ตอนที่ 368 ฉันรอคุณ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ออกจากบ้านโดยไม่สนการคัดค้านของเจียงหวั่นหวั่น จากนั้นเรียกรถไปเผยซื่อ
ระหว่างทางไป๋เสว่เอ๋อร์รู้สึกสับสน ในสมองมีแต่ภาพอดีตของเธอกับเผยลี่เชินสลับไปมา
ไม่ว่าตอนนี้ระหว่างทั้งสองจะเดินทางมาถึงไหน แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้มาพบเจอกันจริงๆ และที่น่าชื่นชมยิ่งกว่าคือ เขาอยู่ตรงหน้าเธอเสมอในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด
ตอนนี้เผยลี่เชินกำลังประสบปัญหา เธอควรยื่นมือเข้าไปช่วย แม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้ แต่เธอก็จะลองดูสักตั้ง
ทันใดนั้นโดยไม่รู้ตัวเธอคิดถึงตอนที่เผยลี่เชินพาเธอไปที่สวนส่วนตัว ตอนนั้นเธอถูกกู้หลี่เหลียงและเจียงหวั่นหวั่นพวกเขาหลอกให้ไปสวนดอกไม้เห็น “ทะเลดอกไม้” ที่เผยลี่เชินสร้างให้เธอโดยเฉพาะ ตอนนั้นเธอมีความสุขมากจริงๆ
ถ้าพ่อไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียก่อน….ไม่แน่ว่าพวกเขาคงลงเอยอีกแบบหนึ่ง
มีความโศกเศร้าอยู่ในใจของเธอ จนกระทั่งเสียงคนขับรถดังขึ้น “ถึงแล้วครับ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์กลับมามีสติ จ่ายเงิน แล้วลงจากรถ แล้วรีบเดินไปที่ประตูของเผยซื่อ
ก้าวเท้าไปไม่กี่ก้าว ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็เห็นท่าทางเหมือนนักข่าวเฝ้าอยู่ที่ประตู เธอจึงหันตัวย่องเดินไปที่ทางเข้าอีกทาง ลงไปยังโรงรถชั้นใต้ดิน จากนั้นขึ้นลิฟต์ไปชั้นบน
โชคดีที่เธอพกบัตรของบริษัทมาด้วย ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่สามาถขึ้นลิฟต์ไปได้
ลิฟต์มาหยุดอยู่ที่ชั้นสำนักงานประธานบริษัท ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นเต้นนิดหน่อย เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ โดยปกติแล้วสำนักงานแห่งนี้ที่เงียบสงบ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังวุ่นวายขึ้นมา
ผู้คนเดินไปเดินมาด้วยท่าทางยุ่งวุ่นวาย ไป๋เสว่เอ๋อร์สวมหมวกแก๊ปเดินก้มหน้า จึงไม่เป็นที่สังเกตของใครต่อใคร
ไป๋เสว่เอ๋อร์เดินตามไปทางเดินผ่านห้องประชุมโดยไม่หยุดแวะ เดินต่อไปเรื่อยๆ จนถึงออฟฟิศของประธานบริษัท กำลังจะเดินถึงประตูออฟฟิศ ทันใดนั้นก็มีคนมาขวางเธอไว้
“เธอเป็นใคร? นัดไว้หรือเปล่า? ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะมาเดินไปโน้นไปนี่ได้!”
ไป๋เสว่เอ๋อร์เงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยเป็นอย่างดีซึ่งก็คือสวี่เยว่หรูนั่นเอง
สวี่เยว่หรูตกตะลึงเมื่อเห็นว่าเป็นเธอ จากนั้นมองเธอด้วยสายตาดูถูกเย็นชา พูดเย้ยหยัน “นึกว่าใครกัน นึกไม่ถึงว่าจะเป็นหนึ่งในรักสามเส้า”
“สวี่เยว่หรู โปรดระวังคำพูดด้วย คนนอกพูดข่าวลือยังไงก็ช่าง แต่เธอเป็นคนของเผยซื่อ พูดแบบนี้มันคุ้มกับเงินเดือนค่าจ้างแล้วหรือ?”
หลังจากที่พูดคำพูดเหล่านี้แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์ไม่หันไปมองเธออีกเลย เดินตรงไปที่ประตูออฟฟิศประธานบริษัท ยกมือขึ้นเคาะประตู
ไม่ได้ยินเสียงตอบรับจากด้านใน ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก จับลูกบิดและผลักประตูเข้าไปข้างใน
ไม่มีคนอยู่ด้านใน ตอนนี้เผยลี่เชินคงจะประชุมกับผู้บริหารระดับสูงหรือไม่ก็ผู้ถือหุ้นเรื่องการรับมือกับมหาชน
หลังจากปิดประตู ไป๋เสว่เอ๋อร์นั่งบนโซฟารอเผยลี่เชินกลับมา
หลังจากยี่สิบนาทีกว่าๆ เผยลี่เชินออกมาจากห้องประชุมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
ฉีเฟิงซึ่งตามออกมาด้วยถามว่า “ประธานเผย ถ้าเป็นเช่นนี้เกรงว่าคงถูกสื่อรุกรานไม่น้อย…”
เผยลี่เชินหยุดก้าว มองด้วยสายตาเย็นชา ถามกลับว่า “ไม่อย่างงั้นนายมีวิธีอื่นไหมล่ะ?”
ฉีเฟิงไม่ตอบแต่กลับพยักหน้ารับ “ครับ ผมจะไปกำชับ แล้วส่งจดหมายทนายความให้พวกเขา”
ขมับของเผยลี่เชินเต้นแรงจนต้องขมวดคิ้ว เขาก้าวเท้าเดินไปที่ออฟฟิศอย่างรวดเร็ว ก่อนผลักประตู ตอนที่เห็นเงาคนอยู่ในห้อง เขาตัวแข็งทื่อขึ้นมาทันที
เขาก้าวเท้าเข้าไปในห้องด้วยสีหน้านิ่วคิ้วขมวดในตอนแรกจากนั้นปิดประตูห้อง
ไป๋เสว่เอ๋อร์ลุกขึ้น หายใจยาวๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมดเดินไปหาเขา “ที่ฉันมาในวันนี้ เพราะมีบางสิ่งที่อยากให้คุณ…”
เธอยังพูดไม่ทันจบ ชายหนุ่มเดินไปหยุดอยู่หน้าเธอ จากนั้นยื่นมาโอบกอดเธอไว้ในอ้อมกอดของเขา
แรงที่ใช้ดูเหมือนจะทำให้ร่างของเธอจมหายไปอยู่ในร่างของตัวเอง
เดิมทีจิตใจไป๋เสว่เอ๋อร์ที่สร้างความสงบและความโหดร้ายอย่างแข็งแกร่ง ดูเหมือนในเวลานี้จะหายไปในอ้อมแขนของเขาเสียแล้ว
เผยลี่เชินหันไปกระซิบที่ข้างหูของเธอ “ฉันคิดถึงเธอ”
ความคิดทั้งหมดสุดท้ายก็อยู่ที่คำพูดนี้
ไป๋เสว่เอ๋อร์สะอื้น ทนไม่ได้ที่จะผลักเขาออกไป จากนั้นร้อนที่ใบหู จูบของชายหนุ่มช่างร้อนแรง จากใบหูลงมาแก้ม จมูก แล้วก็มาถึงริมฝีปาก….
สถานที่ที่ได้สัมผัสเหมือนตกลงไปที่ดาวอังคาร เผาไหม้ ร้อนแรง อบอุ่นแต่กลับรู้สึกคันนิดๆ
ร่างของไป๋เสว่เอ๋อร์สั่นไปหมดทั้งตัว ตอนที่ชายหนุ่มจูบมาถึงริมฝีปากของเธอ เธอจึงรีบผลักเขาออกทันทีทันใด
“เผยลี่เชิน” หลังจากที่ระงับการหายใจที่ไม่เป็นจังหวะได้แล้ว ไป๋เสว่เอ๋อร์หยิบยูเอสบีจากในกระเป๋าส่งให้เขา “นี่คือวิดีโอที่บันทึกไว้เมื่อฉันได้พบกับคนขับตอนอยู่เมืองปินเฉิง คลิปเหล่านี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ความผิดของเฝิงเช่นยังมีภาพของคนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งสามารถใช้เป็นหลักฐานได้ ฉันรู้แม้ว่าสิ่งเหล่านี้อาจจะไม่มีประโยชน์อะไรกับเผยซื่อในเวลานี้ แต่อย่างน้อยก็ไม่ได้นั่งนิ่งอยู่เฉย ปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไป หลักฐานเฝิงเช่นทำผิด อย่างน้อยก็สามารถแก้ไขข่าวลือจากพวกสื่อได้”
เผยลี่เชินมองดูยูเอสบีที่อยู่ในมือของหญิงสาว จิตใจสับสนจนยากอธิบาย เขารู้ว่าบางครั้งไป๋เสว่เอ๋อร์มีความเห็นอกเห็นใจจนเกินไป ไม่มีเหตุผล แต่เธอกลับพยายามรวบรวมหลักฐานใช้ในกรณีฉุกเฉิน
เขารู้สึกซาบซึ้งใจ
เผยลี่เชินหายใจลึก จ้องมองเธอก่อนจะถาม “เธอมาหาฉัน เพียงแค่เอาสิ่งนี้มาให้ฉันใช่ไหม?”
แน่นอนเขาอยากได้ยินคำตอบอื่นของเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งไปสักครู่ ก่อนจะพยักหน้า จากนั้นก็วางยูเอสบีไว้ที่โต๊ะข้างๆ แล้วพูดเบาๆ “คุณดูแลตัวเองดีดีนะ”
พูดจบประโยคเธอก็หันหลังเพื่อเดินจากไป
เผยลี่เชินเอื้อมมือไปคว้าของมือของเธอไว้ “ไป๋เสว่เอ๋อร์ เธอจะไปจากฉันจริงๆ เหรอ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สะอื้น จิตใจหวั่นไหว แต่เมื่อคิดถึงลูกในท้อง เธอจึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างช้าๆ “คุณปล่อยฉันไปก่อนเถอะ”
เธอรู้ดีว่า ในช่วงเวลาอันยากเย็นนี้ เธออดไม่ได้ที่จะใจอ่อนให้กับเผยลี่เชิน แต่วันหนึ่งถ้าชีวิตกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง เรื่องที่พวกเขาเผชิญก็อาจจะกลับมาปรากฏขึ้นอีกครั้ง เธอจึงจำเป็นต้องไปจากเขา! ไม่มีอะไรให้ลังเลและคิดถึงอีกต่อไป
เธอหายใจลึกหันไปมองเผยลี่เชินด้วยสีหน้าจริงจัง จับมือเขาไว้ ยิ้มมุมปากให้เขา “รอให้คุณจัดการเรื่องของบริษัทให้เรียบร้อยก่อน แล้วพวกเราค่อยมาพูดคุยกัน”
สายตาของเผยลี่เชินรู้สึกทึ่งเมื่อได้ยิน เขานิ่งไปชั่วขณะ พูดเบาๆ “ได้ ฉันรอเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า พูดเบาๆ “ฉันรอคุณ”
พูดจบเธอก็ปล่อยมือเผยลี่เชิน หันหลังเดินออกจากออฟฟิศไป
หลังจากออกมาจากออฟฟิศ ขึ้นลิฟต์ลงไปที่โรงรถชั้นล่างที่ไม่มีใครสังเกตเห็น ไป๋เสว่เอ๋อร์สะอื้นไห้ จนในที่สุดน้ำตาไหลออกมา
สุดท้ายสิ่งที่เธอพูดกับเผยลี่เชิน นั่นคือการโกหก
เธอจะไม่เจอหน้าเขาอีก และก็ไม่รอเขาด้วย ดังนั้นที่พูดกับเผยลี่เชินเพียงเพื่อให้เขาผ่อนคลายด้วยความระมัดระวังเท่านั้น
ใส่หมวกเรียบร้อย เดินออกมาจากโรงรถใต้ดิน ไป๋เสว่เอ๋อร์ใจลอยไม่ได้สติ เดินไม่กี่ก้าวทันใดนั้นก็ถูกคนลากขึ้นไปบนรถที่จอดอยู่ข้างๆ
ไป๋เสว่เอ๋อร์ตื่นตระหนก เมื่อเห็นคนที่อยู่ข้างๆ “คุณ…มาได้อย่างไรเนี่ย?