ตอนที่ 390 สัญญา30วัน
ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกเจ็บใจ ภายในใจเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่พูดออกมาไม่ได้
จู่ๆเธอก็คิดถึงคำพูดของป้าจางเมื่อคืน มือของเธอค่อยๆกำแน่นขึ้น ลังเลอยู่สักพัก
อันที่จริง ถ้าให้เทียบระหว่างหนึ่งเดือนกับหกปี ช่างต่างกันอย่างมาก
“ผมของเพียงแค่ให้คุณกับเจ๋อน้อยอยู่กับผมหนึ่งเดือน สามสิบวัน ไม่ขาดไม่เกิน” เผยลี่เชินพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด “คุณคิดให้ดีๆ คุณเลือกเอง”
หลังจากพูดจบ เขาก็หันหลังเดินออกจากห้องไป
ไป๋เสว่เอ๋ออดยิ้มเย้ยใส่เขาไม่ได้ เรื่องมาถึงตอนนี้ เธอกับเจ๋อน้อยถูกขังไว้ที่นี่ ยังจะมีตัวเลือกอื่นอีกงั้นเหรอ? หากเธอไม่ตอบตกลง เผยลี่เชินคงไม่ยอมปล่อยพวกเธอไปอย่างแน่นอน
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ตอบตกลงเขาเป็นเพียงตัวเลือกเดียวที่เธอทำได้
เมื่อเห็นกับข้าวมากมายที่อยู่บนโต๊ะ ไป๋เสว่เอ๋อลังเลอยู่สักพัก จากนั้นหยิบตะเกียบเริ่มทานข้าว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม วิธีอดอาหารก็ใช้ไม่ได้ผลแล้ว เธอคงไม่จำเป็นต้องแสร้งทำต่อไป เลือกที่จะกินให้อิ่มท้องคงดีกว่า
เธอเพิ่งทานไปได้เพียงครึ่งเดียว จู่ๆก็มีเสียงเจี๊ยวจ้าวดังขึ้น จากนั้นประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ไป๋เสว่เอ๋อหันหน้าไปมอง เห็นห้าวเจ๋อน้อยถือจานใบเล็กเข้ามา
“คุณแม่ ให้แม่ทานครับ…”
ไป๋เสว่เอ๋อก้มลงไปมอง ในจานเต็มไปด้วยกุ้งสีอมชมพูที่ปอกเปลือกออกแล้ว เธอมองห้าวเจ๋อน้อยด้วยความประหลาดใจ
ห้าวเจ๋อน้อยพูดขึ้นด้วยเสียงออดอ้อน “นี่เป็นสิ่งที่พ่อ…”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาก็หยุดชะงักลง กระพริบตาถี่ๆ รีบเปลี่ยนคำพูด “คุณอาข้าวโอ๊ตให้ผมเอามาให้แม่ครับ เขาปอกกุ้งด้วยตัวเองเลยนะ…”
“คุณอาข้าวโอ๊ต?” เมื่อไป๋เสว่เอ๋อชื่อนี้ อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เธอไม่ทันระวังเงยหน้าขึ้น เห็นเงามืดๆแอบมองอยู่ที่หน้าประตู เธอจึงเข้าใจขึ้นมาทันที
เธอหุบยิ้มลง แสร้งทำเป็นจริงจังพูดขึ้น “แม่ไม่กิน เจ๋อน้อย ลูกช่วยเอาไปคืนให้แม่หน่อยได้ไหม?”
“คุณแม่ชอบกินกุ้งไม่ใช่หรอครับ?” ห้าวเจ๋อน้อยแหงนหน้าเอียงถาม ไม่ยอมออกไป ยื่นจานด้วยสองมือน้อยๆเข้าไปตรงหน้าเธอ
“เมื่อก่อนลุงลู่เหยาปอกให้แม่ตลอด แต่ตอนนี้เขาไม่อยู่ ผมก็ปอกไม่เป็น….”
ห้าวเจ๋อน้อยยังพูดไม่ทันจบ ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออก “แกร๊ก” เผยลี่เชินเดินเข้ามา มองไปที่ไป๋เสว่เอ๋อด้วยสีหน้านิ่งเรียบ ราวกับอดกลั้นความโกรธไว้ไม่ไหว เขาไม่สนใจห้าวเจ๋อน้อยที่ยืนอยู่ด้านข้าง ขมวดคิ้วถามขึ้น “เมื่อก่อนลู่เหยาปอกให้คุณกินงั้นเหรอ?”
เมื่อนึกถึงลู่เหยา เผยลี่เชินอดไม่ได้ที่จะโมโหขึ้นมา ผู้หญิงและลูกชายของเขาถูกคนพาหลบหนีไปหกปี แต่เขากลับไม่รู้!
เมื่อเห็นสีหน้าของฝ่ายชายเปลี่ยนไป ไป๋เสว่เอ๋อไม่รู้ว่าจะตอบเขายังไง ห้าวเจ๋อน้อยเบ้ปาก มองไปที่เผยลี่เชินด้วยสีหน้าไม่พอใจ “คุณอาข้าวโอ๊ต ทำไมต้องใส่อารมณ์กับแม่ของผม!”
คำพูดที่พูดขึ้นด้วยเสียงเด็กน้อยพร้อมด้วยท่าทางที่แข็งกร้าว เขาเหมือนสุภาพบุรุษเด็กน้อยที่คอยยืนปกป้องผู้เป็นแม่
เผยลี่เชินหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง จึงจะรู้สึกขึ้นมาว่าน้ำเสียงตัวเองดุดันเกินไป สีหน้าไม่สบอารมณ์นัก ความเคร่งขรึมของเขาค่อยๆผ่อนลง “….ผมไม่ได้ตั้งใจ”
เผยลี่เชินเริ่มใจเย็นลง ห้าวเจ๋อน้อยพูดขึ้นด้วยท่าทีที่จริงจัง “ต่อไปห้ามดุแม่ของผมอีก เพื่อเป็นการลงโทษ ต่อไปนี้ปอกกุ้งให้แม่กินก็เป็นหน้าที่ของคุณแล้ว!”
เผยลี่เชินถูกเด็กห้าขวบสั่งสอนจนไม่กล้าพูดต่อ เมื่อได้ยินบทลงโทษของเขา เขากลับดีใจอย่างบอกไม่ถูก “โอเค เชื่อฟังหนูคนเดียว”
ไป๋เสว่เอ๋ออึ้งชะงักไป มองดูผู้ใหญ่กับเด็กด้วยความมึนงง ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
ทันใดนั้น ห้าวเจ๋อน้อยหันกลับมา วางจานในมือไว้ด้านข้าง ใช้มือน้อยๆจูงมือของไป๋เสว่เอ๋อ “คุณแม่ แม่อยากโกรธเลยนะ ผมสั่งสอนเขาไปแล้ว ลงโทษให้วันหลังเขาปอกกุ้งให้แม่”
ตอนนั้นเอง ไป๋เสว่เอ๋อไม่รู้จะรู้สึกโกรธหรือขำดี ไม่รู้ว่าลูกชายของตนกำลังช่วยหรือกำลังฉุด
ไม่รีรอให้เธอได้พูดอะไร ห้าวเจ๋อน้อยยกจานกุ้งขึ้นมาใหม่ ยื่นไปตรงหน้าของไป๋เสว่เอ๋อ “แม่รีบกินเร็ว กำลังร้อนๆอยู่เลย!”
ไป๋เสว่เอ๋อทำใจปฏิเสธเด็กน้อยไม่ได้ ทำได้เพียงพยักหน้าลง หยิบตะเกียบคีบขึ้นมากินหนึ่งชิ้น
เผยลี่เชินยืนมองไป๋เสว่เอ๋อกับห้าวเจ๋อน้อยอยู่ด้านข้าง รู้สึกอบอุ่นไปทั้งใจขึ้นมาทั้งที
เขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบนี้มาหลายปีแล้ว เมื่อเห็นพวกเขาในวันนี้ เขารู้สึกตื้นตั้นใจไปกับอารมณ์และความรู้สึกของพวกเขา ถ้าสามารถอยู่ด้วยกันสามคนอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา ต่อไปคงจะมีความสุขมาก?
รอให้ไป๋เสว่เอ๋อกินกุ้งจนหมด ห้าวเจ๋อน้อยก็เก็บจานออกไป เวลานั้น ภายในห้องจึงเหลือเพียงแค่เผยลี่เชินกับไป๋เสว่เอ๋อสองคน
บรรยากาศทั้งหมดเย็นชาขึ้นมาแปลกๆ ไป๋เสว่เอ๋อสูดหายใจเข้าลึก รวบรวมความกล้าทั้งหมดมองตรงไปที่เผยลี่เชิน พูดขึ้น “ฉันคิดดีแล้ว ฉันยอมรับข้อเสนอของคุณ แต่….”
น้ำเสียงของไป๋เสว่เอ๋อจริงจัง “เมื่อครบสามสิบวัน ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องปล่อยฉันกับเจ๋อน้อยไป มิฉะนั้นฉันก็ไม่กลัวที่จะหนีออกไป!”
เมื่อได้ยินหญิงสาวพูดขึ้นเช่นนี้ เผยลี่เชินยิ้มขึ้น สายตามีเลศนัย “สบายใจได้ ผมพูดคำไหนคำนั้น ถ้าคุณไม่เชื่อ ผมจะร่างสัญญาขึ้นมา”
เมื่อพูดจบ เผยลี่เชินหันหลังเดินออกไปจากห้อง ผ่านไปไม่นาน เขาก็กลับมาอีกครั้งพร้อมเอกสารในมือสองฉบับ
เขารีบเซ็นชื่อตัวเองลงไปบนเอกสารทั้งสองฉบับ จากนั้นยื่นเอกสารและปากกาให้เธอ
“สัญญาสามสิบวัน” เมื่อเห็นข้อความบนเอกสาร ไป๋เสว่เอ๋อสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกไม่ชอบมาพากล เธอหยิบเอกสารพลิกอ่านไปมาคร่าวๆ ย้อนนึกถึงเอกสาร “ผลประโยชน์ทรัพย์สินปัจเจกบุคคล” ที่เธอเคยเซ็นกับเผยลี่เชิน
เธอกัดฟัน หยิบปากกาขึ้น เซ็นชื่อตัวเองลงไปบนเอกสาร
เพื่อที่จะมั่นใจว่าเนื้อหาในเอกสารทั้งหมดเป็นความจริง เธอจึงพูดขึ้น “เดือนนี้ ฉันกับเจ๋อน้อยเป็นอิสระรึเปล่า?”
เผยลี่เชินยักคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “อื้ม แต่ถ้าคุณคิดจะหนี คุณคงรู้ผลลัพธ์ที่ตามมา”
ในเมื่อตอบรับเขาแล้ว ทั้งยังเซ็นชื่อลงบนเอกสารฉบับนี้เรียบร้อยแล้ว เธอก็ไม่มีความจำเป็นที่จะหลบหนีไปไหน เธอยอมแลกความเชื่อใจในเดือนหนึ่งเพื่อที่จะได้มาซึ่งชีวิตที่สงบสุขภายหลัง
“ฉันเข้าใจแล้วค่ะ” ไป๋เสว่เอ๋อหันมองเขา ยื่นมือออกมา “งั้นตอนนี้คืนมือถือให้ฉันได้แล้วยัง?”
เผยลี่เชินหยิบมือถือออกมายื่นให้เธอ จากนั้นพูดขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา “ส่วนเรื่องงานที่เซียงหนานไม่มีเรื่องกระทบอะไร ผมคุยกับบริษัทของคุณเรียบร้อยแล้ว พวกเขาให้คุณพักหนึ่งเดือน ในช่วงนี้ คุณสามารถแปลเอกสารสัญญาการค้าต่างประเทศให้บริษัทตระกูลเผย ผมจะให้ค่าตอบแทนคุณ”
เมื่อได้ยินเผยลี่เชินพูดเช่นนี้ ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกพึงพอใจ เธอพยักหน้าลง พูดขึ้น “ตกลงค่ะ”
เมื่อเป็นเช่นนี้ ในหนึ่งเดือนนี้เธอก็ไม่ต้องทนทรมานลำบากอีกต่อไป
ทันใดนั้น เสียงฝ่ายชายดังขึ้น “คืนพรุ่งนี้ คุณต้องกลับบ้านกับผม”
ไป๋เสว่เอ๋อตกใจตะลึง รีบหันไปหาเขา ถามด้วยความสงสัย “กลับบ้านที่ไหน?”
เผยลี่เชินพูดตอบ “กลับบ้านผม ไปพบคุณท่านเผย”
ได้ยินเช่นนั้น ไป๋เสว่เอ๋อรู้สึกร้อนไปทั้งหัว รีบพูดปฏิเสธทันที “ไม่ ฉันไม่กลับไป!