ตอนที่ 365 เฝิงเช่นตายแล้ว
ไป๋เสว่เอ๋อร์นอนหลับหลับตื่นตื่น เมื่อตื่นมาอีกทีท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
เธอค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งอย่างช้าๆ ในสมองปรากฏภาพเหตุการณ์การทะเลาะกันระหว่างเธอกับเผยลี่เชิน
เธอคิดไม่ถึงว่าจะมีวันนี้วันที่ตัวเองทะเลาะกับเผยลี่เชินถึงขนาดตาต่อตาฟันต่อฟัน
ไป๋เสว่เอ๋อร์อยากลุกลงจากเตียงเมื่อยกมือบีบขมับที่รู้สึกปวดจี๊ด จึงได้ยินเสียงที่ดังมาจากประตูด้านนอก
ประตูถูกผลักออก เจียงหวั่นหวั่นเดินเข้ามา “เสว่เอ๋อร์เธอตื่นแล้วหรือ?” ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า ยืนขึ้นเพื่อเดินไปหาเธอ
“ช้าก่อน!” ใบหน้าเจียงหวั่นหวั่นตะลีตะลาน เธอเดินไปขวางหน้าไป๋เสว่เอ๋อร์ “เสว่เอ๋อร์ ฉันมีเรื่องอยากจะสารภาพกับเธอ…”
“ทำไมเหรอ?” ไป๋เสว่เอ๋อร์ถามด้วยความสับสน “มีเรื่องอะไร?”
เจียงหวั่นหวั่นลังเลไปมาก่อนจะหายใจลึกแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าฉันไม่มีอำนาจมากพอ จึงช่วยเธอไม่ได้มาก แต่ในฐานะที่ฉันเป็นเพื่อนเธอ ไม่อาจจะหลับหูหลับตาปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานแบบนี้ ดังนั้นฉันจึงบอกเรื่องนี้ให้ประธานลู่รู้”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว สีหน้าเคร่งเครียด ยังไม่ทันได้เอ่ยปากอะไร เจียงหวั่นหวั่นดึงมือเธอไปเสียก่อน พูดอย่างจริงจัง “เสว่เอ๋อร์ อย่าโกรธเลยนะ ฉันทำไปก็เพราะหวังดีต่อเธอ! ทุกครั้งที่เธอต้องการความช่วยเหลือ ประธานลู่ก็มักจะช่วยเธอได้ทุกครั้ง ครั้งล่าสุดที่พวกเราเจอปัญหาก็ได้ประธานลู่ช่วยไว้ ยังมีครั้งนั้นบนเรือสำราญที่เธอหายไปก็เป็นเขาที่ช่วยไว้ ดังนั้นฉันจึง…”
ไป๋เสว่เอ๋อร์หายใจลึก มองดูเจียงหวั่นหวั่นในเวลานี้ที่เหมือนนักเรียนประถมที่ทำผิดพลาดแล้วรอรับการลงโทษ ผ่านไปสักครู่เธอก็ใจอ่อน พูดเบาๆ “ฉันรู้แล้ว ฉันไม่โทษเธอหรอก สบายใจได้”
“จริงนะ?” เจียงหวั่นหวั่นทั้งประหลาดใจทั้งดีใจ “ดีมากเลย พอประธานลู่ได้ข่าวว่าเธอลำบาก เขาก็ขอที่อยู่จากฉันรีบมาทันที ตอนนี้เขานั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น”
“ว่าไงนะ?” ไป๋เสว่เอ๋อร์ประหลาดใจ รีบก้าวเท้าเดินออกไปนอกห้อง
ลู่เหยานั่งอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นจริงๆ ด้วย สีหน้าเป็นกังวลอย่างมาก แต่ก็นั่งด้วยท่าทางอย่างระมัดระวังเนื่องจากตัวใหญ่แขนขายาว
เมื่อเงยหน้าเห็นไป๋เสว่เอ๋อร์ลู่เหยานิ่งไปชั่วขณะแล้วรีบลุกขึ้น ดวงตาของเขาไม่สามารถซ่อนเร้นความกังวลใจไว้ได้ “เสว่เอ๋อร์ เธอสบายดีไหม?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์พยักหน้า พูดเบาๆ “สบายดี”
เห็นใบหน้าหญิงสาวเรียวเล็กซูบผอมไป ลู่เหยารู้สึกเจ็บปวดใจยิ่งนัก เขาเดินไปข้างหน้าถามกลับเบาๆ “ไม่ได้เจอกันแป๊บเดียว เธอดูซูบผอมไปนะ แน่ใจนะว่าสบายดี?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ปิดบังความจริงไว้ไม่มิด เธอจึงได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่พูดอะไร
“ฉันรู้เรื่องระหว่างเธอกับเผยลี่เชินแล้ว ความเข้าใจผิดระหว่างพวกเธอเป็นเพราะฉัน ฉันต้องไปหาเผยลี่เชินพูดให้รู้เรื่อง เธอสบายใจได้….”
“ไม่ต้อง!” ไป๋เสว่เอ๋อร์รีบเงยหน้าขึ้น พูดอย่างร้อนรน “รุ่นพี่ ไม่ต้องไปหาเขา เรื่องระหว่างฉันกับเขามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย….”
ความเข้าใจผิดเรื่องเด็กในท้องเป็นเพราะเผยลี่เชินไม่เชื่อใจเธอ แม้ว่ามันจะคลี่คลาย แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเผยลี่เชินก็ยังเหมือนมีกำแพงมาขวางกั้น ซึ่งก็คือเรื่องสาเหตุการตายของพ่อเธอ
หลายครั้งที่ผ่านมาเธอพยายามบอกกับตัวเองว่าให้ลืมเรื่องสาเหตุการตายของพ่อซะ แต่ความจริงกลับไม่เป็นอย่างนั้น ยิ่งเธออยากลืมมากเท่าไร มันก็ฝังอยู่ในจิตใจลึกมากขึ้นเท่านั้น ความเข้าใจผิดจึงมีมากขึ้นเรื่อยๆ
น้ำเสียงของไป๋เสว่เอ๋อร์ฟังดูแน่วแน่ ลู่เหยาขมวดคิ้วพูดช้าลง “หรือจะให้เขาเข้าใจผิดอย่างนี้ตลอดไปนะหรือ? เธอคิดจะทำอะไรของเธอ?”
หลังจากเงียบไปนาน ไป๋เสว่เอ๋อร์กำมือแน่นโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว พูดอย่างโหดเหี้ยม “ฉันตัดสินใจแล้ว ฉันจะไปจากเขา ส่วนเด็กในท้อง ฉันจะเลี้ยงดูเขาเองเมื่อเขาเกิดมาก”
“แต่เสว่เอ๋อร์…ประธานเผยคงไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน” แล้วจู่ๆ เจียงหวั่นหวั่นที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ถ้าถึงตอนนี้เขาเกิดบีบบังคับเธออีก เธอคงไม่ทำร้ายตัวเองอีกนะ…”
หลังจากพูดประโยคนี้จบ ชั่วขณะนั้นทุกคนนิ่งเงียบไป
ด้วยนิสัยของเผยลี่เชิน จะปล่อยไป๋เสว่เอ๋อร์ไปง่ายๆ ได้อย่างไรกัน?
ไป๋เสว่เอ๋อร์กัดฟัน “งั้นฉันก็จะหนีไปในที่ที่เขาหาฉันไม่เจอ”
ลู่เหยาดูใจเย็นมากขึ้น เขาพูดเบาๆ “เสว่เอ๋อร์ เธอควรคิดให้ถี่ถ้วนก่อนนะ ถ้าเผยลี่เชินอยากตามหาเธอ ไม่ว่าอย่างไรเขาก็หาเธอเจอแน่น”
ไป๋เสว่เอ๋อร์รู้แน่นอน แต่ว่าในเวลานี้ เธอไม่มีวิธีอื่นใด เธอต้องการเพียงแค่สถานที่สงบเงียบดูแลลูกในท้องของเธอ
ไป๋เสว่เอ๋อร์นิ่งเงียบไม่พูดอะไรไปนาน จนลู่เหยายื่นมือโอบไหล่ของเธอ “ถ้าเธอเชื่อใจฉัน ฉันจะช่วยเธอเอง”
ไป๋เสว่เอ๋อร์จิตใจใส่ไหว เงยหน้ามองลู่เหยา ความคิดมากมายเกิดขึ้นในสมอง แต่หลังจากนั้นสักครู่หนึ่ง เธอส่ายหน้า ปฏิเสธอย่างอ่อนโยน “รุ่นพี่ ฉันไม่อยากรบกวนพี่”
ถ้าวันหนึ่งเกิดเผยลี่เชินรู้ว่าลู่เหยาช่วยเธอ ความโกรธทั้งหมดของเขาจะพลานไปถึงลู่เหยาด้วย ซึ่งเธอไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นกับเขา
ลู่เหยาพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “ฉันยอมช่วยเธอ เพราะฉะนั้นผลที่จะเกิดฉันเตรียมใจพร้อมรับมันแล้ว”
เจียงหวั่นหวั่นขัดจังหวะ “แต่เสว่เอ๋อร์ ถ้าเธอไม่ยอมให้ประธานลู่ช่วยเธอ แล้วใครที่ไหนจะช่วยเธอได้ล่ะ?”
ไป๋เสว่เอ๋อร์สับสน แต่เข้าใจสถานการณ์ของตัวเองในเวลานี้เป็นอย่างดี ถ้าไม่สามารถพึงคุณแม่ไป๋ได้ ถ้าพึ่งพากำลังตนเองคนเดียว เกรงว่าก็จะออกจากเมืองไห่เฉิงคงมีปัญหาแน่นอน
ไป๋เสว่เอ๋อร์รวบรวมความกล้าเงยหน้ามองลู่เหยา เธอหายใจลึก “พี่ต้องรับปากฉันก่อน ถ้าพี่และบริษัทของพี่ได้รับผลกระทบ พี่ต้องไม่มายุ่งกับฉันอีก พี่ต้องถอยทันที ปกป้องดูแลตัวเองก่อน ได้ไหม?”
ดวงตาของลู่เหยาแสดงออกอย่างชัดเจน เขาเข้าใจดีว่าถ้าเขาไม่รับปาก ไป๋เสว่เอ๋อร์ก็จะไม่ยอมรับความช่วยเหลือจากเขา ในที่สุดเขาก็พยักหน้ารับปาก “ฉันรับปากเธอ”
ไป๋เสว่เอ๋อร์ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย
เจียงหวั่นหวั่นเดินมาข้างหน้า พูดอย่างเงียบๆ “งั้นตอนนี้พวกเรามาปรึกษาหารือวางแผนหลบหนีกันเถอะ อย่างแรกต้องหาสถานที่ที่ปลอดภัยให้เสว่เอ๋อร์ ยังไงซะตอนนี้เธอกำลังท้องอยู่ พอท้องใหญ่แล้วคงไม่สะดวก…”
ลู่เหยาพยักหน้าแสดงความเห็นด้วย “ใช่ ตอนนี้พวกเราต้องมาปรึกษาหารือ เรื่องนี้ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งดี”
สมองตอนนี้ทั้งสับสนและซับซ้อนจนยากจะอธิบายได้ ไป๋เสว่เอ๋อร์จึงได้แต่พยักหน้า “ได้”
ในขณะเดียวกันที่คฤหาสน์เผยซื่อ
เผยลี่เชินนั่งอยู่ตรงระเบียงชั้นสองของห้องนอน ดื่มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า ผ่านไปไม่นานเหล้าเหลืออยู่ก้นขวด
ดูท่าจะดื่มเข้าไปมาก แต่ก็ไม่อาจลืมใบหน้าของหญิงสาวได้ จึงรู้สึกหงุดหงิดใจ ยกมือขึ้นแล้ววางแก้วเหล้าไว้บนโต๊ะอย่างแรง
หลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์มือถือที่อยู่บนโต๊ะเริ่มสั่นไหว
จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย เสียงฉีเฟิงดังขึ้นมาจากในโทรศัพท์ “ประธานเผย เกิดเรื่องแล้วครับ เฝิงเช่นตายแล้ว”
“ว่าไงนะ!” เผยลี่เชินสติตื่นตัวขึ้นทันที เขาถามกลับ “เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
ฉีเฟิงพูดเสียงเข้ม “เฝิงเช่นเกิดเป็นลมในทัณฑสถาน จึงถูกนำส่งโรงพยาบาล แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นถึงตายได้!”
เผยลี่เชินรีบลุกขึ้นด้วยสายตาเคร่งเครียด ก้าวเท้าออกจากห้อง เดินไปแล้วสั่งการไป “นายรีบไปที่โรงพยาบาลเพื่อดูสถานการณ์ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้