไป หายใจเข้าลึก เธอพูดเบาๆ “ฉันทำตัวเอง”
“ว่าไงนะ!” เจียงหวั่นหวั่นประหลาดใจเมื่อได้ยิน จนทำสำลีเช็ดแผลหล่น “ทำไมเธอถึงทำร้ายตัวเอง”
ดวงตาของไป๋เสว่เอ๋อร์ดูมืดมน นิ่งไปสักพักจากนั้นเธอก็เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ทั้งหมดให้ฟัง
“ประธานเผยเป็นแบบนี้จริงๆ!” สีหน้าของเจียงหวั่นหวั่นดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อ โกรธจนดวงตาเป็นสีแดง “ทำไมเขาถึงบังคับเธอขนาดนี้!”
“หวั่นหวั่น” ไป๋เสว่เอ๋อร์เอ่ยปากเบาๆ อย่างหมดแรง “เรื่องมันเกิดขึ้นมาถึงนี้แล้ว ใครก็ไม่สามารถทำให้มันกลับไปเหมือนเดิมได้ ตอนนี้ฉันอยากนอนพักผ่อน ได้ไหม?”
“แน่นอน…ได้อยู่แล้ว” เจียงหวั่นหวั่นระงับความโกรธไว้ มองไป๋เสว่เอ๋อร์ที่อยู่ในสภาพอ่อนล้า คำพูดของเธอจึงหยุดแค่ที่ปาก หลังจากทำแผลเสร็จจึงพาไป๋เสว่เอ๋อร์ไปที่ห้องนอน
“เธอนอนหลับสักงีบ แล้วเดี๋ยวฉันจะมาเรียกเธอไปกินข้าว”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า นอนอยู่บนเตียงนอน
เมื่อเห็นเธอหลับตา เจียงหวั่นหวั่นจึงออกจากห้องพร้อมปิดประตูเบาๆ
เจียงหวั่นหวั่นเดินไปรอบห้องนั่งเล่น ด้วยความรู้สึกไม่เป็นสุข ทันใดนั้นใบหน้าของคนคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในสมอง หลังจากลังเลสักครู่ เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรศัพท์หาคนนั้นโดยไม่ลังเล